news-details
Business

“อรสิริน”ประกาศแผนปี’67 ผุด 6 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 4.3 พันล้านบาท รุกขยายน่านน้ำใหม่บุกตลาดภูเก็ตร่วมชิงเค้กรายใหญ่

ก่อนที่อรสิริน กรุ๊ป จะก้าวขึ้นไปผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ในเชียงใหม่ และถือเป็นผู้ประกอบการในท้องถิ่นรายแรกในจ.เชียงใหม่ ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)นั้น เร่ิมมาจากพ่อเลี้ยงบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ที่พื้นฐานครอบครัวดำเนินธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ส่งออก ได้รับการปลูกฝังจากบิดา ที่พ่อเลี้ยงบุญเลิศ เรียกว่าเตี่ยตามที่ชาวจีนแต้จิ๋วเรียก ว่าเตี่ยจะสอนเสมอว่า มีเงินให้ซื้อที่ดินเก็บไว้ เพราะตัวเงินจะเล็กไปเรื่อยๆซึ่งเหมือนว่าเตี่ยของพ่อเลี้ยงบุญเลิศ จะเป็นผู้ที่มองเห็นการณ์ไกลมาก เพราะหลังจากได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่อยู่มัธยมปลาย พ่อเลี้ยงบุญเลิศก็เร่ิมซื้อที่ดินในพื้นที่ .เชียงใหม่ มาอย่างต่อเนื่อง ตามกำลังทรัพย์ที่มีในขณะนั้น

ขณะเดียวกันในช่วงที่จบการศึกษาแล้ว ก็มีการแบ่งขายที่ดินหลายแปลงให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่จากกทม.เช่นกัน โดยเฉพาะบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) หรือ LH จนมาไตร่ตรองดูว่าจากศักยภาพที่ดินที่เก็บสะสมไว้หลายแปลง ตนนั้นก็น่าจะมีศักยภาพนำที่ดินมาต่อยอดพัฒนาโครงการอสังหาฯเองได้ เพราะมีต้นทุนที่ดินในราคาที่ถูกกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ

ดังนั้นในปี 2524 จึงได้ทดลองพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรเล็กๆ เพียงไม่กี่ยูนิต เพื่อเป็นการชิมลางตลาด แต่ปรากฏว่าได้รับการตอบรับดี จึงได้พัฒนาโครงการเล็กๆมาต่อเนื่อง โดยเป็นการพัฒนา 1 โครงการ ต่อ 1 บริษัท และในปี 2528 ได้เร่ิมพัฒนาโรงแรมเป็นของตนเองแห่งแรกภายใต้ชื่อดิ เอ็มเพรส เชียงใหม่บนพื้นที่ทั้งหมด 10 ไร่เศษ

และในปี 2550 ได้เข้าไปซื้อโครงการบ้านจัดสรรต่อจากพี่ชายของพ่อเลี้ยง ซึ่งขณะนั้นก่อสร้างไปได้เพียง 10-20 ยูนิต แล้วไม่ประสบความสำเร็จ ทางพ่อเลี้ยงบุญเลิศจึงได้ซื้อกิจการและนำมาพัฒนาต่อ โดยตั้งชื่อโครงการใหม่ ว่าอรสิริน 1” ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท อรสิรินจำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยที่มาของชื่ออรสิรินก็มาจากลูกสาวของพ่อเลี้ยงบุญเลิศ นั้นเอง และสามารถปิดการขายโครงการภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี และก็ได้มีการขยายการพัฒนาโครงการอสังหาฯริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูง มาอย่างต่อเนื่อง จนติดอันดับ 1 ใน 6 ผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ในพื้นที่เชียงใหม่ จากผู้ประกอบการในพื้นที่ทั้งหมดกว่า 20 ราย(ไม่รวมผู้ประกอบการรายใหญ่จากกทม.)

