news-details
Business

“อนุทิน”ยาหอมภาคอสังหาฯช่วยขับเคลื่อนศก. พร้อมรับฟังเสียงสะท้อนผู้ประกอบการ-ตอบแทนประชาชน ด้าน 2 นายกฯเผยช่วงครึ่งปีแรก’67มีข่าวดี รัฐผ่อนปรนบ้านBIO-ปรับลดขนาดบ้าน พ้อผิดหวังแบงก์ชาติไม่ต่อมาตรการLTV

“อนุทิน ชาญวีรกูล” ยาหอม 3 สมาคมอสังหาฯมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมประเทศ เผยที่อยู่อาศัยยังเป็นปัจจัย 4 ที่มีความต้องการต่อเนื่อง ด้านภาครัฐเตรียมจัดผังเมือง-จัดรูปที่ดิน รองรับสังคมสูงวัย เพิ่มพื้นที่สีเขียว หวังตอบโจทย์ประชาชนได้หลายมิติ ระบุหากนายกฯมอบนโยบายก็พร้อมตอบสนอง ด้านความคืบหน้า 8 ข้อเสนอนายกฯ รับพยายามฟังเสียงสะท้อนผู้ประกอบการ ต้องดำเนินการทุกอย่างเพื่อตอบแทนประชาชน สอดคล้องการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 ช่วยเร่งเศรษฐกิจขยายตัว ด้านภาคเอกชนเผย 8 ข้อที่เสนอนายกฯ ประเด็นบ้าน BIO มีแนวโน้มผ่านอันดับแรก หวั่นแบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อ เปรียบปวดท้อง แต่เอายาแก้ปวดหัวให้กิน และการลดขนาดที่อยู่อาศัยแนวราบ คาดประกาศใช้เร็วๆนี้ เหตุไม่ต้องเข้าครม. ทั้งทำใจ-ผิดหวัง แบงก์ชาติร่อนหนังสือแจ้งชัดเจน ไม่ต่อมาตรการLTV

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45” เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 3 สมาคมหลักของวงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ได้แก่ สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เป็นกำลังสำคัญของภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการรวมพลังขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ให้มีการขยายตัวเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัจจัย 4 ที่ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เพราะบ้านถือเป็นศูนย์รวมการอยู่อาศัยของครอบครัวสำหรับผู้คนทุกวัย ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ หากครอบครัวมีที่อยู่อาศัย ชีวิตของสมาชิกครอบครัวก็จะมั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่การจะทำให้ทุกครอบครัวมีที่อยู่อาศัย ต้องมีความร่วมมือกันจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน

สำหรับในส่วนของภาครัฐก่อนหน้านี้ก็ได้มีการหารือ และนโยบายเกี่ยวกับเรื่องการจัดผังเมือง การจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นปัจจุบันให้มากที่สุด อาทิ เช่น ประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ขณะที่ก็มี Genใหม่เข้ามามีบทบทในการขับเคลื่อนสังคม อีกทั้งความต้องการพื้นที่สีเขียวมากขึ้น เหล่านี้ถือเป็นประเด็นสำคัญลำดับต้นๆ ในตอนนี้ที่จะต้องมีการวางผังเมืองให้รองรับวิถีชีวิตสังคมผู้สูงอายุไทยในอนาคต ให้เกิดความสะดวกสบาย ตลอดจนตอบโจทย์ผู้คนได้หลายมิติ เกิดการพัฒนาสังคมอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

ส่วนการปรับผังเมือง ที่ต้องแก้ไขกฎหมายพระราชกำหนด หรือพระราชบัญญัติ ก็ต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีก็มีพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว หากท่านมอบนโยบายไหนมา ทางกระทรวงก็พร้อมที่จะตอบสนองนโยบายอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องเป็นประโยชน์ของประชาชนทั้งหมด ด้านภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็คงต้องดูความต้องการของประชาชนด้วย หากอะไรที่ดำเนินการแล้วทำให้ประชาชนเดือดร้อนก็จะเลี่ยง สำหรับ 8 ข้อเสนอ ที่ 7 องค์กรภาคอสังหาฯยื่นหนังสือเสนอต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไปเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่ผ่านมานั้น ก็ต้องพยายามฟังผู้ประกอบการอยู่แล้ว เพราะข้าราชการไม่ใช่ผู้ลงทุน ดังนั้นต้องทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนประชาชน”นายอนุทิน กล่าว

