เมเจอร์ฯเผยเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ในคอนโดฯยังเป็นกระแสโตต่อเนื่องทุกปี ผลสำรวจพบประเทศไทยมีอัตราเลี้ยงสัตว์สูงกว่าค่าเฉลี่ยเทียบเป็น 73% ล่าสุดเอาใจคนรักสัตว์ทางเลือก เปิดตัว “MAJOR Pet Family Residences : Exotic Pet” อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงทางเลือก ตอกย้ำผู้นำอสังหาฯไทยรายแรก เริ่มจาก 4 โครงการพร้อมโอนปีนี้ นำร่อง“เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว” (METRIS District Ladprao) เป็นโครงการแรก ล่าสุด ผนึกพันธมิตรโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ร่วมสร้างการบริการและดูแลสัตว์เลี้ยงทุกประเภท
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เปิดเผยว่า เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ในช่วง 2-3 ปี มีการเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก โดยจากข้อมูลของ TGM Research พบว่าคนทั่วโลกกว่า 58% นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว โดยเลี้ยงเพียง 1 ตัว คิดเป็น 46% แต่ที่น่าแปลกใจ คือ ประเทศไทยมีอัตราเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสูงกว่าค่าเฉลี่ยเทียบเป็น 73% และนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพียง 1 ตัวต่อครอบครัว เฉลี่ย 45% แต่กลับพบกว่าคนไทยนิยมเลี้ยงสัตว์ 2 ตัวต่อครอบครัวสูงถึง 23% และ 4 ตัวขึ้นไปถึง 24% เห็นได้ชัดว่าประเทศไทยมีสัดส่วนคนเลี้ยงสัตว์ที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับทั่วโลกทั้งในค่านิยมและปริมาณต่อครอบครัว สำหรับเมเจอร์ฯเอง ที่ผ่านมาได้ประกาศความตั้งใจที่มุ่งมั่นเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมานานถึง 25 ปีแล้ว และไลฟ์สไตล์คนก็มีแนวโน้มรักสัตว์และเลี้ยงสัตว์มากขึ้น เนื่องจากหลายคนเริ่มสูงวัย บางกลุ่มเป็นคนโสด หรือบางกลุ่มแต่งงานแต่ไม่มีทายาท การเลี้ยงสัตว์จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาจากการสำรวจ พบว่ามีผู้นิยมเลี้ยงสัตว์มากถึง 45% ซึ่งสุนัข มีการเลี้ยงมากเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 60% แมว สัดส่วน 38% และสัตว์เลี้ยงทางเลือกอื่นๆ 2%
โดยผลสำรวจถึงสาเหตุที่เลี้ยงสัตว์แต่ละประเภท ได้แก่ ทาสสุนัข สัดส่วน 40.4% เหตุผลที่เลี้ยง เพราะมีความซื่อสัตว์ ขี้เล่น ฉลาด แสนรู้และคลายเหงา รองลงมาคือ ทาสแมว สัดส่วน 37.1% เหตุผลที่เลี้ยงเพราะ ไม่เสียงดัง น่ารัก ขี้อ้อน รักสะอาด ไม่มีกลิ่น และทาสสัตว์ EXOTIC สัดส่วน 22.6 % เหตุผลที่เลี้ยงเพราะ ดูแตกต่าง อินเทรนด์ บ่งบอกตัวตนคนเลี้ยง เลี้ยงง่าย ใช้พื้นที่น้อย อายุยืน เป็นโรคน้อย สามารถเลี้ยงตามธรรมชาติได้
นางสาวเพชรลดา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ตนเป็นผู้ที่รักสัตว์ทุกชนิด จึงมีความเข้าใจกลุ่มคนรักสัตว์ ที่มีไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าที่เลี้ยงสัตว์ทางเลือกอื่น นอกเหนือจากสุนัขและแมว บริษัทฯจึงเปิดกว้าง ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ “MAJOR Pet Family Residences : Exotic Pet” ที่นับเป็นอสังหาฯรายแรก ที่เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าให้สามารถเลี้ยงสัตว์อื่นได้ (ยกเว้นสัตว์มีพิษ เช่น งู และสัตว์สงวน) แต่ต้องเป็นจำนวนที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของที่อยู่อาศัย และขนาดของสัตว์เลี้ยงด้วย โดยจะเริ่มต้นจากโครงการใหม่ที่จะทอยโอนในปี 2567 จำนวน 4 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ 3 โครงการ และคอนโดฯ 1 โครงการ นำร่อง โครงการ “เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว” (METRIS District Ladprao) เป็นโครงการแรก
