news-details
Business

MOSHI ประกาศผลงานปี 66 นิวไฮ กวาดรายได้ 2.5 พันล้านบาท เติบโต 34.2% ตั้งเป้ารายได้ปี’67เพิ่ม 20% ปูพรมขยายสาขา มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น ตอกย้ำผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย ประกาศผลงานปี 66 ทำรายได้ 2,543.25 ล้านบาท เติบโต 34.2% มีกำไรสุทธิ 401.51 ล้านบาท เติบโต 58.6 % ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) เตรียมจ่ายปันผล 0.60 บาทต่อหุ้น ประกาศเป้าหมายรายได้ปี67 เติบโต 20% เร่งปูพรมขยายสาขาใหม่กว่า 24 สาขา คาดใช้งบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ลุยปั้นธุรกิจแฟรนไชส์ ผ่านการเปิดสาขาต้นแบบ Standalone ในไตรมาส 1/67 เพื่อเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ MOSHI ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวม 793.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 642.53 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 151.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.8 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 118.54 ล้านบาท นับเป็นผลการเติบโตที่โดดเด่น เนื่องจากได้ทยอยออกสินค้าใหม่ๆ หลายรายการ และสินค้าที่เป็นที่ต้องการอยู่ในกระแสนิยม ณ ช่วงเวลานั้นๆ ทั้งสินค้าของใช้ทั่วไป และสินค้าลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนอย่าง Cinnamoroll, My Melody, Gudetama และ NCT DREAM ซึ่งทุกคอลเลกชันได้รับผลตอบรับที่ดีส่งผลทำให้อัตราการเติบโตของรายได้จากการขายของสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 4/2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.2 % นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากการ เข้าสู่ช่วง Seasonal Effect เทศกาลเฉลิมฉลอง เช่น วันฮาโลวีน คริสต์มาส และปีใหม่ ด้วยสินค้าที่สวยน่ารัก ราคาย่อมเยา ทำให้ร้าน Moshi Moshi ถือเป็นหนึ่งใน Gifts Destination ของลูกค้า

ด้วยผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา ผลักดันให้ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2566 เติบโตได้ตามที่คาดการณ์ไว้ และเป็นการทำผลงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) ตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีรายได้รวม 2,543.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,895.89 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากกลุ่มค้าปลีก 2,060.19 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 81% กลุ่มค้าส่ง 451.10 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 18% และช่องทางการจัดจำหน่ายอื่น 18.22 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1% ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 401.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 253.17 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ สามารถรักษา SSSG ยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 17%

โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ออกแบบและพัฒนาสินค้าใหม่ให้โดนใจลูกค้ากว่า 10,000 SKUs ซึ่งในนี้รวมถึง 1.) สินค้าน่าสนใจและเหมาะสำหรับช่วงแต่ละเทศกาล 2.) สินค้ากลุ่มใหม่ๆ (New Categories) เช่น Pet Accessories และ Jewel Fashion Accessories 3.) สินค้า Collection ลิขสิทธิ์เพิ่มจากเดิม มีทั้งคาแรคเตอร์จากค่ายดังประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีอย่าง Sanrio ได้แก่ Cinnamoroll, Gudetama My Melody และ NCT DREAM เพื่อเพิ่มความหลากหลายและดึงดูดความสนใจของลูกค้า 4.) Collaboration project collection ที่ทางบริษัทได้ร่วมกับศิลปิน Thai Designers 3 แบรนด์ดัง เพื่อจัดทำCollection พิเศษเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และ 5.) การเปิดตัวร้าน Garlic สาขาแรกที่ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และได้ขยายเข้าสู่หัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูง ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดมหาสารคาม เสริมความแข็งแกร่ง และช่วยสร้าง Shopping Experience ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ทั้งนี้ตลอดปีบริษัทยังประสบความสำเร็จในการจัดกิจกรรมการตลาดและโปรโมชั่นที่น่าดึงดูด น่าสนใจ และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การเป็นผู้สนับสนุนคอนเสิร์ตศิลปินไทยและศิลปินเกาหลี เป็นต้น

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานในปี 2566 ในอัตรา 0.60 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 นี้

นายสง่า กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในปี 2567 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยว และการส่งออกที่ฟื้นตัว รวมถึงนโยบายของภาครัฐเข้ามากระตุ้น อาทิ โครงการ Easy E -Receipt ฯลฯ รวมถึงโครงการดิจิทัล วอลเล็ต และโครงการลงทุนใหญ่ในอนาคต คาดว่าจะทำให้กำลังซื้อฟื้นตัวตามไปด้วย นับเป็นจังหวะที่ธุรกิจค้าปลีกในเซกเมนต์ต่างๆ เริ่มมีการออกแคมเปญทำตลาดเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายมากขึ้น เพื่อดึงเม็ดเงินจากกลุ่มผู้บริโภค สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อน ด้วยปัจจัยการเติบโต ได้แก่ 

1.) การขยายสาขาใหม่ กว่า 24 สาขาในปีนี้ แบ่งเป็น ร้าน Moshi Moshi 20 สาขา และ ร้าน Garlic 4 สาขา คาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท เน้นพื้นที่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวมถึงหัวเมืองใหญ่ที่ยังไม่มีสาขา ขณะที่ไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ เตรียมเปิดสาขาใหม่แบบ Standalone ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นสาขาต้นแบบในแหล่งชุมชนและมหาวิทยาลัย ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดตัวธุรกิจแฟรนไชส์ในอนาคต จากปัจจุบัน บริษัทฯ มีสาขารวมทั้งหมด 131 สาขา (ณ สิ้นปี 2566) โดยแบ่งเป็นร้านค้าปลีกแบรนด์ Moshi Moshi  124 สาขา ร้านค้าปลีกแบบมีส่วนลดแบรนด์ Moshi Moshi  2 สาขา ร้านค้าปลีกแบรนด์ Garlic 3 สาขา ร้านค้าส่ง The OK Station 1 สาขา และร้านค้าส่ง Giant 1 สาขา 

2.) การพัฒนาและออกสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างสรรค์สินค้าให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งการออก New Collection, สินค้าตามฤดูกาล (Seasonal) และสินค้าลิขสิทธิ์การ์ตูนที่เป็นที่นิยม รวมทั้งการสร้างแบรนด์ร่วมกัน (Co-Branding) กับอินฟลูเอนเซอร์ในโลกออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ในปีนี้

3.) การหารายได้จากช่องทางธุรกิจใหม่อื่นๆ เพื่อเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

 

You can share this post!