news-details
Business

“เสนา”เปิดแผนปีงูเล็ก ผุด 12 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 13,000 ล้านบาท ควงพันธมิตรญี่ปุ่นผุดคอนโดฯมากถึง 11 โครงการ พร้อมเปิดตัว 2 บ้านซีรีส์ใหม่ “บ้านธีร์ธัญ”ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลัก 1-3 ล้านบาท

เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เปิดแผนธุรกิจปี 68 ผุด 12 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 13,000 ล้านบาท เป็นคอนโดฯร่วมทุนกับกลุ่มพันธมิตรญี่ปุ่น ฮันคิว ฮันชิน มากถึง 11 โครงการ ประกาศชัดเจนเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับราคา 1-3 ล้านบาท ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 20% หรือมากกว่า 20,000 ยูนิตเป็นหลัก พร้อมเปิดบ้านธีร์ธัญ 2 ซีรีส์ใหม่ ใน 2 แบรนด์หลัก รวม 2,800 ยูนิต มูลค่า 12,000 ล้านบาท นำร่องเม.ย.นี้ 8 ทำเล ตั้งเป้ายอดขายปีนี้แตะ 15,500 ล้าน และยอดโอน 10,000 ล้านบาท ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการพัฒนาและยกระดับการอยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพ ตอบโจทย์ทุกมิติของผู้บริโภค ภายใต้กลยุทธ์ "Refined Focus" ต่อยอดจุดแข็งของธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจหลัก  ตั้งเป้ายอดขาย 15,500 ล้านบาท และยอดโอนกรรมสิทธิ์ 10,000 ล้านบาท ทั้งขับเคลื่อนธุรกิจปีงูเล็ก หวังก้าวข้ามทุกความท้าท้ายและยกระดับมาตรฐานของการเป็น ผู้นำด้านการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน (Sustainable Living Leader) ผ่านกลยุทธ์ "Refined Focus" ภายใต้ 4 แกนหลัก

 

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะยังคงเผชิญกับปัจจัยท้าทาย ทั้งปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดของสถาบันการเงิน อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และโครงสร้างเศรษฐกิจที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมียอด Pre-Sales สูงถึง 12,500 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการ LivNex เช่าออมบ้าน ที่มียอดขาย 1,900 ล้านบาท จาก 976 ยูนิต และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 6,515 ล้านบาท พร้อมกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความสามารถและศักยภาพของเสนาฯในการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง

 

 

สำหรับปี 2568 บริษัทเตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ 12 โครงการ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 11 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท โดยคอนโดฯทั้ง 11 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท จะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นรายเดิม คือ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ประเทศญี่ปุ่น ที่ร่วมทุนกันมายาวนานตั้งแต่ปี 2559 รวมกว่า  9 ปี จำนวน 66 โครงการ รวมมูลค่า 83,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 4 แบรนด์หลัก คือ

- Cozi 6 โครงการ

- Flexi 2 โครงการ

- Sena Kith 2 โครงการ

- ECO Town 1 โครงการ

 

ขณะที่โครงการแนวราบ คือ บ้านหรู Park Grand 2 รามอินทรา กม.9”มูลค่าประมาณ 2,400 ล้านบาท ทางเสนาฯจะเป็นผู้พัฒนาเอง ซึ่งการพัฒนาโครงการในปีนี้ ถือว่าน้อยกว่าปี 2567 ที่ผ่านมา ที่ประกาศเปิดตัว 17 โครงการ รวมมูลค่า 28,000 ล้านบาท ทั้งนี้มองว่าปี 2568 ยังมีปัจจัยลบที่ยังมีความท้าทายอีกมาก ทั้งเรื่องอัตราดอกเบี้ย และหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงอยู่

 

แต่อย่างไรก็ตาม  การพัฒนาโครงการของเสนาฯยังคงเน้นตลาด Affordable Segment ที่อยู่อาศัยระดับราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสนาฯครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 20% หรือมากกว่า 20,000 ยูนิต ทั้งนี้เพราะประชากรในพื้นที่กรุงเทพฯ สัดส่วนเกินกว่า 50% กำลังซื้อไม่เกิน 3.6 ล้านบาท บริษัทฯจึงอยากพัฒนาบ้านให้คนไทยส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น ส่วน“บ้านเพื่อคนไทย”นั้นมองว่าไม่มีผลกระทบเพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายคนละเซกเมนต์

 

