news-details
Business

“กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์”เผยภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี’68 ยังเผชิญความท้าทาย เดินหน้ากลยุทธ์ยกระดับสร้างแบรนด์ขยายวงกว้าง ตั้งเป้าปีนี้ยอดสั่งสร้างทะลุ 1 พันล้านบาท

กลุ่มบิวท์ๆ เปิดมุมมองแนวคิดการทำธุรกิจรับสร้างบ้านปี 68 มุ่งสร้างผลงานคุณภาพให้สะท้อนภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้ในทุกมิติ เพื่อเพิ่มโอกาสการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยังยืนและอยู่รอดในทุกสถานการณ์ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ยกระดับให้ทุกไซต์งานสามารถเป็นบ้านตัวอย่างได้ เพื่อส่งมอบ บ้านคุณภาพสำหรับการใช้ชีวิตที่ดีของคนอยากมีบ้านในทุกระดับราคา ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 1,000 ล้านบาท

 

นายสุธี เกุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ เปิดเผยถึงมุมมองการทำธุรกิจรับสร้างบ้านปี 2568 และในอีก 3 ปีข้างหน้าว่า  จะเน้นขับเคลื่อนโดยพัฒนาแบรนด์เพื่อนำธุรกิจขององค์กรให้ก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นภายในองค์กรเพื่อส่งมอบความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้แม้จะต้องเผชิญกับความผันผวนต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยจะเห็นได้ชัดว่านับตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 หรือแม้แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมาต่อเนื่องจากหลากหลายปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม ทุกธุรกิจจำเป็นต้องมีการปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ ซึ่งถือเป็นการถอดบทเรียนสำคัญที่ทำให้กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ มุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตที่ไม่ได้สะท้อนออกมาแค่ในด้านของยอดขายและกำไร แต่มองที่การสร้างสรรค์กลยุทธ์อย่างไรที่จะนำองค์กรเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคและก้าวสู่การเติบโตได้อย่าง ยั่งยืนจากปัจจุบันสู่อนาคต

ธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันธุรกิจรับสร้างบ้านซึ่งเป็นบ้านที่ผู้บริโภคปลูกสร้างเอง (ไม่รวม ธุรกิจบ้านจัดสรร) ทั่วประเทศ มีมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งอยู่ในมือของผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อยกว่า 90% และอยู่ในมือของบริษัทรับสร้างบ้านประมาณไม่เกิน 15,000 ล้านบาท หรือไม่เกิน 7.5% ซึ่งนับว่าน้อยมาก

 

ทั้งนี้ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่นิยมใช้บริการของบริษัทรับสร้างบ้านมากนัก ไม่ใช่เป็นเหตุผลด้านราคาที่สูงกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้รับเหมารายย่อย แต่ปัจจัยที่สำคัญในการตัดสินใจอยู่ที่ความ คุ้มค่า กล่าวคือ ถ้าบริษัทรับสร้างบ้าน ซึ่งแม้ว่าจะมีราคาค่อสร้างสูงกว่าผู้รับเหมารายย่อย แต่ถ้าบริษัทรับสร้างบ้านปลูกสร้างบ้านได้มาตรฐาน งานก่อสร้างมีคุณภาพดี ( ทั้ง SPEC วัสดุ และฝีมือช่าง) งานถูกต้องตามหลักวิชาช่าง ทั้งวิศวกรรม และสถาปัตยกรรม งานมีความประณีตเรียบร้อยสมกับราคาบ้านรวมทั้งการบริการก่อนและหลังการขายที่ดี มีการรับประกัน ทั้งโครงสร้างบ้าน วัสดุ งานฝีมือ และให้ความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค ในเรื่องการบริการอย่างครบวงจร เช่น งานออกแบบก่อสร้าง ขอใบอนุญาต ก่อสร้าง ขอน้ำ ขอไฟฟ้า เลขที่บ้าน ฯลฯ กี่เชื่อว่าผู้บริโภคจะเลือกใช้บริการของบริษัทรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้นอีกมาก

