news-details
Business

“ขุนคลัง”เร่งกระทุ้งต่ออายุมาตรการอสังหาฯดันภาคอุตสาหกรรมฟื้น หลังธปท.ประกาศปลดล็อก LTV นำหน้าแล้ว ด้านงานมหกรรมฯคาดหวังเม็ดเงินสะพัดตามเป้า 4 พันล้านบาท

“พิชัย ชุณหวชิร”เผยเตรียมเร่งต่ออายุมาตรการการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองให้เหลือเพียง 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 50% ปี 68 หวังฟื้นภาคอสังหาฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย ล่าสุดธปท.ใจอ่อนปลดล็อกมาตการ LTV ชั่วคราวแล้ว 1 ปี ด้านผู้ประกอบการปลื้มมาตรการภาครัฐช่วยดันอุตสาหกรรมขับเคลื่อนต่อ ตลาดอสังหาฯกลับมาคึกคัก คาดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 มีเม็ดเงินสะพัดตามเป้า 4,000 ล้านบาท

 

วันนี้ (20 มี.ค.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่  20-23 มีนาคม 2568 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งงานดังกลาวจัดขึ้นโดย 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร , สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมอาคารชุดไทย  เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเครื่องจักรใหญ่และสำคัญของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าการลงทุนสูงและยังมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องหลายภาคส่วน ดังนั้นงานมหกรรมบ้านฯ จึงเป็นมากกว่าการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นตลาดให้ฟื้นตัวและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคที่ยังชะลอการตัดสินใจซื้อกลับมาตัดสินใจซื้อบ้าน ซึ่งมหกรรมบ้านบ้านและคอนโดเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

​โดยในการจัดงานครั้งที่ผ่านมาพบว่ามียอดจองซื้อที่อยู่อาศัยในงานกว่า 6,000 ล้านบาท แต่ก็ต้องประสบปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อสูงทำโดยมียอดปฏิเสธสินเชื่อกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมียอดการอนุมัติสินเชื่อและมีการซื้อขายที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นจริงเพียง 4,000ล้านบาท ส่วนในปีนี้ด้วยทิศทางตลาดอสังหาฯที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นคาดว่าจะทำให้แนวโน้มการปฏิเสธสินเชื่อลดลง  

   

ขณะที่เดียวกันที่ผ่านมา 3 สมาคมอสังหาฯได้มีการเสนอ 4 มาตรการกระตุ้นตลาดต่อรัฐบาลเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้นคือ ต่ออายุมาตรการการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองให้เหลือเพียง 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ผ่อนคลายมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV)ชั่วคราวเป็นเวลา 2 ปี เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น (ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ธปท. ได้ประกาศปลดล็อก LTV เป็นการชั่วคราว 1 ปี) รวมถึงมาตรการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคารของรัฐ เช่น ธอส. วงเงินรวม 1.2 แสนล้านบาท เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางสามารถมีบ้านได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีการหารือเกี่ยวกับการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 50% ในปี 2568 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย

นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาได้มีการหารือกับสมาคมธนาคารไทย ถึงเรื่องการปล่อยสินเชื่อใหม่ ขณะเดียวกันยังหารือเรื่อง การแก้ไขปัญหาหนี้เดิมให้ผ่อนคลาย โดยที่ผ่านมามีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มีการออกโครงการ"คุณสู้ เราช่วย" และหลังจากนี้จะต้องมีมาตรการขั้นต่อไป หลังจากเจรจา มีคนเข้าสู่กระบวนการ 50% ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อบ้าน ขั้นต่อไปคือ การปรับโครงสร้างหนี้

สำหรับโครงการซื้อหนี้ประชาชน ปัจจุบันพบว่า มีหนี้ครัวเรือน 13 ล้านล้านบาท ที่ไม่รวมหนี้จากสหกรณ์ออมทรัพย์ คิดเป็น 9 ล้านบัญชี ลูกหนี้ประมาณ 5 ล้านคน พบว่า เป็นกลุ่มที่มีหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาท คิดเป็น 35% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่มีอยู่ 1.2 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคและบัตรเครดิต ซึ่งสถาบันการเงิน ได้ตั้งสำรอง 100% แล้ว

​ขณะนี้กำลังพิจารณาหาแนวทางดึงหนี้ส่วนนี้ออกมาบริหารจัดการ เจ้าหนี้ติดต่อลูกหนี้ไม่ได้ เพราะหนี้ตรงนี้มีการชำระต่ำ และต้นทุนแทบไม่มีแล้ว นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาหาแนวทางปลดล็อกจากเครดิตบูโร คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนภายใน 3-6 เดือน

นายดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต รองเลขาธิการสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 กล่าวว่า นอกจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐแล้ว ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พร้อมสถาบันการเงินชั้นนำได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่ม ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยกลับมาคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อที่ชะลอการตัดสินใจจากปีก่อนและผู้ที่กำลังรอโอน ซึ่งการที่ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันในครั้งนี้ ถือเป็นจังหวะที่ดีในการฟื้นตลาดอสังหาฯ ประกอบกับการลดดอกเบี้ยที่เพิ่งเกิดขึ้น ยิ่งเป็นตัวเร่งสำคัญให้กำลังซื้อกลับมา ผู้บริโภคจะได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด ทั้งจากผู้พัฒนาโครงการและจากสถาบันการเงิน

 

โดยปีนี้ผู้จัดงานชูเทรนด์แนวคิด “Sustainable Living For Better Life” เพื่อคุณ เพื่อโลก เพื่อความยั่งยืน โดยภายในงานรวบรวมโครงการบ้านและคอนโดฯจากทั่วประเทศกว่า 1,000 โครงการ ที่รองรับทุกดีมานด์ ครอบคลุมตั้งแต่สินค้าประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำ เช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน),ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน), ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) รวมถึงบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำ ที่ร่วมกันจัดแพ็กเกจสินเชื่อพิเศษและอัตราดอกเบี้ยต่ำเฉพาะในงานนี้เท่านั้น

นอกจากนี้ผู้จัดงานยังเตรียมของรางวัลและสิทธิพิเศษมากมาย สำหรับผู้ที่จองซื้อที่อยู่อาศัยภายในงาน มีสิทธิ์ลุ้นรับส่วนลดเงินสดและเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท ตลอดระยะเวลาการจัดงาน 4 วันเต็มอีกด้วย คาดว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะมีเม็ดเงินสะพัดตามเป้าที่ตั้งไว้ 4,000 ล้านบาท

You can share this post!