นอกจากนี้ในปี 2568 นี้ เสนาฯยังเปิดตัวบ้านซีรีส์ใหม่ 2 แบบ คือ บ้านธีร์ และบ้านธัญ (มาจากชื่อเล่นของบุตรสาวทั้ง 2 คนของ ผซ.ดร.เกษรา)ซึ่งจะอยู่ในเฟสใหม่ของ 2 แบรนด์หลักคือ เสนา วิลเลจ (SENA Village)  และ เสนา เวล่า (SENA Vela)  จำนวนประมาณ 2,800 ยูนิต มูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท โดย บ้านธีร์ จะเป็นทาวน์เฮาส์ แต่ออกแบบฟังก์ชันให้เสมือนอยู่บ้านแฝด ขนาดตั้งแต่ 20-26 ตารางวา ส่วนบ้านธัญ เป็นบ้านแฝด แต่ออกแบบฟังก์ชันให้เสมือนอยู่บ้านเดี่ยว ขนาดตั้งแต่ 35-40 ตารางวา ระดับราคา 2-5 ล้านบาท ยกเว้นทำเลรามอินทรา ราคาอยู่ที่ 4-6 ล้านบาท โดยในเดือนเมษายน 2568 นี้ จะนำร่อง 8 โครงการ 8 ทำเล ได้แก่ เสนา วิลเลจ รามอินทรา กม.9, เสนา วิลเลจ บางนา กม.29 ,เสนา วิลเลจ รังสิต-ติวานนท์, เสนา เวล่า วงแหวน-บางบัวทอง, เสนา เวล่า รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง, เสนา เวล่า เทพารักษ์-บางบ่อ ,เสนา เวล่า สุขุมวิท-บางปู และ เสนา เวล่า สิริโสธร

 

ผศ.ดร.เกษรา กล่าวเพิ่มเติมว่า เสนาฯยังพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2568 เพื่อก้าวข้ามทุกความท้าท้ายและยกระดับมาตรฐานของการเป็น ผู้นำด้านการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน (Sustainable Living Leader) ผ่านกลยุทธ์ "Refined Focus" ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การพัฒนา แต่คือการยกระดับโครงการและบริการที่มีอยู่ให้ดีที่สุด โดยแบ่งออกเป็น 4 แกนหลัก ดังนี้  

1.No.1 in Affordable Market: เสนาเป็นผู้นำตลาด Affordable ปัจจุบันมีบ้านและคอนโดฯรวม 12,600 ยูนิต มูลค่ารวม 30,600 ล้านบาท ตอบโจทย์กลุ่มเรียลดีมานด์ ซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 54% ของครัวเรือนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เสนาฯเชี่ยวชาญในตลาดนี้และพร้อมยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัยให้เข้าถึงได้จริง

2.Strong Partnership: ความร่วมมือกับ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป พันธมิตรทางธุรกิจที่ยาวนานกว่า 9 ปี พัฒนาโครงการรวม 66 โครงการ มูลค่ากว่า 83,000 ล้านบาท ไม่เพียงเสริมศักยภาพทางการเงินเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่ง แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการบริหารของเสนาด้วยธรรมาภิบาลที่ดี และมาตรฐานการพัฒนาโครงการที่ยั่งยืนและยังคงเดินหน้า จับมือร่วมทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัยและเดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพร่วมกัน

3.SENA Eco System to Make Us Stronger: การขับเคลื่อนธุรกิจที่เสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ของกลุ่มธุรกิจหลัก  

  • SenX (เซ็นเอกซ์) – ยกระดับบริการอสังหาริมทรัพย์ด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี

     - Customer-Centric Data Center: SenX ศูนย์ข้อมูลที่ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการกับเสนา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

     - Service Excellence: มุ่งเน้นคุณภาพบริการโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 16 ปี ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

     - Sustainable Management: ใช้ Smart Tech บริหารจัดการที่อยู่อาศัยในโครงการอย่างยั่งยืน เช่น ระบบ BMS, Carbon Monitoring, และ Waste Management ผ่านความร่วมมือกับ Recycle Day

     - Smart Application: Always on Connectivityกับ แอปพลิเคชัน และเทคโนโลยีดิจิทัลในการบริการด้านที่พักอาศัย แบบ Seamlessเพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้ชีวิตแบบ "LIFE SIMPLIFIED" ได้ในทุก ๆ วัน

  • SENA Green Energy – ก้าวสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด The New S-Curve

     - ขยาย SENA Green Automotive สู่การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 3 แบรนด์NETA, LEAP และ DEEPAL รองรับเทรนด์พลังงานสะอาดและอนาคตของการขับเคลื่อน

     - SENA Solar Energy เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์ติดตั้งมากกว่า 1,000 ครัวเรือน

- SENA Reforestation ตั้งเป้าปลูกป่า 2,000 ไร่ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ประมาณ 11,334 ตันต่อปี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนความยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อม

SENA Eco System ไม่ใช่แค่การพัฒนาโครงการ แต่คือการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

4.Sustainable Living Leadership มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืนได้แก่

