news-details
Business

คาดหุ้นไทยพักฐาน

InnovestX คาดหุ้นไทยพักฐาน หลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ชี้การเมืองไทยยังมีความไม่แน่นอน และยังไม่มีโอกาสเจรจาการค้ากับสหรัฐ มองแนวต้าน 1,220-1,225/1,235

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(15พ.ค.) เมื่อวานตลาดปรับตัวขึ้นแรง +20 จุดในช่วงแรกก่อนที่จะมีแรงเทขายออกมาจนปิดตลาดเหลือเพียง +3.45 จุด โดย DELTA เป็นหุ้นที่หนุนตลาดเพียงตัวเดียวมีผลต่อตลาด +3 จุด ขณะที่มองการเมืองไทยยังมีความไม่แน่นอนสูง และไทยยังไม่ได้โอกาสเจรจาการค้ากับสหรัฐ ทำให้วันนี้ตลาดยังมีโอกาสพักตัวหลังจากขึ้นต่อเนื่อง โดยการอ่อนตัวลงมีแนวรับหลักที่ 1,205/1,200 ส่วนการปรับตัวขึ้นคาดยังติดที่แนวต้าน 1,220-1,225/1,235

ประเด็นสำคัญ

• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ใน เม.ย. ขยายตัว 2.3%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้และชะลอจาก มี.ค. จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำและฐานที่สูงในปีก่อนเป็นสัญญาณดี

• นายกฯ เผยความคืบหน้าการเจรจาเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯ ว่าได้ส่งข้อเสนอการเจรจาราว 5-6 ข้อไปสู่กระทรวงการคลังและผู้แทนการค้าสหรัฐฯสัปดาห์ก่อนและอยู่ระหว่างรอการนัดหมาย

• รมว. คลัง สั่งจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจทำงานเชิงรุกในการให้ข้อมูลกับบริษัทจัดอันดับ S&P และ Fitch ก่อนที่จะเดินทางเข้ามาเก็บข้อมูลในช่วงปลายปีนี้ เพื่อรับมือการประเมินอันดับเครดิตเรทติง จากช่วงก่อนหน้านี้ Moody’s ได้ลด Outlook ของไทยไป

• ที่ประชุม ครม. เห็นชอบการออก Thailand Digital Token ซึ่งเป็นวิธีการกู้เงินตาม พ.ร.บ. บริหารหนี้สาธารณะ เพื่อเปิดทางให้มีการออกโทเคนดิจิทัลของภาครัฐ (G-token) เป็นเครื่องมือการระดมทุนใหม่ของรัฐบาล ตั้งเป้าทดลองการออกชุดแรกราว 5 พันลบ. 

• สหรัฐฯ ปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่มีมูลค่าต่ำ(de minimis) ราคาไม่เกิน US$800 ลงเหลือ 54% เดิมที่ 120% แต่จะยังคิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ US$100 ต่อรายการ มีผลตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 

• สถาบันการเงินระดับโลก เช่น Morgan Stanley, UBS, Natixis และ Nomura ต่างปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP จีนปี 2568 ขึ้น หลังสหรัฐฯ และจีนมีข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับการปรับลงภาษีศุลกากรลงทั้งสองฝ่ายเป็นเวลา 90 วัน และมองเป็นสัญญาณผ่อนคลายต่อความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังสหรัฐและจีนบรรลุข้อตกลงปรับลดภาษีศุลกากรระหว่างกันเป็นเวลา 90 วัน อย่างไรก็ดีคาด SET ยังมี Upside จำกัด หลังปรับตัวขึ้นมาสะท้อนความคาดหวังเชิงบวกจากการเจรจาทางการค้าไปก่อนหน้านี้จนทำให้ดัชนียืนเหนือระดับ 1,200 จุด สูงกว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ ปธน. ทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศคู่ค้าไปแล้ว อีกทั้งในประเทศยังต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับไทยที่ยังไม่มีความคืบหน้า และการเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายประกาศงบ 1Q68 ของหุ้น Real Sector ทำให้บรรยากาศลงทุนน่าจะยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยมองมีแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,250 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

Daily top picks

CPALL: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากกกำไร 1Q68 ดีกว่าคาด และประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน (ไม่เกิน 1.67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.-14 พ.ย. 68 ซึ่งจะช่วยจำกัด downside ของราคาหุ้น อีกทั้งกำไร 2Q68 คาดจะเติบโต YoY และปี 2568 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มที่ 19%YoY (กลุ่ม 5%YoY) และซื้อขาย PER 68Fที่ 16 เท่า (กลุ่ม 17 เท่า)

KTB: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากมีโอกาสฟื้นตัวตามภาพรวมตลาด และเป็นหุ้นเด่นกลุ่มธนาคาร โดยมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ มี LLR Coverage สูง และคาดให้ Div. Yield น่าสนใจที่ระดับ 7.7% อีกทั้งคาดเป็นเป้าหมายกองทุน ThaiESGX หลังมี SET ESG Rating “AAA” วันนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 22.80 บาท/หุ้น

 

 

You can share this post!