news-details
Business

SET ส่อแววดิ่ง สงครามการค้าดุเดือดมากขึ้น

 InnovestX มองหุ้นไทยส่อแววดิ่งลง หลังสงครามการค้าดุเดือดมากขึ้น ประเมินแนวรับที่ 1,115-1,100 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(11 เม.ย.) คาด SET แกว่งลง สงครามการค้าส่อเค้าแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 145% ทำให้ความหวังที่ทั้ง 2 ชาติจะหันกลับมาเจรจาลดลง และหักล้างปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐชะลอการใช้มาตรการภาษีตอบโต้ออกไปอีก 90 วัน อีกทั้งต้องระวังแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนช่วงวันหยุดยาว ประเมินแนวรับที่ 1,115-1,100 จุด แนวต้านที่ 1,140-1,150 จุด


ประเด็นสำคัญ

• ทำเนียบขาวแถลงว่า ปธน. ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 125% ยังไม่รวมกับที่ ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% เพื่อลงโทษจีนที่ไม่ได้สกัดการไหลทะลักของยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีจากจีนสูงถึง 145%

• EU ประกาศจะชะลอการใช้มาตรการตอบโต้การเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ออกไปอีก 90 วัน เพื่อเปิดทางสำหรับการเจรจาปัญหาทางการค้า ขณะที่จีนประกาศแผนลดการนำเข้าภาพยนตร์จากสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ

• สหรัฐเผย มี.ค. 68 ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 2.4%YoY และ Core CPI เพิ่มขึ้น 2.8%YoY ชะลอตัวลงจาก ก.พ. และต่ำกว่าตลาดคาด ซึ่งแม้เป็นปัจจัยหนุนการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด แต่ทิศทางดอกเบี้ยของเฟดขณะนี้ยังไม่ชัดเจน จากนโยบายการค้าของ ปธน.ทรัมป์ยังไม่แน่นอน

• รมว.คลังเผยจะไม่มีการต่ออายุ 3 มาตรการเพื่อรองรับความผันผวนของ ตลท. ชั่วคราว 3 มาตรการที่จะสิ้นสุด 11 เม.ย. และจะกลับมาเปิดให้ซื้อขายปกติ 16 เม.ย.นี้ เหมือนเดิม

• รมว.คมนาคมเผยความคืบหน้านโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยืนยันครอบคลุมรถไฟฟ้าทั้ง 8 สายทาง และพร้อมเปิดให้บริการในอัตราเดียวทั่วกทม.และปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 68

• ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ มี.ค. 68 ลดลงเหลือ 48.9 จากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ 49.4 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. 68 ลดลงอยู่ที่ระดับ 56.7 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เหตุปัจจัยลบรุมกระหน่ำ สงครามการค้า ปัญหาหนี้ และค่าครองชีพพุ่ง


กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวนต่อเนื่อง เป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรการภาษีของสหรัฐที่คาดจะส่งผลต่อการปรับลดประมาณการ GDP และผลประกอบการของ บจ. ทั่วโลก รวมไปถึงท่าทีของเฟดที่อาจจะไม่ชัดเจน ทั้งนี้เป็นผลจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่อาจจะลดลงช้ากว่าที่คาดการณ์จากประเด็นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ซึ่งอาจจจะทำให้ตลาดผิดหวัง เพราะตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่จีนคาดยังได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบจากสงครามการค้าได้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”


Daily top picks

BCH: มองเป็นหุ้น Defensive ซึ่งปีนี้คาดกำไรปกติจะเติบโตดีสุดในกลุ่มการแพทย์ที่ 15%YoY โดยได้แรงหนุนจากการดำเนินงานที่เติบโตเพิ่มขึ้น การเพิ่มบริการใหม่ๆ และผลขาดทุนที่ลดลงจากโรงพยาบาลใหม่ทั้ง 3 แห่ง อีกทั้ง Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER 68F ระดับ 20.9 เท่า คิดเป็น -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต

TRUE: มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มสื่อสาร โดยชอบ TRUE มากกว่า ADVANC เนื่องจากมอง TRUE น่าจะได้ประโยชน์จากการประมูลคลื่นความถี่ในแง่ upside ของกำไรที่มากกว่าและมีกำไรปกติปี 2568 ที่เติบโตแข็งแกร่งกว่า ADVANC ขณะที่ 1Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY จากประหยัดต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง และเติบโต QoQ จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง

You can share this post!