ดังนั้นในปี 2568 กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ จึงมีกลยุทธ์สำคัญในการทำการตลาดแบบยั่งยืน (Sustainable Marketing) ทั้งด้านคุณภาพงานก่อสร้าง โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพตั้งแต่วันแรกของการ ก่อสร้าง และงานบริการที่ครบวงจร ควบคู่การทำ Branding เพื่อสร้างการจดจำและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กรในระยะยาว โดยคำนึงถึงปัจจัยหลักในการบริหารจัดการทั้งภายในและภายนอก ตั้งแต่พนักงานผู้รับงานผู้บริโภค ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง สิ่งแวดล้อมและชุมชนใกล้เคียง โดยไม่เน้นแข่งขันด้านราคาและโปรโมชันที่ดึงดูดลูกค้าได้ในระยะสั้น หรือการขยาย Capacity ในการรับงาน เพื่อให้มีปริมาณมากขึ้น แต่ไม่สามารถควบคุมคุณภาพหรือมาตรฐานงานก่อสร้างได้ จนส่งผลกระทบต่อลูกค้าและความน่าเชื่อถือของแบรนด์

 

"โดยจุดสำคัญที่จะเน้นย้ำตั้งแต่แรก คือ การรักษาคุณภาพและมาตรฐานของไซด์งานก่อสร้าง เพราะเป็นการสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ได้อย่างแข็งแกร่ง และช่วยขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้นได้ เพราะไซด์งาน ก่อสร้างถือเป็นพรีเซนเตอร์ที่แสดงถึงภาพลักษณ์ขององค์กรได้เป็นอย่างดี จนเกิดเป็น Storytelling ที่สร้างความประทับใจให้เห็นถึงกระบวนการก่อสร้าง ไม่ใช่แค่บ้านที่สร้างเสร็จ ให้เกิดเป็นภาพจำแก่ลูกค้าและผู้ที่พบเห็น จนบอกต่อกันในกลุ่มเพื่อนบ้านและผู้บริโภค เพราะกว่าจะเป็นบ้านสักหลังเราไม่ได้อยู่แค่กับลูกค้าแต่เราต้องอยู่ในพื้นที่ของชุมชน สังคม อย่างน้อยๆ 8-12 เดือน หรือมากกว่านั้น” นายสุธี กล่าว

นายสุธี กล่าวเพิ่มเติมว่า การดูแลมาตรฐานและ คุณภาพของไซต์งานจึงเป็นมุมมองที่สะท้อนภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือในการสร้างแบรนด์ได้เป็นอย่าง ดี นอกจากนั้นยังได้ผนึกกำลังกับทีมผู้รับงาน วิศวกร ทีมช่าง พนักงานขาย และยังเน้นให้ความรู้ทีมซัพพอร์ตหลังบ้านทุกฝ่ายตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ด้วยการจัดอบรม การจัดประชุมให้ความรู้ทีมงานเรื่องเทรนด์สเปกวัสดุต่างๆ การเพิ่มขั้นตอนการตรวจเช็คความเรียบร้อยของไซต์อย่างละเอียดก่อนส่งมอบ โดยบริษัทฯ ได้ตั้งคณะผู้ตรวจสอบบ้าน ทั้งทีมผู้บริหารฝ่ายขายและการตลาด ฝ่ายก่อสร้าง และ Inspector เสมือนตัวแทนของลูกค้าที่ตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานงานก่อสร้าง สู่ผลลัพธ์ที่นอกจากจะส่งมอบบ้าน คุณภาพถึงมือลูกค้าแล้ว ยังเป็นการส่งมอบประสบการณ์การสร้างบ้านที่ดีให้แก่ลูกค้าอีกด้วย และเมื่อลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพของแบรนด์ แบรนด์ก็จะแข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างยั่งยืนเช่นกัน"นายสุธี กล่าวต่อว่า การจะเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคให้เกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจในแบรนด์ จนส่งผลให้ตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นฟูได้นั้น จะต้องนำมาด้วยภาพลักษณ์ที่ดีและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ เพราะปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสื่อต่างๆ ได้หลากหลายและพิจารณาอย่างละเอียดมากขึ้นเน้นให้ความสำคัญกับสิ่งที่จับต้องได้มากกว่าราคา โดยเฉพาะแบบบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการ และความ มั่นใจในเรื่องการผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างบ้านที่มั่นคงแข็งแรง ถือเป็นจุดแข็งสำคัญของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ ที่ลูกค้าให้การยอมรับมาอย่างยาวนาน

สำหรับเป้าหมายในปี 2568 ไม่ได้ตั้งเป้าการเติบโตที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโคด แต่เป็นการรักษาเป้าหมายที่จะช่วยสร้างฐานของรายได้ที่แข็งแรงและยั่งยืนได้ในระยะยาวเป็นหลัก และด้วยสถานการณ์ตลาดภาพรวมในปีนี้ ยังมีความท้าทายอยู่ในหลายๆ ด้าน ทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ สถานการณ์ทางการเมืองและการปรับขึ้นราคาวัสดุก่อสร้างต่างๆ ฯลฯ จึงตั้งเป้าการเติบโตไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยกลุ่มบ้านระดับราคาที่น่าสนใจและมีแนวโน้มขยายตัวยังคงเป็นเซกเมนต์ประมาณ 5-10 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท ขึ้นไป ด้านแผนงานการตลาดเน้นการสื่อสารทั้งสื่อออฟไลน์ ออนไลน์ และกิจกรรมทางการตลาด ทั้งการออกบูธ และกิจกรรม Site Seeing ที่เปิดบ้านให้ลูกค้าได้เจาะลึกทุกขั้นตอน

 

โดยเน้นการสื่อสารที่ชูจุดแข็งเรื่องผลงานสร้างบ้านคุณภาพ การสร้างคอนเทนต์จากรีวิวของลูกค้าที่ใช้บริการจริง และการยกระดับการบริหารจัดการในทุกขั้นตอนงานก่อสร้าง ควบคู่ไปกับการพัฒนาการดีไซน์แบบบ้าน ฟังก์ชันภายในบ้านเทรนด์วัสดุใหม่ๆ และวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไว้เติมเต็มความต้องการของลูกค้า และจากความเชี่ยวชาญของทีมสถาปนิกที่เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคแต่ละช่วงวัย จึงสามารถออกแบบและพัฒนาแบบบ้านที่ครอบคลุมทุกความต้องการ อาทิ แบบบ้านสไตล์ Green Series, Modern Luxury Garage House, Modern Pool Villa ฯลฯ ปัจจุบันมีแบบบ้านให้เลือกสรรกว่า 120 แบบ ในดีไซน์และคอนเซปต์ที่แตกต่างกัน

ทั้งนี้ปี 2567 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ภาพรวมของทุกธุรกิจมีสภาพทางการเงินที่หืดแห้งไปมาก หนี้ครัวเรือนก็ยังสูง แต่ในส่วนของบิวท์ ทู บิวด์ กลับมาลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เพราะมีความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้า ซึ่งมีการสั่งสร้างบ้านตั้งแต่ราคา 3-100 ล้านบาท  รวมประมาณ 170-180 หลัง (จากปกติจะสร้างบ้านระดับราคา 3-50 ล้านบาท) ทำให้ในปีที่ผ่านมางานก่อสร้างและส่งมอบล่าช้าไปเกือบ 40% หรือ 1-6 เดือน ที่แล้วจะส่งมอบแล้วเสร็จได้ยาวมาถึงไตรมาส 1/2568 เนื่องจากบุคลารองรับไม่เพียงพอ ประกอบกับลูกค้ามีการปรับเปลี่ยนและแก้ไขงานบ่อยด้วยเช่นกัน ซึ่งเราก็น้อมรับไว้เองทั้งหมด และความล่าช้าที่เกิดขึ้นก็ได้มีจ่ายค่าชดเชยให้ลูกค้าบ้าง หรือใช้วิธีการบริการและดูแลให้อีก 2 ปี เป็นต้น ซึ่งลูกค้าก็เกิดความประทับใจ จึงทำให้ลูกค้ามากเกินเป้าที่ตั้งไว้ถึง 40% ส่วนใหญ่เป็นบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล  และสามารถทำรายได้ได้ประมาณ 900 ล้านบาท แต่ก็ยังน้อยกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท และในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568 มียอดสั่งสร้างบ้านาแล้วประมาณ 15-18 หลัง ส่วนใหญ่เป็นบ้านระดับราคา 3-10 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าประมาณเกือบ 100 ล้านบาท

 

“สำหรับลูกค้าที่สนใจหรือกำลังมีแผนสร้างบ้าน สามารถมาพบกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ พร้อมรับสิทธิพิเศษ กันได้ใน ‘งานรับสร้างบ้าน Focus 2025’ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-16 มีนาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 8 ภายใต้แนวคิด ‘HOME: เพราะบ้าน คือจุดเริ่มต้นของความสุข’ และ ‘งานบ้านและสวนแฟร์ Select 2025’ ระหว่างวันที่ 22 - 30 มีนาคม 2568. ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา คาดว่าทั้ง 2 งานดังกล่าวจะสามารถทำยอดสั่งสร้างบ้านได้ประมาณ 200 ล้านบาท” นายสุธี กล่าวในที่สุด

You can share this post!