ทั้งนี้นโยบายการวางแผนเรื่องผังเมืองดังกล่าวยังถือว่าสอดคล้องกับความวัตถุประสงค์ของการจัดงาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45” คือ การเข้าถึงพร้อมตอบโจทย์ผู้คนและสังคมยุคใหม่ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกGen โดยเฉพาะผู้ที่กำลังต้องการที่อยู่อาศัยให้ตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง เพราะปัจจุบันการเลือกที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสำคัญของผู้คนยุคนี้ ไม่ว่าจะในกรุงเทพ หรือต่างจังหวัด ทั้งที่เป็นบ้าน ทาวน์เฮาส์ คอนโดฯ ที่สำคัญคือต้องสอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากกว่าความสะดวกสบาย ความคุ้มค่า รวมถึงสาธารณูปโภค และสิ่งแวดล้อมยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจของประชาชน นอกจากนี้การจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 ยังจะสามารถช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัว เช่นเดียวกับการจัดสรรผังเมืองให้ดีขึ้น ก็จะช่วยให้เอื้อต่อการลงทุนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา

“ปัจจุบันดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา สำหรับในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 4 ปี 2566 ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 โดยมีผลมาจากปัจจัยของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นับเป็นช่วงปีที่ท้ายทายสำหรับเหล่าผู้ประกอบภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ที่ร่วมกันทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนจากภาคเอกชน ผลักดันให้ประชาชนคนไทยได้เข้าถึงโอกาสของการซื้อ-ขาย ลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนเกิดการส่งผลให้เป็นแรงกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การจัดงานในวันนี้ถือเป็นพลังสำคัญในการสร้างสรรค์พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป” นายอนุทิน กล่าว

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI และนายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกของปี 2567 จะเหมือนไตรมาส 4 ของปี 2566 ที่ผ่านมา ที่ยังทรงตัว หรือแม้แต่ครึ่งปีแรก 2567 นี้ ก็จะมีภาพเหมือนครึ่งหลังของปี 2566 เช่นกัน ซึ่งกำลังรอปัจจัยกระตุ้นอสังหาฯที่จะทำให้มีการเติบโตได้ในปลายปี 2567

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีไปเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 นั้น คาดว่าบางส่วนจะสามารถถพิจารณาได้ก่อน เนื่องจากไม่ต้องนำเข้าพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพราะผู้มีอำนาจสูงสุดของแต่ละองค์กรรัฐสามารถพิจารณาออกมาให้ได้ก่อน ซึ่งจะมีข่าวดีก่อนประมาณ 50% ในเร็วๆนี้ โดยเรื่องที่ชัดเจนที่สุดคือ เรื่องการขอให้ฟื้นโครงการบ้าน BOI เพื่อกระตุ้นผู้ประกอบการลงทุนบ้าน BOI ให้กับผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง จากเกณฑ์ปัจจุบัน คอนโดมิเนียมต้องมีพื้นที่ใช้สอยขั้นต่ำ 24 ตารางเมตร บ้านแนวราบพื้นที่ใช้สอยขั้นต่ำ 80 ตารางเมตร ราคาขายไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ได้เสนอขอให้ปรับราคาเพิ่มเป็นไม่เกิน 1.5 ล้านบาททั่วประเทศ เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงในการพัฒนาโครงการ ซึ่งรัฐบาลจะมีประกาศได้ในเร็วๆนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆก็กำลังทยอยพิจารณา ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ

ส่วนข้อเสนอที่ไม่ได้อย่างแน่นอน คือเรื่องการต่อมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย  (Loan to Value : LTV) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เคยผ่อนผันในปี 2565 ที่มีเกณฑ์ LTV 100% หรือขอสินเชื่อได้ 100% สำหรับหลังที่ 2-3 ในขณะที่สินเชื่อซื้อบ้านหลังแรกมี LTV ได้ถึง 110% เพื่อให้มีวงเงินสินเชื่อสำหรับนำไปตกแต่ง-ต่อเติม-ซ่อมแซมได้ ซึ่งทางนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ส่งหนังสือปฏิเสธมายังสมาคมฯเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้รู้สึกผิดหวัง แม้ว่าจะไม่มีผลกระทบเพิ่ม แต่หากธปท.ช่วยเหลือ ก็คาดหวังว่าภาคอสังหาฯจะฟื้นตัวดีขึ้น