จนกระทั่งในปี 2558 ได้ก่อตั้ง บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด และกลุ่มบริษัทย่อย ( บริษัท นอร์ทโฮมจำกัด, บริษัท อรสิรินกรุ๊ป จำกัด, บริษัท อรสิริน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัท นอร์ทโฮมพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด) เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งประกอบด้วย ที่อยู่อาศัย และเพื่อการพาณิชย์ให้เป็นมาตาฐานสากลโดยมีเป้าหมายที่จะดำเนินธุรกิจให้เติบโตอยู่ในระดับแนวหน้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาคเหนือ

ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ได้ควบรวมนำบริษัทในเครือจำนวน 5 บริษัทที่สร้างโครงการบ้านและอาคารพาณิชย์ รวมเป็น บริษัท อรสิริน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จำกัด ภายใต้การบริหารงานของบริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัดเพื่อเตรียมเข้าสู่การจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน และเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ได้เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อว่า ORN

การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน ทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเชิงรุกมากขึ้น สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนของกลุ่มบริษัท โดย ORN มีแผนที่จะนำเงินไปลงทุนซื้อที่ดินเปล่าในทำเลที่มีศักยภาพ และนำไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายประเภทที่อยู่อาศัย รวมถึงใช้เป็นเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ก้าวสู่การเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ของภาคเหนือ โดย ORN มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะของบริษัท ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะขึ้นกับกระแสเงินสด แผนการลงทุน เงื่อนไขทางกฎหมาย และการจ่ายเงินปันผลนั้นจะต้องไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1.กลุ่มนายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ (บุตรชายพ่อเลี้ยงบุญเลิศ) ถือหุ้น 68.83% 2.นางสาวอรอนงค์ อุดมศิริธำรง ถือหุ้น3.67% และ 3.กลุ่มครอบครัวพาณิชย์พิศาล ถือหุ้น 0.21% โดยทั้ง 3 ลำดับเป็นกลุ่มครอบครัวพี่น้องของผู้ก่อตั้ง ปัจจุบันอรสิรินฯมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวมทั้งสิ้น 20 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูงประมาณ 40% และแนวราบ 60%


เปิดแผนปี 67 ผุด 6 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 4,302 ล้านบาท

นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือORN เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทมุ่งเน้นการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic เพื่อขยายธุรกิจหลักและสร้างโอกาสการต่อยอดธุรกิจใหม่ให้กับบริษัทฯ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ในส่วนของธุรกิจหลัก บริษัทเตรียมแผนพัฒนาโครงการอสังหาฯในปี 2567 รวม 6 โครงการ มูลค่ารวม 4 ,302 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แนวราบ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,379 ล้านบาท และ แนวสูง 2 โครงการ  รวมมูลค่ารวม 1,923 ล้านบาท ได้แก่

1.ORNSIRIN VILLE (TARUA) บ้านแฝดเชิงพาณิชย์ สไตล์โมเดิร์น โฮมมี่  ติดถนนวงแหวนรอบนอก มูลค่าโครงการ 337 ล้าบาท เตรียมเปิดตัวภายใน ไตรมาส 1 ปี 2567

2.URBAN MYX (Banden-Rajavej) Shophouse สไตล์โมเดิร์น โฮมมี่แบบ Multi Purpose ทำเลใจกลางเมือง มูลค่าโครงการ  56 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวภายในไตรมาส 2 ปี 2567

3.ORNSIRIN VILLE (Sansai) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด สไตล์ Country Classic บรรยากาศยุโรปทำเลใกล้รวมโชคมอลล์ และ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มูลค่าโครงการ 886 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวภายในไตรมาส 2 ปี 2567

4.HABITAT (Ruamchok) บ้านหรูสไตล์ French Eclectic ทำเลใกล้รวมโชคมอลล์ และศูนย์ราชการ มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวภายใน ไตรมาส 3 ปี 2567

5.ARISE (Sansai) คอนโดมิเนียม Low – Rise คอนโดฯ Pet Friendly แห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ใกล้เซ็นทรัลเฟสติวัล ตกแต่งพร้อมอยู่ มูลค่าโครงการ 1,146 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวภายในไตรมาส 3 ปี 2567

ขยายน่านน้ำใหม่ไปภูเก็ตครั้งแรก ไม่หวั่นรายใหญ่แห่แย่งชิงเค้ก

ส่วนโครงการที่ 6 จะเป็นการขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคอื่นนำร่องแห่งแรก ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นการซื้อที่ดินสะสมไว้จำนวน 10 ไร่ บริเวณใกล้ห้างโรบินสัน และหาดบางเทา โดยสามารถพัฒนาได้มากถึง 1,500 ยูนิต แต่จะพัฒนาทีละอาคาร เบื้องต้นมีแผนจะพัฒนาในรูปแบบของโครงการ คอนโดมิเนียม Low-Rise ภายใต้แบรนด์ “ARISE Phuket”มูลค่าโครงการรวม 777 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซล ประมาณไตรมาส 4 ปี 2567

โดยเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา อรสิรินฯได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เพื่อร่วมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise และโรงแรม ซึ่งกลุ่มดุสิตฯ นั้นมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการพัฒนาการดำเนินงาน การบริหารจัดการ และให้บริการแฟรนไชส์โรงแรมชั้นนำต่างๆ ทั่วทั้งเอเชีย แอฟริกา อเมริกา และตะวันออกกลาง

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ อรสิรินฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise และร่วมออกแบบ บริหารงานก่อสร้างโรงแรม โดยกลุ่มดุสิตธานี เป็นผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการโรงแรม พร้อมมอบบริการชั้นเลิศ  มั่นใจว่าความร่วมมือของทั้ง2 บริษัทในครั้งนี้ จะเข้ามาช่วยสริมความแข็งแกร่งให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน รวมถึง นำไปสู่การขยายผลต่อยอด ผสานความร่วมมือในมิติต่างๆ เพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต

บริษัทยังคงมองหาโอกาส เพื่อขยายโครงการสู่ตลาดต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ และหัวเมืองท่องเที่ยว ในรูปแบบความร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจและอื่นๆ เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง และมองว่าภูเก็ต เป็นจังหวัดห้วเมืองท่องเที่ยวที่ใหญ่ และมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ ที่คล้ายกับเชียงใหม่ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องปรับตัวมาก และ Agent ที่เราใช้บริการประจำ ก็ให้ความมั่นใจในเรื่องการขายให้กับลูกค้าในภูเก็ต โดยเฉพาะรัสเซียและจีน ว่าสามารถปิดการขายได้อย่างแน่นอน เพราะลูกค้าที่เชียงใหม่และส่งลูกหลานไปเรียนโรงเรียนนานาชาติที่ภูเก็ต จะมีความเชื่อมั่นในแบรนด์ของเรา ในสัดส่วนถึง 20%  แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหญ่จากกทม.แห่เข้าไปแย่งเค้กกันเป็นจำนวนมากก็ตามนายปรีดิกร กล่าว

นายปรีดิกร กล่าวเพิ่มเติมว่า Agent ที่บริษัทใช้บริการอยู่ประจำนั้น จะมีความชำนาญและฐานลูกค้าชาวรัสเซียค่อนข้างดี จึงเข้าใจดีว่าชาวรัสเซียมีความต้องการที่อยู่อาศัยแบบใด ขณะเดียวกันก็ต้องออกแบบที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ลูกค้าต่างชาติประเทศอื่นและคนไทยด้วยเช่นกัน

จีน-เมียนมาแห่ซื้ออยู่อาศัย-ลงทุนปล่อยเช่า

นายปรีดิกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการพัฒนาโครงการของบริษัทฯที่ผ่านมา ด้วยศักยภาพของแบรนด์ และความน่าเชื่อถือของบริษัทฯทำให้ลูกค้าคนไทยและต่างชาติ มีความเชื่อมั่น โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ที่ซื้อคอนโดฯในเชียงใหม่ เต็มโควตาทุกโครงการ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง และเมียนมา โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมา มีเศรษฐีชาวเมียนมา หนีภัยสงครามมาซื้อคอนโดฯอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯได้รับอานิสงส์ในส่วนนี้มากขึ้น ส่วนใหญ่ทั้งชาวจีนและเมียนมา จะนิยมซื้อห้องชุดราคา 3-10 ล้านบาทขึ้นไป เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง  ที่ส่วนใหญ่เป็นครอบครัว จึงมีความต้องการห้องขนาดใหญ่ คิดเป็นสัดส่วน 40% และกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุน สัดส่วน 60%

