นางนาเดีย โอมาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AirAsia MOVE แอปพลิเคชันจองการเดินทางชั้นนำแห่งภูมิภาคภายใต้เครือ Capital A เปิดเผยว่า ล่าสุดได้เปิดตัวแท็กไลน์ใหม่ “Travel More for Less” พร้อมเผยโฉมลวดลายเครื่องบินใหม่ สะท้อนอัตลักษณ์แบรนด์ยุคใหม่ พร้อมกันนี้ยังได้เปิดเผยข้อมูลเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2568 ซึ่งเป็นข้อมูลพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่ใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มเพื่อนำเสนอแนวโน้มสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนในปี 2568 ณ ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานดอนเมือง, บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด
นับตั้งแต่การรีแบรนด์จาก AirAsia Superapp มาเป็น MOVE อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2567 ที่ผ่านมา แพลตฟอร์มดังกล่าวได้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในฐานะ Online Travel Agent (OTA) โดยยอดจองเที่ยวบินที่ไม่ใช่ของแอร์เอเชียเพิ่มขึ้นถึง 64% ขณะที่ยอดจองโรงแรมก็เติบโตขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ MOVE ยังเดินหน้ายกระดับประสบการณ์ผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ผ่านฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์การเดินทาง อาทิ การจองเที่ยวบินที่สะดวกยิ่งขึ้น การสนทนาผ่านแชตบอทที่แม่นยำขึ้น ระบบเข้าสู่ระบบด้วยไบโอเมตริกซ์ (Passkey) รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ อาทิ Easy Cancel และ ValuePack สำหรับการเดินทางในภูมิภาค
“ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่คึกคักสำหรับนักเดินทางมาโดยตลอด เราจึงให้ความสำคัญกับตลาดนี้อย่างมาก จึงเลือกเปิดตัวก้าวใหม่ของ MOVE ที่ประเทศไทย MOVE ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อ แต่มันคือการเปลี่ยนแนวคิด เพราะนักเดินทางยุคใหม่ต้องการมากกว่าแค่ตั๋วเครื่องบิน พวกเขาต้องการความยืดหยุ่น ความเรียบง่าย และความคุ้มค่า และนั่นคือสิ่งที่ MOVE ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ ‘เดินทางได้มากขึ้น ในราคาน้อยลง’ อย่างแท้จริง”นางนาเดีย กล่าว
ทั้งนี้ นักเดินทางจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเมื่อจองผ่าน MOVE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจองอย่างเป็นทางการของสายการบินแอร์เอเชีย อาทิ การจองเที่ยวบินแอร์เอเชียแบบเรียลไทม์ รับส่วนลดค่าบริการเสริม อาทิ การจองน้ำหนักสัมภาระและอาหารบนเครื่องในราคาถูกลงสูงสุดถึง 15% ส่วนลดค่าจองโรงแรมมูลค่า 230 บาท การสะสมคะแนน AirAsia points การยกเลิกเที่ยวบินได้อย่างสะดวกผ่านฟีเจอร์ EasyCancel และไม่มีค่าธรรมเนียมการจองสำหรับเที่ยวบินแอร์เอเชีย* ที่ทำรายการจองผ่าน MOVE ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2568
อย่างไรก็ตาม MOVE ไม่ได้หยุดเพียงแค่การจองเที่ยวบินแอร์เอเชียเท่านั้น แต่ยังมอบทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น ด้วยบริการจองเที่ยวบินจากสายการบินชั้นนำทั่วโลกกว่า 700 สายการบินพันธมิตร โรงแรมมากกว่าหนึ่งล้านแห่งทั่วโลก บริการรถรับส่งสนามบิน รวมถึงการช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีพร้อมบริการจัดส่งถึงที่นั่งบนเที่ยวบิน และอีกมากมายที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทางอย่างครบครัน
แท็กไลน์ใหม่ “Travel More for Less – เดินทางมากขึ้น ในราคาที่คุ้มค่า” ถือเป็นคำเชิญชวนจาก MOVE ถึงนักเดินทางในประเทศไทยและทั่วทั้งภูมิภาค พร้อมตอกย้ำแคมเปญผ่านลวดลายพิเศษบนลำตัวเครื่องบิน Airbus A320 ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่จะทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ลอยฟ้า สื่อสารคุณค่าของ MOVE และเชื่อมโยงแรงบันดาลใจด้านการเดินทางกับผู้คนทั่วอาเซียน
อย่างไรก็ตาม MOVE ไม่ได้หยุดเพียงแค่การจองเที่ยวบินแอร์เอเชียเท่านั้น แต่ยังมอบทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น ด้วยบริการจองเที่ยวบินจากสายการบินชั้นนำทั่วโลกกว่า 700 สายการบินพันธมิตร โรงแรมมากกว่าหนึ่งล้านแห่งทั่วโลก บริการรถรับส่งสนามบิน รวมถึงการช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีพร้อมบริการจัดส่งถึงที่นั่งบนเที่ยวบิน และอีกมากมายที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทางอย่างครบครัน
แท็กไลน์ใหม่ “Travel More for Less – เดินทางมากขึ้น ในราคาที่คุ้มค่า” ถือเป็นคำเชิญชวนจาก MOVE ถึงนักเดินทางในประเทศไทยและทั่วทั้งภูมิภาค พร้อมตอกย้ำแคมเปญผ่านลวดลายพิเศษบนลำตัวเครื่องบิน Airbus A320 ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่จะทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ลอยฟ้า สื่อสารคุณค่าของ MOVE และเชื่อมโยงแรงบันดาลใจด้านการเดินทางกับผู้คนทั่วอาเซียน
นางนาเดีย กล่าวเพิ่มเติมว่า เครื่องบินคือสัญลักษณ์ที่ทรงพลังที่เชื่อมโยงผู้คนและสถานที่เข้าด้วยกัน และต้องการให้เครื่องบินลำนี้ส่งต่อจิตวิญญาณของ MOVE ไปทั่วท้องฟ้า แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เราอยากให้นักเดินทางทุกคนที่ได้เห็นเครื่องบินลำนี้ รู้ว่าพวกเขาสามารถออกเดินทางไปยังจุดหมายใหม่ ๆ ค้นพบดีลที่คุ้มค่ากว่า และสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายขึ้นในแอปเดียว
MOVE มุ่งมั่นอย่างชัดเจนในพันธกิจที่จะทำให้การเดินทางไม่เพียงแค่เข้าถึงง่ายและราคาจับต้องได้เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความสนุกและน่าประทับใจในทุกขั้นตอน และด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย MOVE พร้อมก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มการเดินทางอันดับหนึ่งสำหรับนักเดินทางผู้รักความคุ้มค่าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้จากข้อมูลพฤติกรรมเชิงลึกที่เก็บรวบรวมจากผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม AirAsia MOVE โดยตรง ระบุว่า “การท่องเที่ยวภายในประเทศ” ยังคงครองสัดส่วนสูงถึง 79.89% ของการจองทั้งหมด โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยหันมาให้ความสนใจกับ “เมืองรอง” อย่างเชียงราย ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานีเพิ่มมากขึ้น สะท้อนกระแสการแสวงหาความเป็นท้องถิ่นแท้ ๆ (Local Authenticity) และประสบการณ์ที่แปลกใหม่ นอกเส้นทางยอดนิยม
พฤติกรรมการวางแผนท่องเที่ยวของผู้บริโภคยังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดย 26.52% ของการจองถูกทำล่วงหน้ากว่า 1 เดือน ขณะที่อีก 18.04% เป็นการจองแบบเร่งด่วน ภายใน 4–7 วันก่อนออกเดินทาง สะท้อนเทรนด์ “Flexi Planning” ที่มาแรง หรือหมายถึงนักท่องเที่ยวกำลังส่งสัญญานมองหาการเดินทางที่เปิดกว้างให้ความยืดหยุ่นและการตัดสินใจที่รวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่
สำหรับกลุ่มคนทำงานในเมือง Mini Trips และ Staycations กลายเป็นเรื่องปกติใหม่ (New Normal) ในกรุงเทพฯ การจองที่พักรูปแบบ Staycation เพิ่มขึ้นถึง 15.9% จากความต้องการพักผ่อนระยะสั้นแบบฟื้นฟูร่างกาย จุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ จังหวัดที่มีสนามบินขนาดเล็กและเข้าถึงง่าย เช่น ประจวบคีรีขันธ์ อุดรธานี และเชียงราย ขณะเดียวกัน รูปแบบการเดินทางแบบ “2 วัน 1 คืน” ก็กำลังได้รับความนิยม แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจากการเดินทางเฉพาะโอกาส ไปสู่การเดินทางสั้น ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำมากขึ้น
ในขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศกำลังฟื้นตัวอย่างมั่นคง โดยปัจจุบันคิดเป็น 20.11% ของการจองทั้งหมด จุดหมายปลายทางยอดนิยม ได้แก่ มาเลเซีย จีน เวียดนาม ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย โดยมีเมืองหลักที่ถูกจองมากที่สุด ได้แก่ โตเกียว โอซาก้า โฮจิมินห์ และกัวลาลัมเปอร์ สะท้อนว่านักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงต้องการประสบการณ์การเดินทางระหว่างประเทศ แต่ให้ความสำคัญกับระยะทางที่ใกล้ ความสะดวกสบาย และความคุ้มค่า โดยกลุ่มอายุ 25–39 ปี ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเดินทางออกนอกประเทศ พร้อมด้วยพฤติกรรมที่วางแผนล่วงหน้าและมีความเป็นระบบมากขึ้น
ในด้าน inbound ประเทศไทยยังคงครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางระยะใกล้ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยเฉพาะจากประเทศมาเลเซีย อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน สำหรับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ พบว่ามีการวางแผนล่วงหน้า 1–2 เดือน และนิยมเข้าพักในโรงแรมระดับ 4–5 ดาวมากกว่า 60% แม้จะพักเฉลี่ยเพียง 1–2 คืนก็ตาม เทรนด์นี้ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วยคุณภาพ ซึ่งให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่มีความหมาย มากกว่าปริมาณหรือราคาถูกเพียงอย่างเดียว
นักท่องเที่ยวชาวไทยเองก็มีแนวโน้มใช้จ่ายอย่างมีวิจารณญาณมากขึ้น โดยค่าเฉลี่ยตั๋วเครื่องบินภายในประเทศอยู่ที่ 2,523.48 บาท ขณะที่เที่ยวบินระหว่างประเทศอยู่ที่ 4,130.58 บาท ส่วนอัตราค่าที่พักเฉลี่ยอยู่ที่ 3,864.41 บาทในประเทศ และ 3,409.66 บาทในต่างประเทศ โรงแรมที่มีการจองมากที่สุดคือระดับ 4 ดาว (36.7%) รองลงมาคือ 3 ดาว (29.9%) และ 5 ดาว (15.4%) สะท้อนความสนใจของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่ามากกว่าราคาเพียงอย่างเดียว
จากข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ AirAsia MOVE ได้สรุปเทรนด์สำคัญที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวควรจับตาในปี 2025 ได้แก่:
-การท่องเที่ยวเชิงเป้าหมาย (Purposeful Travel) เช่น ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และรีทรีตด้านจิตใจ
-ความต้องการโซลูชันการจองแบบครบวงจรผ่านแอปเดียว (All-in-one Booking Solutions)
-บริการหลังการจองที่ทันสมัย เช่น การแจ้งเตือนเที่ยวบินแบบเรียลไทม์ การยกเลิกแบบยืดหยุ่น และการผ่อนชำระ 0%
-การรีวิวที่เชื่อถือได้ และคำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจให้กับผู้ใช้
“ข้อมูลเชิงลึกที่เราแบ่งปันในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพียงพฤติกรรมของนักเดินทางเท่านั้นแต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการกำหนดอนาคตขอ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่ AirAsia MOVE เรามุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถออกแบบประสบการณ์ที่ยืดหยุ่น คุ้มค่า และตอบโจทย์นักเดินทางอย่างแท้จริง โดย AirAsia MOVE ยังตอกย้ำบทบาทของตนในฐานะแพลตฟอร์มผู้ให้บริการด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่ครบวงจร ไม่เพียงแต่ให้บริการจองเท่านั้น แต่ยังเป็นระบบวางแผนการเดินทางแบบครบวงจร รวมทั้งเที่ยวบิน โรงแรม รถรับส่งสนามบิน การช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี และบริการเสริมครบจบในแอปเดียว ภายใต้วิสัยทัศน์ “Travel More For Less” บริษัทมุ่งมั่นที่จะทำให้การเดินทางที่มีคุณภาพเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้และราบรื่นสำหรับทุกคน พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว” นางนาเดีย กล่าวในที่สุด