“ที่ผ่านมาคอนโดฯเลี้ยงสัตว์ได้ของเมจอร์ ได้รับการตอบรับจากลูกบ้านเป็นอย่างมาก ทั้งในส่วนของกลุ่มลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ และลูกบ้านที่ไม่ได้เลี้ยง ซึ่งพบว่าสัดส่วนของลูกบ้านที่เลี้ยงสัตว์นั้น มีจำนวนที่มากขึ้นกว่าเมื่อปี 2565 สัดส่วน 45% และในจำนวนดังกล่าวเป็นสัตว์เลี้ยงทางเลือก ที่ปรากฏเข้ามา ทางเมเจอร์ฯ จึงได้เล็งเห็นถึงความนิยมที่ขยายตัวของลูกบ้าน สอดคล้องกับเทรนด์การเลือกเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทางเลือกของคนไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราจึงพร้อมที่จะขยายขอบเขตครอบครัวเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ สู่ ‘MAJOR Pet Family Residences : Exotic Pet’ โดยนับว่าเราเป็น แบรนด์แรกและครั้งแรกของไทยที่อนุญาตให้เลี้ยง ‘สัตว์เลี้ยงทางเลือก’ ได้อย่างเป็นทางการ”นางสาวเพชรลดา กล่าว
นอกจากนี้ยังได้ขยายขอบเขตการดำเนินการทั้งในส่วนการก่อสร้างโครงการ กิจกรรมลูกบ้าน รวมทั้งการบริการและการดูแลแบบครบวงจร เริ่มต้นในด้านการก่อสร้าง และการดีไซน์ฟังก์ชั่นของห้องชุดและพื้นที่ส่วนกลาง ตัวอย่างโครงการ เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว (METRIS District Ladprao) ที่ออกแบบโดยเน้นเรื่อง Craft & Quality ควบคู่กับฟังก์ชั่น Pet-Friendly ภายใต้การคำนึงถึงคุณภาพชีวิตและสุขลักษณะที่ดีของสัตว์เลี้ยงเป็นสำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Multi-Pet Playroom พื้นที่พิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงทางเลือกที่แยกส่วนอย่างชัดเจน โดยได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ มาร่วมเป็นที่ปรึกษาให้ความรู้ เพื่อให้แบรนด์เข้าใจธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงกลุ่มนี้มากขึ้น โดยได้เตรียมดีไซน์ฟังก์ชั่น เพื่อรองรับพฤติกรรมต่างๆ ของสัตว์เลี้ยงทางเลือกได้อย่างเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะนำความสำเร็จของ Multi-Pet Playroom ขยายสู่โครงการอื่นๆ ภายใต้การพัฒนาของแบรนด์ในอนาคตมากยิ่งขึ้น
ด้านข้อกำหนดและกิจกรรมต่างๆ ได้ขยายขอบเขตของ Petscape เพื่อตอบรับกลุ่มสัตว์เลี้ยงทางเลือก โดยแบ่งออกเป็นหมวด อาทิ ประเภทของสัตว์เลี้ยง การลงทะเบียนสมาชิก พื้นที่ใช้สอย การดูแลรักษา เป็นต้น เพื่อกำหนดเเนวทางการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างสัตว์เลี้ยงทางเลือกกับลูกบ้านที่เลี้ยงสัตว์อื่นๆ และลูกบ้านที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ได้อย่างสมดุลและลงตัวที่สุด รวมทั้งเตรียมขยายกิจกรรมสีสันความสนุกและสิทธิประโยชน์ความพิเศษที่มีให้กับลูกบ้านและสัตว์เลี้ยงทางเลือกโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การบริการและการดูแลสัตว์เลี้ยง ซึ่งทางเมเจอร์ฯ มีโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เป็นพันธมิตรมาอย่างยาวนาน ซึ่งช่วยซัพพอร์ตในการบริการและดูแลสัตว์เลี้ยงทุกประเภทให้กับลูกบ้านเมเจอร์ฯ มาโดยตลอด และในครั้งนี้ยังได้ขยายความเชี่ยวชาญมายังกลุ่มใหม่อย่างสัตว์เลี้ยงทางเลือก โดยได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ในการทำประกันสัตว์เลี้ยงในราคาเริ่มต้นที่ 500-2,000 บาท/ตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของสัตว์เลี้ยง ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าแต่ละโครงการของบริษัทฯมีลูกค้าที่นิยมเลี้ยงสัตว์ในสัดส่วน 50% และบางโครงการมากถึง 70%
“การขยายขอบเขตครอบครัว MAJOR Pet Family Residences : Exotic Pet พร้อมทั้งความมุ่งมั่นในการร่วมมือครั้งสำคัญของ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ No.1 Pet Family Residences และ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ No.1 Pet Hospital จะเป็นการสะท้อนภาพความตั้งใจของเมเจอร์ฯว่าเราให้ความสำคัญและใส่ใจในอินไซต์ของผู้บริโภคอยู่เสมอ และต่อจากนี้ เราขอสัญญาว่า เราจะยังเน้นย้ำและพัฒนาโครงการ ภายใต้การผนวกกลยุทธ์ Lifescape และ Petscape และมาตรฐานของ Craft & Quality เข้าไปกับ Pet-friendly function และสัญญา ว่าจะคิดถึงความสุขของคุณและน้องๆ เพื่อดูแลครอบครัวนี้อย่างดีที่สุดตลอดไป” นางสาวเพชรลดา กล่าว
สพ.ญ.กฤติกา ชัยสุพัฒนากุล ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ กล่าวว่า นับเป็นความตั้งใจของโรงพยาบาลที่ต้องการรองรับและให้บริการการดูแลรักษาสัตว์ทุกประเภทให้มีสุขภาวะและสุขอนามัยที่ดี เพราะเราเชื่อมั่นว่าคนที่เลี้ยงสัตว์มองว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัว โดยครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ดีที่เราได้ขยายขอบเขตความร่วมมือในการดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงให้ลูกบ้านเมเจอร์ฯ มากยิ่งขึ้น โดยล่าสุด เราได้เปิดศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยงพิเศษ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ โรงพยาบาลสัตว์อันดับ 1 ของประเทศไทย และโรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการรักษาสัตว์เลี้ยงทางเลือก (Exotic pet) โดยสาขาแรกที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขาพระราม 9 ซึ่งเป็นศูนย์ส่งต่อสัตว์ป่วย (Referral center) ที่ใหญ่ที่สุด โดดเด่นทั้งในด้านการบริการดูแลและรักษาด้วยเครื่องมือในการวินิจฉัยโรคที่ครบครัน อาทิ เครื่อง MRI และ CT Scan เป็นต้น
ทางด้าน น.สพ.เชาวพันธ์ ยินหาญมิ่งมงคล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ กล่าวว่า ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของสัตวแพทย์และบุคลากรที่ให้การดูแลและบริการด้านสัตว์เลี้ยงทางเลือกโดยเฉพาะ อาทิ กระต่าย กระรอก หนูเควี่ ชินชิล่า และอื่นๆ เป็นต้น ทำให้เจ้าของสามารถอุ่นใจได้ว่าสัตว์เลี้ยงทางเลือกจะได้รับการดูแลวินิจฉัยและรักษาอย่างดีที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญก่อนการเริ่มต้นเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทางเลือก คือ เจ้าของต้องศึกษาวิธีการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงทางเลือกอย่างเหมาะสม ทั้งในด้านของอาหารการกิน และสถานที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับแต่ละประเภท และสุดท้าย คือ ความรับผิดชอบและความรัก ที่มีต่อสัตว์ที่เลี้ยงไม่ว่าประเภทใดก็ตาม