โรงพยาบาลเอกชล ประกาศทิศทางธุรกิจปี 67 ปรับโฉมใหม่ สร้างจุดแข็งเพิ่มโอกาสการแข่งขัน ยกระดับความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ เตรียมพัฒนาบริการเฉพาะทาง เล็งจับมือพันธมิตรขยายฐานกลุ่มลูกค้า ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% ด้านความร่วมมือ Id Hospital กระแสตอบรับดี รุกทำตลาด เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
นายสิริพจน์ มาโนช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร บริษัท โรงพยาบาลเอกชล จำกัด (มหาชน) หรือ AHC ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกใน จ.ชลบุรี ที่เปิดให้บริการมาประมาณ 44 ปี เปิดเผยถึงภาพรวมการแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนใน จ.ชลบุรี ว่า หลังวิกฤติโควิด-19 มีการแข่งขันที่เดือดมาก เนื่องจากธุรกิจโรงพยาบาลถือเป็น 1 ในปัจจัย 4 ส่งผลให้มีผู้ประกอบการจากหลายธุรกิจหันมารุกธุรกิจโรงพยาบาลกันมาก ปัจจุบันในจ.ชลบุรี มีโรงพยาบาลเอกชน ประมาณ 10 แห่ง แบ่งเป็นในพื้นที่อ.เมือง ประมาณ 5 แห่ง และที่เหลือกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ เช่น พัทยา ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีโรงพยาบาลเอกชน เปิดตัวใหม่เพิ่มอีกประมาณ 2 แห่ง ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือการเกิดสมองไหลของบุคลากรของโรงพยาบาลแต่และ แห่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลเอกชลนั้นพยายามหาจุดเด่น จุดแข็งเพื่ออยู่ในตลาดและสามารถแข่งขันได้ โดยจุดแข็งคือเป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการมานาน จึงมีฐานลูกค้าที่มาก และมีบุคลากรทางการแพทย์รองรับแทบทุกโรค มีการให้บริการสุขภาพทั้ง 4 ด้านครบวงจร ได้แก่ บริการตรวจรักษาโรค ฟื้นฟูสมรรถภาพ ป้องกันโรค และส่งเสริมสุขภาพ รวมไปถึงการดูแลบุคลากรแผนกอื่นๆเป็นอย่างดี มีการจ่ายค่าตอบแทนที่เหมาะสม ดังนั้นบุคลากรจึงทำงานด้วยความสบายใจ ทำให้บุคลากรเกิน 50% ทำงานอยู่ด้วยกันเกิน 20-30 ปี ดังนั้นการเกิดสมองไหลของโรงพยาบาลเอกชล จึงไม่มากเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลอื่นๆ
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯปี 2567 ได้วางกลยุทธ์สร้างจุดแข็งเพื่อเพิ่มโอกาสการแข่งขัน ยกระดับความเชี่ยวชาญการแพทย์ พัฒนาบริการเฉพาะทาง ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัย ทั้งนี้โรงพยาบาลได้จัดศูนย์ทางการแพทย์เฉพาะทาง เพื่อขยายศักยภาพการดูแลรักษากลุ่มแม่และเด็กแบบครบวงจร โดยมีการจัดให้มีหมอเด็ก (กุมารแพทย์) ที่ประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดให้มีทีมแพทย์เฉพาะทางเพื่อรองรับการดูแล รักษา ผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อน เช่น โรคระบบประสาท โรคกระดูกและข้อ โรคหัวใจ โรคที่เกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อ
ขณะที่ โรงพยาบาลเอกชล 2 มุ่งเน้นรับสิทธิประกันสังคม และสิทธิร่วมต่างๆ มีแผนจัดตั้งศูนย์เฉพาะทางมากขึ้นเช่นกัน เริ่มจากการเปิดให้บริการดูแลกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ (Palliative Care) เพื่อขยายบริการให้สามารถรองรับการรักษาพยาบาล ได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
“จากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยของโรงพยาบาล พบว่ามีสัดส่วนผู้ใช้บริการกลุ่มผู้สูงอายุ และเด็ก รวมกันกว่า 65% ของจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมด โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องการแพทย์ พยาบาล ดูแลเป็นพิเศษซึ่งมีแนวโน้มอัตราการใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลจึงปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างโอกาสและเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้นในอนาคต” นายสิริพจน์ กล่าว
