วิทยุการบินฯ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และหน่วยงานด้านการบินประเทศจีน ร่วมประชุม แลกเปลี่ยนข้อมูล และประสบการณ์ ณ เมืองเจิ้งโจว ลั่วหยาง สาธารณรัฐประชาชนจีน ขยายโอกาสการท่องเที่ยวไทย – จีน โดยเตรียมความพร้อมรองรับปริมาณเที่ยวบิน และผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพทางการบินในปัจจุบันและอนาคต ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ดร. ณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า “นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้วิทยุการบินฯ เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนและขับเคลื่อนการเปิดใช้งานท่าอากาศยานอู่ตะเภาอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพทางการบิน ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ การขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยว และการคมนาคมขนส่งทางอากาศ”
ดร. ณพศิษฏ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “วิทยุการบินฯ ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานท่าอากาศยานอู่ตะเภา เดินทางไปร่วมประชุมและศึกษาดูงานหน่วยงานด้านการบิน ณ เมืองเจิ้งโจว และเมืองลั่วหยาง สาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นโอกาสดีที่ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานด้านการบิน เช่น หน่วยงานให้บริการการเดินอากาศของจีน ได้แก่ ATMB (Air Traffic Management Bureau) หน่วยงานที่บริหารท่าอากาศยาน และผู้ประกอบการสายการบินจีน คือ สายการบิน China West Air สายการบิน Lucky Airline และสายการบิน China Urumqi เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ บูรณาการความร่วมมือ ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยสายการบิน China Urumqi ได้ให้ความสนใจเปิดเส้นทางการบิน เจิ้งโจว – อู่ตะเภา และได้ทำการบินแบบ Schedule Flight โดยทำการบินทุกวันเสาร์ สัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2567
ทั้งนี้ ได้มีการเริ่มทำการบินสู่สนามบินอู่ตะเภาครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา จากผลของการขับเคลื่อนโครงการอู่ตะเภาเฟสศูนย์ ซึ่งมาจากการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง วิทยุการบินฯ กับท่าอากาศยาน อู่ตะเภา ส่งผลให้เกิดเครือข่ายการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างประเทศไทย – จีน อีกด้วย และที่สำคัญเป็นการเปิดตลาดการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอีกด้วย โดยมุ่งเน้นให้สนามบินอู่ตะเภา เป็นอีกจุดมุ่งหมายหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญ เป็นการลดความแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สนามบินอู่ตะเภามีความสามารถในการรองรับปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินได้อย่างเต็มศักยภาพ มีเป้าหมายเพิ่มผู้โดยสาร 3 ล้านคน ในปี พ.ศ 2570 อีกทั้งมีแผนพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินอู่ตะเภา ก่อนเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ 2571”
ทั้งนี้ วิทยุการบินฯ ได้เข้าไปมีบทบาทในการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ โดยทำการออกแบบห้วงอากาศและวิธีปฏิบัติการบิน จัดทำเส้นทางบินแบบคู่ขนาน (Parallel Route) ระหว่าง จีน – ไทย สอดรับการเชื่อมโยงไปยังเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งจะช่วยยกระดับความปลอดภัยในการทำการบิน ทำให้สามารถบริหารจัดการจราจรทางอากาศได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน นอกจากนี้ ได้จัดเตรียมความพร้อมเพื่อให้บริการการเดินอากาศ ทั้งด้านบุคลากร ระบบอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้แก่ บริการระบบการสื่อสาร ระบบช่วยการเดินอากาศ และระบบติดตามอากาศยาน ให้ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการบิน และอำนวยความสะดวกให้กับทุกเที่ยวบิน ที่เข้ามาใช้บริการ ณ สนามบินอู่ตะเภา ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และจะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งทางอากาศ สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมให้ประเทศชาติ ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม