เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งฯเผยตลาดแนวราบยังเป็นยุค Red Ocean ที่มีการแข่งขันสูง รายเล็กยังเหนื่อย ส่วนบริษัทฯเน้นการลงทุนแบบไม่ประมาท งัดแลนด์แบงก์เดิมมาพัฒนาก่อน แต่เปิดกว้างซื้อแปลงใหม่ต่อเนื่อง เปิดแผนปีมังกรผุด 6 โครงการ ใน 4 ทำเลรอบกทม. รวมมูลค่า 7,200 ล้านบาท ครึ่งปีแรกนำร่องทำเลโซนเหนือ-ตะวันตก กทม. ภายใต้แบรนด์ “เอ็นซี นีโอลา วงแหวนลำลูกกา” และ “บ้านฟ้าแกรนด์ ทาวน์นี่ เพชรเกษม-สาย 5 ” มูลค่า 2,200 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปี 67 แตะ 5,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ 3,000 ล้านบาท
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH เปิดเผยถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2567 นี้ว่าคาดการณ์ว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ยังเติบโตต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะตลาดระดับราคาบ้าน ไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งมีการขยายตัวในบางโซน และมองว่ายังเป็นยุค Red Ocean ที่มีการแข่งขันสูง ส่วนคอนโดฯก็มีการระบายสินค้า ซึ่งต้องมีความระมัดระวังดังนั้นปัจจุบันจึงเป็นตลาดของผู้บริโภคอย่างแท้จริง แต่ผู้ประกอบการรายเล็กอาจจะมีการขยายฐานหรือเปิดตัวโครงการใหม่ได้ยากขึ้น แต่เชื่อว่าหากมีความระมัดระวัง ก็ยังสามารถอยู่ในตลาดได้
ส่วนปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และ อิสราเอล-ปาเลสไตน์ รวมไปถึงการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ย หากมีการปรับลงได้ก็จะ เป็นสัญญาณบวก ทำให้ผู้บริโภคมีภาระลถน้อยลง เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ยังต้องระมัดระวังในการเปิดตัวโครงการใหม่ แต่โดยภาพรวมมองว่าในปี 2567 นี้ ยังปรับตัวได้ดีกว่าปี 2566
สำหรับเอ็น.ซี.ฯมีการขยายฐานใหญ่ รองรับการปรับตัวได้ดี มีการควบคุมเข้มเรื่องการบริหารต้นทุนในองค์กร จึงทำให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนต่อเนื่อง และมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯโซนเหนือ,โซนตะวันตก และนนทบุรี ช่วงต้นๆ แต่ก็จะมีการลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยจะเน้นนำที่ดินสะสมที่มีอยู่แล้วออกมาพัฒนาก่อน ที่ยังมีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเชียงใหม่ มีพื้นที่เหลืออีกประมาณ 20 ไร่ และพัทยา ยังเหลืออีกประมาณ 50 ไร่ โดยในทำเลหัวเมืองใหญ่นี้ หากไม่พัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯ ในอนาคตก็อาจนำมาพัฒนาในรูปแบบของมิกซ์ยูส ด้วยการนำธุรกิจเฮลท์แคร์ เข้าไปผสมผสานด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ ขณะเดียวกันก็เปิดกว้างที่จะซื้อที่ดินแปลงใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส เนื่องจากที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการค่อนข้างหายากและมีราคาสูง แต่ในเรื่องกระแสเงินสดหมุนเวียนของบริษัทฯยังดีอยู่ โดยมี D/E ที่ต่ำระดับ 0.8 เท่า
ด้านแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2567 เตรียมเปิด 6 โครงการใหม่ ใน 4 ทำเลรอบกรุงเทพ มูลค่ารวม 7,200 ล้านบาท มากกว่าปี 2566 ที่วางแผนไว้จะเปิด 6 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 4,900 ล้านบาท แต่สามารถเปิดได้เพียงแค่ 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะตลาดไม่เอื้ออำอำนวย โดยทั้ง 6 โครงการ มีที่ดินรองรับหมดเรียบร้อยแล้ว
โดยในครึ่งปีแรกจะเปิดตัว 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นทำเลที่เตรียมแผนจะเปิดในปีที่ผ่านมาและเลื่อนมาเปิดในปีนี้แทน คือ
1.“เอ็นซี นีโอลา วงแหวนลำลูกกา” ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝด ระดับราคา 4-6 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 700 ล้านบาท หรือจะเปิดพรีเซลล์ในเดือนมีนาคม 2567 นี้
2.“บ้านฟ้าแกรนด์ ทาวน์นี่ เพชรเกษม-สาย 5” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 40 กว่าไร่ พัฒนารูปแบบของทาวน์โฮม ระดับราคา 2-4 ล้านบาท และบ้านแฝด ระดับราคา 4-6 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาทโดยจะเปิดตัวในไตรมาส 2/2567