  • เดินหน้า แนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ (Zero Energy House concept) พัฒนา 42 โครงการรวมจำนวน 4,290 ยูนิต ลดการปล่อยคาร์บอนได้ไม่ต่ำกว่า 6,993 ตันคาร์บอนต่อปี
  • อีกขั้นของการพัฒนาที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต บ้าน ZEH (Zero Energy House ) New Model  บ้านเดี่ยวติดโซลาร์รูฟพร้อมแบตเตอรี่ กับ Segment High Class “Grand Serie” และ เตรียมเปิดตัวครั้งแรก ที่โครงการ เสนา พาร์ค แกรนด์ กม. 9 (SENA Park Grand Ramindra KM.9)  
  • ตอกย้ำความสำเร็จ SENA Low Carbon ด้วยการเปิดตัวครั้งแรก แฟล็กชิป คอนโดโลว์คาร์บอน พร้อมเข้าอยู่ 2 โครงการ คือ เฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา (Flexi Mega Space Bangna) และ นิช โมโน บางโพ (Niche Mono Bangpo)
  • เสนาเป็นบริษัทอสังหาฯ รายแรกในไทยที่มุ่งมั่นปลดล็อกโอกาสการเข้าถึงที่อยู่อาศัยผ่านการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และGeneration Rent ที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นทางการเงิน และมองหาทางเลือกที่อยู่อาศัยที่ไม่จำกัดแค่การซื้อขาด เสนาจึงได้เปิดตัว “LivNex” นวัตกรรมเช่าออมบ้าน เมื่อปีที่ผ่านมา และปีนี้พบ “RentNex” Subscription คอนโดฯ โมเดลของวงการอสังหาฯ ซึ่งได้รับความสนใจและผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของแนวทางนี้อย่างชัดเจน โดยมีลูกค้าเข้าร่วมโครงการLivNex แล้วกว่า 976 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนการเข้าถึงที่อยู่อาศัยให้เป็นจริงได้ในยุคที่เศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยตอบสนองความต้องการของตลาดและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน และในปี 2568 นี้ ตั้งเป้าจะเพิ่มอีก 1,000 ยูนิต
  • เดินหน้าบริการ V-Move, Smart Mobility concept นวัตกรรมที่ใช้รถพลังงานไฟฟ้าเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ ตั้งเป้าพัฒนา 24 โครงการ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 20 โครงการ และบ้าน 4 โครงการ ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนได้ไม่ต่ำกว่า 11,720 ตันคาร์บอนต่อปีเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 1,172,006 ต้น
  • The First EV Ready อสังหาฯ รายแรกของไทยที่ติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ในโครงการบ้านและที่อยู่อาศัย และรวมถึงติดตั้ง EV Station ส่วนกลางรายแรก เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับยานยนต์แห่งอนาคต
  • เดินหน้าพัฒนา Smart Application ต่างๆ ได้แก่ SENA 360 ให้บริการครอบคลุมทุกเรื่องของการซื้อที่อยู่อาศัย, Sen Prop ให้บริการลูกบ้านทุกเรื่องของการอยู่อาศัยในโครงการและ Smartify Home ผู้ช่วยในการตกแต่งบ้านและคอนโด เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการอยู่อาศัย

นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย นวัตกรรมทางการเงิน และ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญช่วยให้เสนาสามารถปรับตัวและรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคง และเสนาจะเดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องง่ายและเป็นไปได้จริงสำหรับทุกคน

 

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 15,500 ล้านเพิ่มขึ้นจากปีก่อนทำได้ 12,500ล้านบาท และยอดโอน 10,000 ล้านบาท ซึ่งได้รวมสัดส่วนรายได้จากโครงการ LivNex  เช่าออมบ้าน โดยที่จะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายวอโอน (Backlog) เข้ามาในปีนี้ประมาณ 40-50% จาก Backlog ทั้งหมดที่มีอยู่ 6,510 ล้านบาท และบริษัทยังคงทยอยการขายโครงการที่พร้อมโอนต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้เข้ามาให้กับบริษัท

 

“เสนาฯไม่ได้มุ่งมั่นแค่การเติบโตทางธุรกิจให้แข็งแกร่งทางการเงินเพื่อความมั่นคงขององค์กรเท่านั้น แต่เรายังเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และคุณภาพชีวิตของผู้คน เรามุ่งสร้างที่อยู่อาศัย ชุมชน และสังคมที่ช่วยลดคาร์บอน ผ่านนวัตกรรมและโซลูชันที่จับต้องได้ สิ่งที่เราภูมิใจที่สุด ไม่ใช่แค่การสร้างและขายบ้าน แต่คือการมอบ ‘Decarbonized Lifestyle’ ให้กับลูกบ้าน เพียงใช้ชีวิตตามปกติ ก็สามารถมีส่วนร่วมในการดูแลโลกได้ ในปีนี้เสนาตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนไม่น้อยกว่า 10,235 ตัน หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 1,020,000 ต้น ควบคู่ไปกับการตั้งเป้าเพิ่มโอกาสให้ผู้ที่มีข้อจำกัดทางการเงินสามารถเป็นเจ้าของบ้านคุณภาพได้ง่ายขึ้น จำนวน 1,000 ยูนิต ภายใต้โครงการ ‘LivNex เช่าออมบ้าน’ ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยสร้างความมั่นคงในชีวิต เสนาเชื่อว่าความยั่งยืนและการเติบโตทางธุรกิจต้องไปด้วยกัน รายได้สำคัญ การดูแลโลกก็สำคัญไม่แพ้กัน และเราจะเดินหน้าต่อไป ในฐานะ Sustainable Living Leader ที่สร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม” ผศ.ดร.เกษรา กล่าวในที่สุด

 

 

 

You can share this post!