“เดอะ พิซซ่า คอมปะนี”เผยปี 67 กำลังซื้อยังมีความท้าทาย โดยเฉพาะพื้นที่ต่างจังหวัด มั่นใจเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้ดี พร้อมเดินหน้าสร้างความแกร่งด้วยการเปิดตัวแคมเปญ 1 แถม 1 คู่ฟินขวัญใจมหาชน” ซื้อพิซซ่า 1 ถาด แถมฟรี! 1 ถาด สำหรับทุกขอบ ทุกหน้า ทุกที่ทั่วไทย โดยการันตีพร้อมส่งทันใจใน 20 นาที สำหรับร้านในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลที่ร่วมรายการ พร้อมเปิดตัว “บิวกิ้น – พุฒิพงศ์” และ “พีพี – กฤษฏ์” นั่งตำแหน่งพรีเซนเตอร์คู่ร่วมงานกับแบรนด์ครั้งแรก คาดขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่-กระตุ้นยอดขายทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 15% ประกาศขยายอีก 25 สาขาใหม่ งบลงทุนมากกว่า 300 ล้านบาท
นายปัทม์ พงษ์วิทยาพิพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2567 กำลังซื้อยังมีความท้าทายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่เนื่องจากบริษัทฯมีความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นอย่างดี ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ได้ตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ร้านพิซซ่าแนวหน้าของไทย ผ่านการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจและกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย ตลอดจนการทำการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ที่มีการปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ทั้งตัวอักษรและรูปแบบ เน้นสีเขียวที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ การปรับยูนิฟอร์มของพนักงานให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ไปจนถึงการออกแบบร้านให้มีความสว่างและเรียบง่ายมากขึ้น เพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัย พร้อมเล่มเมนูที่มีอาหารหลากหลายมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจากการดำเนินกลยุทธ์ข้างต้น ส่งผลให้ผลประกอบการของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ตลอดปี 2566 เติบโต 10% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ดังนั้นในปี 2567 “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” จึงได้เดินหน้าสร้างการเติบโตแบบเต็มกำลังพร้อมขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยการส่งแคมเปญใหญ่ประจำปี “1 แถม 1 คู่ฟินขวัญใจมหาชน” (Buy One Get One) ซื้อ 1 ถาด แถมฟรี 1 ถาด สำหรับพิซซ่าทุกหน้า ทุกขอบ ทุกที่ทั่วไทย 2 ถาดในราคาเริ่มต้นเพียง 279 บาท เพื่อกระตุ้นยอดขายทั่วประเทศ พร้อมย้ำจุดยืนความเป็นผู้นำด้านเดลิเวอรี โดยการันตีจัดส่งภายในระยะเวลา 20 นาที สำหรับ 40 สาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ร่วมรายการ ซึ่งแคมเปญดังกล่าวได้มีการเปิดตัวอย่างอลังการด้วยขบวนทัพคาราวาน ที่ออกเฉลิมฉลองรอบเส้นทางใจกลางเมืองกรุงเทพ โดยแคมเปญ “1 แถม 1 คู่ฟินขวัญใจมหาชน” จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 จนถึงวันที่ 17 เมษายน 2567 นับเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ให้ผู้บริโภคได้รับความคุ้มค่าต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวเมนูใหม่ เสิร์ฟความอร่อยทั่วไทยกับ “พิซซ่าไส้กรอกยั่วนัวเบคอน” ไส้กรอกรมควันมาพร้อมแฮม เปปเปอโรนี ที่เพิ่มความอร่อยด้วยซอสศรีราชามาโย และขอบไส้กรอกชีสพันเบคอนชิ้นใหญ่ให้
นอกจากนี้ยังสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญด้วยการดึง “บิวกิ้น – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” พร้อมด้วย “พีพี – กฤษฏ์อำนวยเดชกร” สองนักแสดงและนักร้องชื่อดัง นั่งแท่นพรีเซนเตอร์ร่วมกันเป็นครั้งแรก เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง โดยนอกเหนือจากกระแสความนิยมและฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นทั้งในไทยและต่างประเทศ คาแร็กเตอร์ของ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ และ พีพี-กฤษฏ์ ยังตรงกับดีเอ็นเอความโมเดิร์น กระฉับกระเฉง และเข้าถึงง่าย ของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ซึ่งเป็นการเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งจะพบกับกิจกรรมพิเศษที่จะได้เห็นตลอดทั้งปี ดังนั้นเชื่อมั่นว่าการเปิดตัวพรีเซนเตอร์คู่ใหม่ในครั้งนี้ จึงช่วยสนับสนุนภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความสดใหม่ เสริมสร้างความใกล้ชิดกับผู้บริโภคทุกกลุ่มได้มากขึ้น ตลอดจนเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีฐานลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ประมาณ 25% และเชื่อมั่นจะจากแคมเปญดังกล่าวจะทำให้มีลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ในปัจจุบันจะมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารในช่วงเวลากลางคืนมากขึ้น ซึ่งสามารถอร่อยได้ในราคา 479 บาท และช่วยดันยอดขายให้เติบโตขึ้นกว่า 15% จากทุกปีที่มีอัตราการเติบโตประมาณ 10%