โครงการของเราโชคดีที่ลูกค้าชาวต่างชาติจะซื้อด้วยเงินสด และโอนตรงเวลา เนื่องจากมีการกำหนดให้วางเงินมัดจำไว้ถึง 30% ดังนั้นในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา จึงไม่ประสบปัญหาลูกค้าจีนทิ้งโอนแต่อย่างใดนายปรีดิกร กล่าวในที่สุด

ถนนนิมมานฯราคาที่ดินพุ่งไม่ตก ทะยานแตะ 120 ล้านบาท/ไร่

ด้าน นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORN กล่าวถึง ภาพรวมตลาดอสังหาฯในเชียงใหม่ ว่า เป็นไปในทิศทางบวก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของระบบคมนาคม การเติบโตทางเศรษฐกิจในจังหวัด และการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทำให้เกิดการลงทุนทางธุรกิจเพิ่มขึ้น และมีการย้ายที่อยู่อาศัยเข้าสู่เมืองศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ โดยปัจจุบันราคาที่ดินสูงสุดในเชียงใหม่ ยังคงเป็นบริเวณถนนนิมมานเหมินทร์ราคา 300,000 บาท/ตารางวา หรือ 120 ล้านบาท/ไร่ รองลงมาจะเป็นบริเวณถนนช้างคลานราคาที่ดินอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท/ตารางวา หรือประมาณ 80 ล้านบาท/ไร่

สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้วางแผนเร่งขยายโครงการอสังหาฯ ระดับกลาง-บน มุ่งเน้นจุดเด่นบนทำเลศักยภาพ นวัตกรรมการก่อสร้างตอบโจทย์การอยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้า ที่ต้องการอยู่อาศัยเอง เป็นบ้านหลังที่สองสำหรับการพักผ่อน และซื้อไว้เพื่อให้บุตรหลานได้ใช้อยู่อาศัยในระหว่างมาศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงเพื่อการลงทุน ปล่อยเช่า

อัดงบ 250 ล้านบาทเปิดตัวรร.นานาชาติเฟสแรกปี 68

ขณะเดียวกันบริษัทพร้อมขยายธุรกิจใหม่ เพื่อช่วยสร้างกระแสรายได้ใหม่ ซึ่งเป็นรายได้ประจำให้เพิ่มมากขึ้น เตรียมเปิดตัวโรงเรียนนานาชาติสัญชาติอังกฤษแห่งแรกในเชียงใหม่ ที่สอนโดยบุคลากรและหลักสูตรจากโรงเรียน Mill Hill School โรงเรียนที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศอังกฤษและระดับนานาชาติ เป็นโรงเรียนที่มีมาตรฐานระดับสากล ก่อตั้งในปี 1807 ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน บนพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 200 ปี มีความโดดเด่นด้านวิชาการ มีการเรียนการสอนที่มีคุณภาพอีกทั้งยังมุ่งเน้นเรื่องกีฬา ดนตรี และศิลปะ รวมถึงมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งในด้านการเรียน การสอน ที่ทันสมัยอย่างครบครัน ถือเป็นแม่แบบของระบบการศึกษาของโลก

โดยบริษัทฯ มองเห็นถึงศักยภาพและโอกาสในการขยายธุรกิจ เพื่อรองรับความต้องการของชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยในเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น ตามการขยายตัวของสภาพเศรษฐกิจเมืองเชียงใหม่ อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ยกระดับมาตรฐานการศึกษาระดับสากลสู่ภาคเหนือ ช่วยเสริมศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจ ขยายฐานการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น

