แอสเซทไฟว์ กรุ๊ป เผยภาพรวมตลาดอสังหาฯปีมังกรยังหินและท้าทาย การแข่งขันดุเดือด ส่วนบริษัทฯเน้นพัฒนาโครงการเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ตอบโจทย์เรียลดีมานด์ ประกาศแผน 2 ปี ผุดบ้านหรู 5 โครงการ รวมมูลค่า 8,200 ล้านบาท ปักหมุดทำเลศักยภาพกรุงเทพฯตะวันออก-ตก ชูจุดเด่นบ้านทุกหลัง สร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด A5 GREATNESS Inspired by Love ควบคู่กลยุทธ์นำเสนอดีไซน์บ้านที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ หนุนรายได้ปี 67 แตะ 2,500 ล้านบาท มุ่งสู่เป้าหมายรายได้ 5,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี เมินผู้ประกอบการไทย-ต่างชาติ เข้าเจรจาร่วมทุน ขอเน้นพัฒนาเองแบบไม่เกินตัว
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯระดับบนปี 2567 ยังมีทิศทางเติบโต แต่การแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น ถือเป็นปีที่หินและมีความท้าทายเป็นอย่างมาก แต่ A5 ยังเป็นบริษัทที่ไม่ใหญ่มาก จึงไม่จำเป็นต้องไปแข่งขันในทุกเซกเมนต์ เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด จึงมุ่งเน้นกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ โดยเน้นพัฒนาโครงการประเภทแนวราบเป็นหลัก ผ่านการวิจัยศึกษาตลาดและพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย มองหาโอกาสขยายโครงการไปในทำเลที่มีศักยภาพสูง เพื่อพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มเติม ที่ยังเน้นนำเสนอดีไซน์ใหม่ๆที่แตกต่างอย่างโดดเด่น แต่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ดี
รวมทั้งบริหารจัดการต้นทุนที่ดิน และค่าก่อสร้างให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร ผลักดันให้รายได้เติบโตตามเป้าหมาย และส่งมอบโครงการระดับลักชัวรีที่มีคุณภาพเหนือความคาดหวังของลูกค้า มุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด “A5 GREATNESS Inspired by Love ใช้หัวใจที่ยิ่งใหญ่” เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดและความแตกต่างให้ลูกค้า รวมถึงสังคม
“ที่ผ่านมาลูกค้าตลาดบ้านหรู จะกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ประมาณ 50-100% ขณะที่ลูกค้าที่ซื้อบ้านแบรนด์ ‘CINQ’ จะซื้อด้วยเงินสดถึงสัดส่วน 70% ส่วนแบรนด์ ‘VANA’ ซื้อด้วยเงินสดในสัดส่วน 50-60% “ นายศุภโชค กล่าว
นายศุภโชค กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้ามาโดยตลอด สะท้อนจากผลประกอบการที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2566 และในปี 2567 นี้บริษัทยังคงมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพ ทั้งในส่วนของผลประกอบการ ฐานะทางการเงิน และการพัฒนาโครงการใหม่ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับบน โดยในปี 2567-2568 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 5 โครงการ บนทำเลศักยภาพ กรุงเทพฯ โซนตะวันออกและตะวันตก เจาะกลุ่มลูกค้า Real Demand มูลค่ารวม 8,200 ล้านบาท ซึ่งในปี 2567 จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 3,350 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.โครงการ VANA ราชพฤกษ์ - เวลต์วิลล์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 17 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว 3 ชั้น 43 ยูนิต ราคาตั้งแต่ 30-60 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 1,700 ล้านบาท ชูจุดเด่นบ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่ ใจกลางราชพฤกษ์ ติดห้างสรรพสินค้าใหญ่ Central Westville และ The Crystal SB ราชพฤกษ์ เน้นความสะดวกสบายในการเดินทาง ที่ทำงาน แหล่งไลฟ์สไตล์ และใกล้ชิดธรรมชาติ โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหรา พร้อมกับให้ความเป็นส่วนตัว พื้นที่ภายในบ้านเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยมีกระแสตอบรับที่ดี หลังเปิดขาย Pre – Sale ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดจองได้ 1 ยูนิต ระดับราคา 50 ล้านบาท และมีลูกค้าอีกหลาย 10 ราย ที่ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการต่อรองราคา คาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 2/2567
2.โครงการ "CINQ ROYAL" ย่านบางนา กม.7 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 14 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านหรู ขนาดตั้งแต่ 100 ตารางวาขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 100 ล้านบาท จำนวนเพียง 18 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,650 ล้านบาท ถือเป็นทำเลที่สะดวกสบายและครบครัน ใกล้ห้างสรรพสินค้า โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล และสนามกอล์ฟ คาดจะสามารถเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/2567 โดยขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจจองเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ และมีจำนวนยูนิตที่น้อย
ทั้งนี้ บริษัทจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ปีนี้เพิ่มอีกกว่า 70% โดยมีเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท และเตรียมงบลงทุนซื้อที่ดินเพิ่ม มูลค่า 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง (ไม่รวม 5 โครงการใหม่)
ส่วนในปี 2568 บริษัทเตรียมแผนพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มเติม จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,850 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี ภายใต้แบรนด์ “VANA” 2 โครงการ ราคา 30-60 ล้านบาท บ้านหรูแบรนด์ใหม่ บนทำเลกรุงเทพกรีฑา ในระดับราคาที่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท คงความเป็น Urbanized Living ที่จะมาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่แตกต่างอย่างโดดเด่น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้ของบริษัทเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โดยตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ภายใน ปี 2569
นายศุภโชค กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการต่างชาติ และคนไทย เข้ามาเจรจาเพื่อดึงบริษัทร่วมทุนและลงทุน พัฒนาโครงการร่วมกัน แต่ตนมองว่า A5 ยังเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก คงเน้นการพัฒนาโครงการเองมากกว่า และต้องพัฒนาอย่างระมัดระวัง ไม่พัฒนาที่เกินตัว โดยยังเน้นโครงการบ้านระดับลักชัวรี ระดับราคา 30-60 ล้านบาท เป้นสัดส่วนหลัก เนื่องจากดีมานด์กลุ่มดังกล่าวยังมีอย่างต่อเนื่อง