“ในปีนี้เราจะเน้นบ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท มากขึ้น ในสัดส่วน 30% ส่วนบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท ที่เดิมเน้นในสัดส่วน 60-70% แต่ที่ผ่านมาประสบปัญหาในเรื่องการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน (Reject)ถึงเกือบ 40% ดังนั้นในปีนี้จะปรับลดเซกเมนต์ดังกล่าวเหลือที่ประมาณ 30% และอีกประมาณ 40% จะเป็นบ้านระดับราคา 7-10 ล้านบาท ส่งผลให้ตลอดระยะเวลา 30 ปี บริษัทฯเปิดขายมาแล้ว 69 โครงการ รวมมูลค่า 47,150 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 65 โครงการ และคอนโดฯ 4 โครงการ โดยในปีนี้จะมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเปิดขายทั้งสิ้น 17 โครงการ รวมมูลค่า 14,760 ล้านบาท และตั้งเป้าลดยอด Reject เหลือประมาณ 30%”นายสมนึก กล่าว
นายสมนึก กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังเดินหน้าพันธกิจการดำเนินธุรกิจ ชูความเป็น Green Concept มุ่งสู่ ESG 2567 เพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้ซื้อบ้านที่มาพร้อมนวัตกรรม เทคโนโลยีบ้าน พร้อมเดินหน้าวางกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน ในปีนี้
1.Green Concept ด้วยรูปแบบดีไซน์ คอนเซ็ปต์โครงการ สถาปัตยกรรม เชื่อมโยงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการออกแบบเพื่อวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ตั้งแต่การนำเสนองานออกแบบ ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม ทั้งในด้านการเลือกใช้วัสดุ สุขภัณฑ์ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการบริหารจัดการพลังงาน การออกแบบทิศทางแสงสว่าง ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ชีวิตในบ้านสะดวกสบายมากขึ้น เพิ่มความคุ้มค่า การดูแลห่วงใยสุขภาพของสมาชิก ทุกคนในครอบครัว
2.เพิ่มพอร์ตทำเล และฐานลูกค้า ที่ใหญ่ขึ้นในปี 2567 ยกระดับการมีบริการที่ครอบคลุมให้กับฐานลูกค้าเก่า และใหม่ถือเป็นฐานใหญ่ของ เอ็น.ซี.ฯ มีการรุกขยายการเปิดโครงการใหม่เพิ่มในฐานที่ตั้งใหม่ ในโซนกรุงเทพตะวันออก และโซนนนทบุรี ยึดที่ตั้งโครงการในไพร์มโซน เพิ่ม New Segment ในตลาดใหม่ ผ่านโซลูชั่นใหม่ๆ ซึ่งได้ขยายขอบเขตการให้บริการ ผ่านการให้บริการ บ้านมือสอง ไปยังทุกโครงการ ซึ่งเป็นการขยายงานตามแผนกลยุทธ์ขยายธุรกิจให้ครอบคลุม เพื่อสนับสนุนการบริการชุมชนครบวงจร ภายใต้ชื่อ Nc Q Prompt
3.พันธกิจ สู่ ESG 2567 เอ็น.ซี.ฯ ไม่หยุดการพัฒนา ที่อยู่อาศัย สินค้า การบริการ รวมถึงมีการต่อยอดสินค้าใหม่ๆ ซึ่งแผนปีนี้ จะเพิ่มพันธกิจ การยึดถือปฏิบัติ และมุ่งสู่ ESG มีความรับผิดชอบต่อองค์รวม Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) ใน 3 มิติ ด้านสิ่งแวดล้อมจะพิจารณาการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ด้านสังคมจะพิจารณา ด้านการดูแลผลกระทบ ให้ความสำคัญกับ ชุมชน สังคมโดยรอบ บริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ยึดหลักบริหารทุกกระบวนการทั้งภายใน ภายนอกบริษัท อย่างมีรูปธรรม และด้านหลักธรรมาภิบาล เพื่อการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีแนวทางบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน ต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น โดย ESG เป็นปัจจัยหนุน ให้องค์กร สร้างคุณค่าให้กับ สินค้า และบริการ มีจริยธรรมของการดำเนินธุรกิจ ที่ดี
“ปีนี้ เอ็น.ซี.ฯ พร้อมรุกขยายโครงการฐานใหญ่แนวราบ เพิ่มขึ้น และยังมุ่งเติบโต กลุ่มตลาดสินค้า บ้านเดี่ยว ระดับราคา 5-7 ล้านบาท, บ้านแฝดรูปลักษณ์ใหม่สไตล์บ้านเดี่ยว ราคา 4-5 ล้านบาท และกลุ่มทาวน์เฮาส์ ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์แตกต่างโดดเด่น ราคา 2-3 ล้านบาท อีกทั้งเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่ม Segment ใหม่ สร้างฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น ด้วยสื่อการตลาดดิจิทัลที่เข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อบ้าน และกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อรองรับการเปิดโครงการใหม่แนวราบ โดยทำตลาดบ้านระดับราคา 5 ล้านบาทในสัดส่วนที่เพิ่มขี้นกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้ปี 2567 ที่ 3,000 ล้านบาท” นายสมนึก กล่าวในที่สุด