"เรื่องของมาตรการ LTV ซึ่งทางแบงก์ชาติฟันธงไม่ยืดหยุ่น ไม่เห็นด้วย เงื่อนไขตรงนี้ ก็มีผลทำให้สินเชื่อตลาดบ้านหลังที่ 2 และ 3 หายไปมาก เพราะไม่ได้ถูกส่งเสริม ทำให้ตลาดเป็นบวกมากนัก จากที่รัฐบาลจะใช้ภาคอสังหาฯกระตุ้นจีพีดี แต่คิดว่าในครึ่งปีแรก น่าจะมีมาตรการกระตุ้นออกมาประมาณ 2-3 ข้อ ส่วนมาตรการที่เหลือ คิดว่าน่าจะไปออกได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2567 เพราะยังมีกระบวนการต้องผ่านความเห็นชอบ ครม. อีก อาทิ  พิจารณาขยายสิทธิการเช่าระยะยาว แต่ก็มีความเชื่อมั่น การขับเคลื่อนมาตรการที่จะเกิดขึ้น ทั้งเรื่องการขยายเพดานของบ้านล้านหลัง ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท, สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับบ้านหลังแรก (Soft Loan) 3% เป็นเวลา 5 ปี จากสถาบันการเงินของรัฐ  และโอกาสในเรื่องการลดขนาดที่ดินของโครงการจัดสรรให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ขนาดครอบครัว ราคาที่ดิน ค่าก่อสร้าง ให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยการลดขนาดบ้านเดี่ยว น่าจะเป็นแรงส่งให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯเติบโตได้ประมาณ 10%  เช่นเดียวกับ ยอดขายที่น่าจะมีการขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียม ที่ผู้ประกอบการมีการเปิดตัวและพัฒนาโครงการคอนโดฯเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา" นายพีระพงศ์ กล่าว

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ในส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้น ธปท.ยังคงรอดูความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (FADE)อยู่ หากประเทศไทยรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อน เงินก็จะไหลออกนอกประเทศ ตลาดหุ้นก็จะแย่ ซึ่งเชื่อว่าธปท.ก็ยังมีความห่วงใยในเรื่องดังกล่าวอยู่เช่นกัน แต่ในส่วนของนักท่องเที่ยวนั้นจะรู้สึก Happy เพราะค่าเงินบาทอ่อน นักท่องเที่ยวก็จะเข้ามามาก ทั้งนี้คงต้องรอดูจังหวะ เพราะหาก FADE ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็ต้องค่อยๆดำเนินการ เนื่องจากจะกระทบต่อการผ่อนดาวน์ที่อยู่อาศัย แต่จะส่งผลมากต่อผู้กู้สินเชื่อรายใหม่มากกว่า

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2567 มองว่ายังไม่ฟื้นตัว ยกเว้นจ.ภูเก็ต ที่ยังมีกำลังซื้อจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวรัสเซีย ที่เป็นลูกค้าอันดับ 1 ส่วนเมียนมา ก็เป็นกำลังซื้อที่มาแรง ผลจากการเมืองในประเทศ โดยส่วนใหญ่นิยมซื้อที่อยู่อาศัยในพื้นที่กทม.และพื้นที่ชายแดนบริเวณอ.แม่สอด จ.ตาก เป็นต้น แต่ยอดขายก็ไม่ได้พุ่งมากนัก

“ในพื้นที่กทม.-ปริมณฑล แม้จะมียอดขายที่ดี แต่การโอนช้ามาก เพราะลูกค้าที่กู้สินเชื่อแล้วไม่ผ่าน มีเป็นจำนวนมาก ส่วนคอนโดฯBOI ก็จะประกาศได้เร็ว เพราะไม่ต้องนำเข้าครม. แต่มองว่าประกาศออกมาแล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อบ้านราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท แบงก์ไม่ค่อยปล่อยสินเชื่อทั้งโครงการและรายย่อย เหมือนปวดท้อง แล้วเอายาแก้ปวดหัวมาให้กิน ก็ไม่หาย ซึ่งบ้านBOI เหมาะที่จะทำในช่วงที่เศรษฐกิจและอสังหาฯอยู่ในช่วงขาขึ้น ไม่ใช่ในช่วงที่ยังไม่ฟื้นตัวเช่นนี้ ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฯก็ยาก เนื่องจากมีการจัดเก็บไปแล้ว ขณะที่เรื่องปรับขนาดที่ดินของบ้านเดี่ยว ปัจจุบันกำหนดขั้นต่ำ 50 ตารางวา เสนอลดเหลือขั้นต่ำ 35 ตารางวา, บ้านแฝด ปัจจุบันขั้นต่ำ 35 ตารางวา เสนอลดเหลือขั้นต่ำ 28 ตารางวา และทาวน์เฮาส์ ปัจจุบันขั้นต่ำ 16 ตารางวา ลดเหลือขั้นต่ำ 14 ตารางวา ซึ่งก็น่าจะประกาศใช้ได้ในเร็วๆนี้”นายพรนริศ กล่าวในที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

You can share this post!