ซึ่งอรสิรินฯจะเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างอาคารเรียน ด้วยงบลงทุนปีแรก 250  ล้านบาท บนที่ดินของอรสิรินในจังหวัดเชียงใหม่ ที่บริษัทลงทุนซื้อที่ดินไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 600 ไร่และพร้อมสำหรับการพัฒนาโรงเรียน จำนวน 40 ไร่ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายใน ปี 2567 และเปิดให้บริการเฟสแรกสำหรับ นักเรียนระดับอนุบาล-Year 1 ได้ภายในปี 2568 โดยจะรับนักเรียนชั้นละ 3 ห้องๆละไม่เกิน 20 คน โดยจะมีการแบ่งโควตานักเรียนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจีนตามสัดส่วนที่กำหนด ซึ่งค่าเทอมโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 400,000 บาท/เทอม หลังจากนั้นก็จะเปิดการเรียนการสอน ระดับ PREPARATORY SCHOOL 7-13 YEARS และSENIOR SCHOOL 13-18 YEARS ภายในปีที่ 6 ของการลงทุน (ปี 2572) โดยคาดว่าจะเร่ิมมีผลกำไรในปีที่ 3 ของการลงทุน และถึงจุดคุ้มทุนภายในระยะเวลา 7-8 ปี

นายอรรคเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการลงทุนในพื้นที่ที่มีความชำนาญในเชียงใหม่ และขยายฐานไปยังภูเก็ต แล้ว บริษัทฯยังให้ความสนใจขยายฐานไปในพื้นที่กทม.ด้วยเช่นกัน แต่จะไม่ไปพัฒนาเอง เนื่องจากการแข่งขันดุเดือดและรุนแรงมาก หากจะพัฒนาคงจะเป็นในรูปแบบของการร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ แข็งแกร่ง และมีฐานลูกค้าในกทม.มาก ซึ่งต้องอาศัยจังหวะและโอกาส แต่อย่างไรก็ตามภายในระยะเวลา 3-4 ปีนี้ ยังคงโฟกัสการลงทุนในพื้นที่เชียงใหม่ และ ภูเก็ต มากกว่า

เตรียมเปิดแพลตฟอร์ม PROPSQUARED- Life Style Market

นอกจากนี้ เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์ม PROPSQUARED สื่อกลางที่ให้บริการลงประกาศซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าบ้านและคอนโดฯ สำหรับลูกบ้านของอรสิรินทุกโครงการ ด้วยจุดเด่นด้านเทคโนโลยีที่สะดวก ใช้งานง่าย สามารถอัพเดทข้อมูลแบบ Real time พร้อมบริการด้านMarketing Solutions ให้กับนายหน้าอสังหาฯทั้งชาวไทย และต่างชาติ

อีกทั้ง มีแผนตรียมเปิดให้บริการ Life Style Market ศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดสดตลาดนัดแหล่งชอปปิ้งทำเลโซนวนแหวนรอบนอก (แยกท่ารั้ว) เชื่อมต่อใจกลางเมืองเชียงใหม่ได้ง่าย จำนวนกว่า 200 ร้านค้า ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ บนพื้นที่ 5 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของอรสิริน คาดเริ่มก่อสร้างภายใน ปี 2567 และทยอยรับรู้รายได้เข้ามาช่วง ปี2568

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุม ในปีนี้เตรียมงบลงทุนจำนวน 1,700 ล้านบาทเพื่อการซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง พร้อมมองหาโอกาสการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก รวมถึงสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ เพิ่มโอกาสการเติบโตในอนาคต และในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายของยอดขายไว้ไม่ต่ำกว่า 2,507 ล้านบาท และยอดโอนที่ 1,841 ล้านบาท

คงต้องจับตาดูย่างก้าวต่อไปของกลุ่มอรสิริน ที่หลังจากเป็นบริษัทมหาชน ก็ดูเหมือนจะมีการขยายฐานอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นในลักษณะของการค่อยๆก้าวอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ภายใต้การกุมบังเหียนของ 2 ทายาทคนรุ่นใหม่ โดยมีคนรุ่นเก่าอย่าง พ่อเลี้ยงบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ คอยเป็นพี่เลี้ยงอยู่ห่างๆ

 

 

 

 

 

 

You can share this post!