InnovestX คลายความกังวลสงครามการค้า สหรัฐฯ-จีน แต่ Upside ของ SET ยังจำกัด ประเมินแนวรับ1,135/1,130 จุด แนวต้าน 1,155/1,160 จุด
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(23เม.ย.) คาด SET แกว่งตัวขึ้นตามทิศทางตลาดภูมิภาค นักลงทุน คลายกังวลความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน หลัง ปธน. ทรัมป์ระบุภาษีขั้นสุดท้ายที่เรียกเก็บจากจีนจะไม่สูงถึง 145% รวมทั้งความคาดหวังทั้ง 2 ประเทศกลับมาเจรจา อย่างไรก็ตามมอง Upside ของ SET ยังจำกัด โดยยังต้องรอความชัดเจนถึงกำหนดการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ อีกครั้ง ประเมินแนวรับที่ 1,135-1,130 จุด แนวต้านที่ 1,155-1,160 จุด
ประเด็นสำคัญ
• IMF ลด GDP โลกปี 2568 จาก 3.3% เหลือ 2.8% จากผลกระทบนโยบายภาษีสหรัฐ ส่วน GDP สหรัฐลดลงสู่ 1.8%, จีน 4.0%, ยุโรป 0.8% และไทย 1.8% ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย
• รมต. คลังสหรัฐคาดความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะคลี่คลายลงในไม่ช้า เชื่อจะช่วยผ่อนคลายความกังวลให้ตลาดทั่วโลก
• สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่โดยมุ่งเป้าไปที่เซเอ็ด อาซาดุลลาห์ เอมามจอเมห์ ซึ่งมีเครือข่ายขนส่งก๊าซ LPG และน้ำมันดิบอิหร่านหลายร้อยล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดีตลาดจับตาการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านในวันที่ 26 เม.ย.
• นายกฯ สั่ง มหาดไทย, ตปท. และท่องเที่ยวฯ ศึกษาการปรับมาตรการฟรีวีซ่าให้พำนัก 60 และ 90 วัน หลังพบการทำงานแบบผิด กม. ประเมินว่าจะไม่กระทบต่อการเดินทางเข้าไทย โดยเฉลี่ย นทท. พำนักราว 10 วัน
• รมว. คลัง เผยสาเหตุการเลื่อนเจรจาเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯ ออกไปเพื่อรอดูสถานการณ์และศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ และได้ส่งทีมล่วงหน้าไปร่วมทำงานกับคณะทำงานของสหรัฐฯ เพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกันก่อนการเจรจา
• รมช. คลังเผยเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 รับเงินหมื่นก่อนสิ้นเดือน มิ.ย. คาดบรรจุวาระเข้า ครม. พิจารณาภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
• ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม มี.ค. ลดลงสู่ 91.8 จากผลกระทบแผ่นดินไหวซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว, ภาคยานยนต์ชะลอตัว และกำแพงภาษีเหล็ก-อลูมิเนียมที่มีผลแล้ว ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัว โดยเฉพาะจากจีนและมาเลเซีย
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐที่มีต่อประเทศคู่ค้า รวมทั้งยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้นจะส่งผลกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะที่ในประเทศมองยังไร้ปัจจัยบวกใหม่และอยู่ระหว่างจับตาการเข้าเจรจาทางการค้าของรัฐบาลไทยกับสหรัฐ ซึ่งคาดข้อสรุปอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
BTG: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโมเมนตัมกำไรที่ยังแข็งแกร่ง โดย 1Q68 คาดมีกำไรปกติ 1.65 พันลบ. เทียบกับ -126 ลบ. ใน 1Q67 และ +73%QoQ และจะแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2Q68 (ทรงตัว/เพิ่มขึ้น QoQ และเพิ่มขึ้น YoY) จากราคาสุกรในประเทศที่สูงขึ้นท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ระดับต่ำใน 2Q68TD
CPALL: มองเป็นหุ้นปลอดภัยภายใต้ตลาดผันผวนและคาดเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SET ESG Ratings “AAA” อีกทั้ง Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขาย PER 68F ที่ 15.7 เท่า (-2S.D. จากค่าเฉลี่ย 10 ปี) ขณะที่ 1Q68 คาดกำไรปกติเติบโต 12%YoY จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ส่วนปี 68 คาดกำไรเติบโต 15%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์