news-details
Business

SMART เดินหน้าQ1/67 มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ขานรับนโยบาย ESG ตอบโจทย์ภาคอสังหาฯ เลือกใช้วัสดุฯประหยัดพลังงาน-เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สมาร์ทคอนกรีตฯ ประกาศผลประกอบการปี 66 กวาดรายได้รวม 713.82 ล้านบาท โต 24.73 % คว้ากำไรสุทธิ 106.58 ล้านบาท โต 173.56% เตรียมจ่ายปันผล 94.99 ล้านบาท เดินหน้าต่อไตรมาส 1/67 มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขานรับนโยบาย ESG ตอบโจทย์ความต้องการภาคอสังหาริมทรัพย์ เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ช่วยประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดปี 2566 มีรายได้รวม 713.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 572.28 ล้านบาท จำนวน 141.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.73 % และมีกำไรสุทธิ106.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38.96 ล้านบาท จำนวน 67.62 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 173.56 %

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4/2566 มีรายได้รวม 172.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 162.31 ล้านบาท จำนวน 10.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.33%  และมีกำไรสุทธิ 27.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19.77 ล้านบาท จำนวน 7.97 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40.32 %

ทั้งนี้ ผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้น ปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณคำสั่งซื้อในโครงการก่อสร้างภาคเอกชน ได้แก่ โครงการที่พักอาศัย แนวราบ-แนวสูง อาคารพาณิชย์ พื้นที่ค้าปลีก โรงแรม รวมถึง โครงการก่อสร้างอาคารภาครัฐ ได้แก่ อาคารสำนักงาน อาคารสนามบิน อีกทั้ง ปริมาณคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากโครงการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทแบ่งเป็น งานภาครัฐ 20% และงานภาคเอกชน 80%

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลประจำปี 2566 แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.0912 บาท  คิดเป็น 93.88% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมาย จากนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ คิดเป็นจำนวนเงินปันผล 94.99 ล้านบาท ทั้งนี้ รอมติการอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผู้ถือหุ้นในช่วงเดือนเมษายนอีกครั้ง

“สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 1/2567 บริษัทเดินหน้ากลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยนำแนวทาง Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) หรือ ESG เข้ามาปรับใช้พัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต พร้อมกับการพัฒนาองค์กรให้เข้าสู่อุตสาหกรรมสีเขียว มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กร ตลอดห่วงโซ่อุปทานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และตอบรับกับแนวทางการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการเลือกใช้วัสดุที่ช่วยประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ” นายรังสี กล่าวในที่สุด

 

You can share this post!