ธนูลักษณ์ฯ เปิดแผนธุรกิจ ปี 67 สยายปีกธุรกิจบริการการเงินเต็มศักยภาพ เพิ่มพอร์ตสินเชื่อ เป็น 6,100 ล้านบาท พร้อมกำเงิน 1,200 ล้านซื้อหนี้ NPLs มาบริหาร ตั้งเป้ารายได้โต 10-12% รักษาอัตราการทำกำไรสุทธิที่มากกว่า 15% มั่นใจเดินมาถูกทาง! หลังปี 66 โชว์ผลงานกำไรสุทธิ 513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 403% จากปีก่อน เพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 18% จาก 5% ในปี 65 หลังเบนเข็มลุยธุรกิจการเงิน
นายกิตติชัย ตรีรัชตพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNL เปิดเผยถึงแผนธุรกิจปี 2567 ว่า บริษัทยังคงมุ่งเดินหน้าขยายธุรกิจ New Growth Engines ใน 3 ธุรกิจใหม่ ที่จะเป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรให้บริษัทได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเฉพาะธุรกิจปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกัน (Secured Lending Business) และธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย (Management of NPLs/NPAs Business) หรือธุรกิจ AMC
โดยบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้จากการดำเนินงาน (Operating Revenue) ปี 2567 ไว้ที่ประมาณ 2,800 ล้านบาท เติบโต 10-12% จากปีก่อน พร้อมรักษาอัตราการทำกำไรสุทธิที่มากกว่า 15% สำหรับธุรกิจให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน ที่ดำเนินการผ่านบริษัท ออกซิเจน แอสเซ็ท จำกัด (Oxygen Asset) ตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตสินเชื่อเป็น 6,100 ล้านบาท โตขึ้นประมาณ 2-3% สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และด้านธุรกิจ AMC ที่ดำเนินการผ่านบริษัท บริหารสินทรัพย์ ออกซิเจน จำกัด (Oxygen Asset Management หรือ OAM) ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. คาดว่าจะเรียกเก็บหนี้ได้ 180 ล้านบาท และตั้งเป้าลงทุนซื้อหนี้ NPL เพิ่มที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีหนี้เสียจากสถาบันการเงินทยอยออกมาขายจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจ
“ท่ามกลางความท้าทายทั้งเศรษฐกิจในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน บริษัทยังคงมุ่งเน้นขับเคลื่อนการเติบโตของพอร์ตสินเชื่ออย่างรอบคอบ ควบคู่ไปกับการขยายพอร์ตลงทุน NPL อย่างมีคุณภาพและรัดกุม โดยให้ความสำคัญกับบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ และใช้กลยุทธ์เชิงรุกในการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพของ AMC” นายกิตติชัย กล่าว
นายกิตติชัย กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย (Real Estate Development for Sales Business) ที่ดำเนินการโดยบริษัท ทีเอ็นแอน อัลไลแอนซ์ จำกัด (TNL Alliance หรือ TNLA) ซึ่งได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ NOBLE ผ่านบริษัทร่วมทุน (JV) ในสัดส่วน 50:50 ปัจจุบัน มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอยู่ 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 20,000 ล้านบาท จะเริ่มทยอยก่อสร้างเสร็จ และพร้อมโอนในปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะมียอดโอนรวม 3,000 ล้านบาทในปีนี้
สำหรับผลการดำเนินงาน ปี 2566 ซึ่งถือเป็นปีแรกที่ TNL ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงธุรกิจ โดยเข้าลงทุนใน 3 ธุรกิจใหม่ โดยมั่นใจว่าการแปลงโฉมธุรกิจครั้งนี้ จะสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน มั่นคง ในระยะยาวให้แก่ TNL และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งเห็นได้จากผลงานปี 2566 ที่บริษัทมีการเติบโตทั้งด้านรายได้และกำไรสุทธิ อย่างมีนัยสำคัญ โดยปี 2566 TNL มีรายได้รวมที่ 2,870 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 910 ล้านบาท คิดเป็น 46% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยหลักๆ รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจาก 3 ธุรกิจใหม่ ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 411 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 403% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากปี 2565 TNL ยังไม่มีรายได้จาก 3 ธุรกิจใหม่ และหลังจากเสริมทัพ 3 Growth Engine ใหม่ TNL สามารถเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 18% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ 5% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และล่าสุดคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อขออนุมัติจ่ายปันผลจากกำไรสะสมเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 3 พ.ค. 2567 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567
ทั้งนี้ การเติบโตของ 3 ธุรกิจใหม่ ในปี 2566 มีดังนี้
1.ธุรกิจให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน Oxygen มีรายได้ 481 ล้านบาท และพอร์ตสินเชื่อ 5,940 ล้านบาท โตขึ้นกว่า 2,341 ล้านบาท หรือ 66% เมื่อเทียบกับปี 2565 ทั้งนี้ Oxygen ยังคงรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อได้ดี โดยลูกหนี้ทั้งหมดมีสถานะปกติ ไม่มีลูกหนี้ที่เป็น NPL แต่ Oxygen ได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) ตามหลักความระมัดระวังรอบคอบ เป็นจำนวน 95 ล้านบาท เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายและไม่แน่นอน
2.ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ OAM เริ่มรับรู้รายได้ดอกเบี้ยในไตรมาส 2 ปี 2566 หลังประมูลพอร์ต NPL แรกได้สำเร็จในปลายไตรมาส 1 ปี 2566 และต่อมาในปลายปี OAM ได้ซื้อพอร์ต NPL เพิ่มอีก 2 พอร์ต ส่งผลให้มูลค่าพอร์ตบริหารหนี้ของ OAM อยู่ที่กว่า 3,800 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 โดยในปี 2566 OAM มีรายได้ดอกเบี้ยรวม 72 ล้านบาท และได้ตั้งสำรอง ECL จำนวน 13 ล้านบาท เพื่อรองรับความผันผวนของธุรกิจและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในอนาคต
3.ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย TNLA มีรายได้ 287 ล้านบาท ในปี 2566 จากการกำกับดูแลโครงการ และรายได้ดอกเบี้ยรับ จากการให้เงินกู้ยืมแก่โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ 6 กิจการร่วมค้า ร่วมกับ NOBLE