โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิสฯกางแผนธุรกิจปี 67 มุ่งเน้นอัพเกรดเทคโนโลยี ยกระดับบุคลากร ให้บริการหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการอย่างครอบคลุม ลุยประมูลงานใหม่เพิ่ม 27 โครงการ ประเมิน Backlog สิ้นปีที่ 348.74 ล้านบาท มั่นใจผลงานโตตามเป้า 10-15% รายได้แตะ 500 ล้านบาท ด้านโครงการ Headland Cape Yamu จับมือพันธมิตรระดับโลก Fendi แบรนด์ในกลุ่ม LVMH ปรับโฉมเป็น Fendi Private Estates Phuket
ดร. พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 2567 บริษัทมุ่งเน้นบริหารองค์ความรู้และพัฒนาเทคโนโลยี เพิ่มทักษะบุคลากร ยกระดับธุรกิจที่ยั่งยืน เพื่อให้เกิดรายได้และรักษาความเป็นเลิศ ความสัมพันธ์และความไว้วางใจของคู่ค้า ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการดำเนินงาน ประกอบด้วย การพัฒนาบุคลากรผ่านสถาบันการอบรบ PPS Academy เน้นการสร้างรายได้เพิ่ม สร้างคน เพิ่มทักษะรับงานที่หลากหลาย เพื่อลดต้นทุนการจ้างงาน ลดการเสียเวลาและโอกาสในการได้บุคคลากรที่มีศักยภาพเหมาะสมกับความต้องการของบริษัท
อีกทั้ง บริษัทนำนวัตกรรมการก่อสร้างและเทคโนโลยีเข้ามาเสริมประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ช่วยในการบริหารจัดการงานก่อสร้าง ทั้ง Software Kanna ที่ช่วยในการจัดการเอกสาร จัดการงาน ติดตามความคืบหน้า รายงานและสื่อสารภายในทีม ทำให้บริษัทบริหารทรัพยากรบุคคลและเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึง HoloBuilder แพลตฟอร์มการก่อสร้างแบบครบวงจรที่ใช้ภาพถ่าย 360 องศาและเทคโนโลยีการจับภาพความเป็นจริง เพื่อช่วยให้ทีมงานก่อสร้างสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้บริษัทสามารถดูแลลูกค้าได้มากขึ้น ลดจำนวนพนักงาน ลดค่าใช้จ่าย และสามารถสร้างรายได้ประจำให้แก่บริษัทได้
นอกจากนี้ PPS มีเป้าหมายระยะยาวที่จะสร้าง Carbon Neutral องค์กรภายในปี 2030 สามารถเป็นองค์กรที่ตรวจวัดและประเมิน Carbon Credit Equivalent และได้รับการรับรองจากองค์กรบริหารก๊าซเรือนกระจก คาดว่าจะสามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทวนสอบ จากองค์การบริหารก็าซเรือนกระจกภายในไตรมาส 1/67 นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีบริษัทจำนวนมากที่มองหาที่ปรึกษาเกี่ยวกับการลดคาร์บอน โดย PPS มีความพร้อมในการเป็นที่ปรึกษา จากประสบการณ์ที่บริษัทมีการบันทึกคาร์บอนมาตั้งแต่ปี 2561 และรับรางวัลด้านความยั่งยืน (Sustainability) มาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาในไตรมาสแรกนี้ บริษัทยื่นเสนองานใหม่รวม 27 โครงการ ส่วนที่เซ็นสัญญาแล้วมูลค่ารวมกว่า 67.25 ล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทราบผลประมูลภายในไตรมาสนี้ โดยบริษัทประเมินว่า ณ สิ้นปีนี้จะมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 348.74 ล้านบาท ส่งผลให้รับรู้รายได้จากการบริหารโครงการต่อเนื่อง มั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% รายได้แตะ 500 ล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในปีนี้
ด้าน โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทลักซ์ชัวรี่วิลล่าในที่ดินแหลมยามู จ.ภูเก็ต (Headland Cape Yamu) หลังร่วมมือกับพันธมิตร Fendi แบรนด์ชั้นนำระดับโลก เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็น Fendi Private Estates Phuket นับเป็น Fendi Private Estates แห่งที่ 2 ต่อจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่ง Fendi จะเข้ามาเสริมความโดดเด่นให้โครงการ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างภาพลักษณ์ของวิลล่า ตอบสนองความต้องการกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อระดับบน โดยจ.ภูเก็ต ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายของชาวต่างชาติที่ย้ายมาพำนักอาศัยจากภาวะสงคราม อีกทั้ง ภาพรวมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดี