news-details
Business

SET พุ่ง รับผลเจรจาสหรัฐ-จีนคืบ มองแนวต้าน 1,225-1,240 จุด

InnovestX คาดหุ้นไทยพุ่ง รับผลเจรจาสหรัฐ-จีนคืบหน้า มองแนวต้าน 1,225-1,240 มองหุ้นที่เคยได้รับผลกระทบการค้ามีโอกาสปรับขึ้นรับแรงซื้อเก็งกำไร

บล.อินโนเวส เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(13พ.ค.) วานนี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น 1%-3% หลังสหรัฐและจีนได้ข้อสรุปเบื้องต้น โดยสหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้าจากจีนจาก 145% มาที่ 30% และจีนจะลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ จาก 125% มาที่ 10% ทำให้คาด SET Index มีโอกาสกลับมาแกว่งตัวขึ้นตามหลังหุ้นไทยปิดตลาดวันจันทร์ มีแนวต้านที่มีโอกาสทดสอบที่ 1,225/1,235-1,240 โดยหุ้นที่รับ Fund Flow และหุ้นที่เคยได้รับผลกระทบการค้ามีโอกาสปรับขึ้นรับแรงซื้อเก็งกำไร


ประเด็นสำคัญ

• สหรัฐฯ และจีนได้ข้อสรุปเบื้องต้นจากการเจรจาที่สวิตเซอร์แลนด์ เห็นพ้องลดภาษีบางส่วนเป็นเวลา 90 วัน โดยสหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้าจากจีนจาก 145% สู่ 30% และจีนจะลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ จาก 125% สู่ 10% หนุนบรรยากาศบวกต่อตลาดทุน, ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และราคาทองปรับลง• รมช. คลังเผยได้เตรียม “พื้นที่ทางการคลัง” หรือมาตรการทางการเงินที่พร้อมใช้สำหรับรับมือความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้นและกระทบต่อ ศก. ไทย • ผู้ว่าฯ ธปท. เผยผลกระทบจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ ต่อไทยจะเริ่มเห็นชัดขึ้นใน 2H68 แนะนำรัฐบาลทบทวนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต พิจารณาความคุ้มค้า ประสิทธิผล และสถานการณ์ปัจจุบัน และเตือนโครงการ Entertainment Complex ส่วนของกาสิโนจะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย• มูลค่าการส่งออกจีน เม.ย. ขยายตัว 8.1%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ หนุนจากการส่งออกสู่อาเซียนที่ขยายตัวสูงถึง 20.8%YoY ที่ชดเชยการส่งออกสู่สหรัฐฯ ที่หดตัว • ปธน. ยูเครนประกาศร่วมกับกลุ่มผู้นำชาติยุโรปยื่นคำขาดหยุดยิงกับรัสเซีย 30 วัน เริ่ม 12 พ.ค. และได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ • ปธน. ทรัมป์ ประกาศว่าอินเดียและปากีสถานได้ตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีสหรัฐฯ มีตัวกลาง ช่วยคลายความกังวลต่อกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบิน 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังสหรัฐและจีนบรรลุข้อตกลงปรับลดภาษีศุลกากรระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน อย่างไรก็ดีคาด SET ยังมี Upside จำกัด หลังปรับตัวขึ้นมาสะท้อนความคาดหวังเชิงบวกจากการเจรจาทางการค้าไปก่อนหน้านี้จนทำให้ดัชนียืนเหนือระดับ 1200 จุด สูงกว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ ปธน. ทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศคู่ค้าไปแล้ว อีกทั้งในประเทศยังต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับไทยที่ยังไม่มีความคืบหน้า และการเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายประกาศงบ 1Q68 ของหุ้น Real Sector ทำให้บรรยากาศลงทุนน่าจะยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยมองมีแนวต้านสำคัญบริเวณ 1250 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

Daily top picks

KTB : ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากมีโอกาสฟื้นตัวตามภาพรวมตลาด และเป็นหุ้นเด่นกลุ่มธนาคาร โดยมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ มี LLR coverage สูง และคาดให้ Div. Yield น่าสนใจที่ระดับ 7.7% อีกทั้งคาดเป็นหนึ่งในเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SETESG Rating “AAA” วันนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 22.80 บาท/หุ้น

SPRC : ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากไหลกลับของ Fund Flow และล่าสุดประกาศกำไรสุทธิ 1Q68 ที่ 714 ลบ. ดีกว่าคาด จากค่าการตลาดและปริมาณกลั่นที่เพิ่มขึ้นหลังหยุดซ่อมหน่วย DHTU ขณะที่ 2Q68 คาดกำไรดีขึ้น QoQ หนุนโดยส่วนต่างน้ำมันเบนซิน-น้ำมันดิบหนุน และการกลับมาใช้ SPM ลดต้นทุน วันนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกินหุ้นละ 5.80 บาท/หุ้น

You can share this post!