ปัจจุบันภาพรวมตลาดพิซซ่ามีมูลค่าประมาณ 10,000-11,000 ล้านบาท ยังมีการเติบโตอยู่ที่ 10% และมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นสัดส่วนที่น้อย โดยบริษัทฯยังเป็นผู้นำตลาด ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 70% โดยจากกลยุทธในปีที่ผ่านมาทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในทุกช่องทาง ทั้งในส่วนของช่องทางเดลิเวอรี่ที่มีสัดส่วนขึ้นมาถึง 45% (เพิ่มมากขึ้นจากช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 ที่มีสัดส่วน 25%) ,รองลงมาเป็นกลุ่มที่นั่งรับประทานที่ร้าน 30% และกลุ่มที่ซื้อกลับบ้าน 25%
“ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ การยกระดับบริการทั้งหน้าร้านและเดลิเวอรี รวมถึงการนำเสนอโปรโมชันที่คุ้มค่าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เดอะ พิซซ่า คอมปะนี มั่นใจว่าแคมเปญนี้ จะสามารถเสริมทัพความยิ่งใหญ่ และเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ทำให้ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เป็นผู้นำเกมแห่งวงการพิซซ่าที่พร้อมส่งมอบความอร่อยและประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ผู้บริโภคทุกคน โดยคาดว่าจากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวจะสามารถสร้างการเติบโตของยอดขายทั่วประเทศได้ไม่น้อยกว่า 15%” นายปัทม์ กล่าว
นายปัทม์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแคมเปญการจัดส่งภายในระยะเวลา 20 นาที สำหรับ 40 สาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ร่วมรายการ (จากทั้งหมด 70 สาขา) ว่า สาขาในประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกที่เป็นผู้นำ Food Delivery ที่สามารถทำให้ลูกค้าได้รับประทานพิซซ่าที่ร้อนขึ้นได้ ขณะเดียวกันไรเดอร์ ก็ได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้น ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างจากคู่แข่ง ส่วนอีก 30 สาขาที่ไม่ได้ร่วมรายการ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ชานเมือง และยังมีความหนาแน่นน้อย ซึ่งที่ผ่านมาไรเดอร์สามารถส่งสินค้าได้ตามระยะเวลาที่การันตี 20 นาที ได้ถึง 95% ส่วนความผิดพลาดด้านเวลามีเพียง 5% เท่านั้น อันเนื่องมาจากปัญหาด้านการจราจร และลูกค้าบางรายอยู่ในอาคารสูง ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการไปส่งอาหารถึงลูกค้าได้ล่าช้าเล็กน้อย แต่บริษัทฯก็จะชดเชยให้กับลูกค้าที่ไม่ได้รับพิซซ่าตามระยะเวลาที่กำหนด ด้วยการมอบพิซซ่าหน้าคลาสสิก ถาดกลาง ให้ลูกค้าได้รับประทานฟรี
ทั้งนี้หลังจากที่มีการจัดแคมเปญดังกล่าว พบว่าโซนที่มีการการันตีระยะเวลา มีอัตราการเติบโต 20-30% อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแคมเปญนี้หากสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ก็จะเพิ่มจำนวนสาขาที่จะสามารถรองรับแคมเปญได้มากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีพนักงานส่งพิซซ่า ทั่วประเทศจำนวนประมาณ 2,000 ราย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 85% ที่เหลือจะเป็นไรเดอร์จากกลุ่มพันธมิตร
อย่างไรก็ตามในปี 2567 บริษัทฯมีแผนที่จะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 25 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 10 สาขา และ ต่างจังหวัด 15 สาขา โดยใช้งบลงทุนมากกว่า 300 ล้านบาท จากปี 2566 ที่มีการขยายสาขาใหม่ จำนวน 20 สาขา ใช้งบลงทุน 200-250 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีครอบคลุม 76 จังหวัด บางจังหวัดหัวเมืองใหญ่มีการขยายไปยังอำเภอรองด้วย แต่มีเพียง 1 จังหวัดที่ยังไม่สามารถขยายสาขาเข้าไปได้ คือ แม่ฮ่องสอน เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องโลจิสติกส์ ซึ่งกลุ่มธุรกิจอาหารจานด่วนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถขยายเข้าไปได้
“ลูกค้าที่รับประทานพิซซ่า โดยเฉลี่ยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือนในการรับประทาน 1 ครั้ง และมียอดสั่งซื้อประมาณ 2,500-3,000 ออเดอร์/สาขา/เดือน โดย 5 หน้ายอดนิยมได้แก่ ฮาวายเอี้ยน,ซีฟู้ดค็อกเทล,แฮมปูอัด,ดับเบิ้ลชีส และมีทเดอลุกซ์ โดยปัจจุบันเรามีฐานสมาชิกประมาณ 300,000 คน และในปีนี้จะขยายเพิ่มให้ได้ 100%”นายปัทม์ กล่าวในที่สุด