สำหรับการปรับปรุงห้องผ่าตัด (OR) และห้องผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) ในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ และหอพักผู้ป่วยชั้น 10 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณช่วงกลางปี 2567 อีกทั้ง โรงพยาบาลมีแผนการลงทุนปรับปรุงด้านอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ ห้องพักผู้ป่วยชั้นอื่นๆ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยตั้งงบประมาณการลงทุนกว่า 100 ล้านบาทในปีนี้ จากปีที่ผ่านมาก็ใช้งบประมาณในการรีโนเวทไปกว่า 100 ล้านบาทเช่นกัน ซึ่งการรีโนเวททั้งหมดจะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 3-4 ปี คาดว่าจะใช้งบประมาณในการรีโนเวทประมาณ 400-500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความร่วมมือกับพันธ์มิตรระดับนานาชาติ ในการขยายศักยภาพบริการการแพทย์เฉพาะทาง ขยายโอกาสทางธุรกิจและกลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อยกระดับการดูแลรักษา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้ ซึ่งจะช่วยเสริมให้ธุรกิจโรงพยาบาล มีผู้ใช้บริการที่หลากหลายมากขึ้น และช่วยสร้างฐานรายได้ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ด้านความร่วมมือกับ Id Hospital ประเทศเกาหลีใต้ ให้บริการด้านสุขภาพและความงามครบวงจร (Wellness & Plastic surgery) อยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการให้คำปรึกษา ให้ความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องช่วยในการตัดสินใจแก่ผู้สนใจในการทำศัลยกรรม เพื่อให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากนี้บริษัทฯยังอยู่ในระหว่างการเจาจากับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างชาติอีกหลายราย โดยเฉพาะกลุ่มไต้หวัน ขณะนี้เจรจาสำเร็จแล้ว คาดว่าจะมีการบันทึกความเข้าใจระหว่างองค์กร(MOU) ประมาณปลายไตรมาส 1/2567 หรือต้นไตรมาส 2/2567 นี้
อีกทั้งบริษัทฯยังวางแผนการตลาดสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอาทิ คนวัยทำงาน นักศึกษา ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ สร้างการรับรู้เพิ่มขึ้นในวงกว้าง และคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้เร็วๆนี้ เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มอัตราการใช้บริการในแผนกอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชล1 มีเตียงรองรับผู้ป่วยจำนวน 210 เตียง โดยเป็นลูกค้าที่ใช้บริการด้วยเงินสดสัดส่วนกว่า 40% ,ใช้สิทธิประกันชีวิต สัดส่วน 20% ,ใช้สิทธิประกันสังคม 20% และใช้สิทธิอื่นๆอีกประมาณ 20% โดยในส่วนของห้องพักฟื้นผู้ป่วยหลังรีโนเวทเสร็จ คาดว่าจะปรับค่าบริการเพิ่มประมาณ 5-10% จากปัจจุบันราคาเริ่มต้นที่ประมาณกว่า 4,000-6,000 กว่าบาท/ห้อง/คืน ส่วนโรงพยาบาลเอกชล 2 ปัจจุบันสามารถรองรับได้ 100 เตียง (สามารถเพิ่มได้ถึง 300 เตียง) สำหรับจำนวนลูกค้าที่เป็นทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ยังมีอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะช่วยหนุนให้ในช่วงไฮซีซั่น(ไตรมาส 3 ของทุกปี)มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายสิริพจน์ กล่าวต่อว่า โรงพยาบาลเอกชล มุ่งเน้นการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน จากแผนการดำเนินงานดังกล่าวเชื่อว่ารายได้ของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถเพิ่มอัตราการทำกำไรดีขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตปี 2567 ไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2566 มีรายได้ประมาณ 1,829 ล้านบาท