news-details
Business

JPARK เปิดเทรดวันแรกที่ 4.86 บาท พุ่งเหนือจอง 28 % เดินหน้าขยายอาคาร-บริหารลานจอดรถ หนุนรายได้

“เจนก้องไกล” เปิดเทรดวันแรกที่ 4.86 บาท พุ่งเหนือจอง 28 % ปลื้มนักลงทุนตอบรับดี สะท้อนความมั่นใจพื้นฐานแข็งแกร่ง แผนการขยายธุรกิจชัดเจน หนุนรายได้เติบโตในอนาคต

                      นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK  เปิดเผยว่า ราคาหุ้น JPARK เปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกที่ 4.86 บาท ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 28 % จากราคาจองซื้อที่ 3.80 บาท ซึ่งเป็นการได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ด้วยการเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจบริหารจัดการพื้นที่จอดรถมามากกว่า 20 ปี สามารถนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละประเภทได้อย่างครบวงจร โดยหลังจากนี้บริษัทฯจะเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อเสริมศักยภาพ และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

                      นายสุพล ค้าพลอยดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยว่า JPARK ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน สะท้อนให้เห็นถึงความน่าสนใจของบริษัทฯ และนักลงทุนรับรู้ถึงปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่มีศักยภาพ มีโครงสร้างรายได้ที่มีความมั่นคง และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงมีแผนในการขยายธุรกิจที่ชัดเจน สร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคตจะผลักดันให้สามารถขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างโอกาสในการเติบโต ด้วยทีมงานที่มีความพร้อม และประสบการณ์ รวมถึงความเชี่ยวชาญในธุรกิจ โดยภายหลังจากการระดมทุน JPARK มีแผนที่จะลงทุนขยายโครงการอาคารจอดรถโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าจำนวน 6 ชั้น รองรับรถยนต์ได้ 532 คัน และรองรับรถจักรยานยนต์ได้ 72 คัน โดยมีพื้นที่ใช้สอย 18,242 ตารางเมตร พื้นที่พาณิชย์ 2,049 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2567 รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

                      นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายของบริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK  เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีสำหรับการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกของ JPARK และมีความยินดีที่นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และการกำหนดราคาที่มีความเหมาะสม จากลักษณะธุรกิจที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่องทั้งจากธุรกิจบริหารพื้นที่จอดรถ และรับจ้างบริหารพื้นที่จอดรถ ประกอบกับความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่น และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 22-25% อัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับ 11-12%  รวมถึงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

                      นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งจากการให้การต้อนรับ และการสนับสนุนที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอเป็นวันแรก โดย JPARK เป็นผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารพื้นที่จอดรถ โดยแบ่งเป็น 3 ธุรกิจหลักคือ 1.ธุรกิจให้บริการที่จอดรถ (Parking Service Business: PS) 2.ธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (Parking Management Service Business: PMS) และ 3.ธุรกิจให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (Consultant and Installation Parking System Business: CIPS) โดยในปัจจุบันบริษัทฯ มีช่องจอดภายใต้การดูแลกว่า 28,000 ช่องจอด โดยมีทั้งบริเวณจุดเชื่อมต่อ-จุดเปลี่ยนผ่านกับระบบรถไฟฟ้า ศูนย์การค้าแหล่ง CBD บริเวณโรงพยาบาล สถานศึกษา สนามบิน ซึ่งพื้นที่ให้บริการส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

                      “วันนี้ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญของ JPARK เรามีความยินดี และขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ร่วมกันทำงานหนักมาโดยตลอด และขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจ และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯเองก็หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนแบบนี้ตลอดไป และในฐานะผู้บริหารจะพยายามรักษาผลการดำเนินงานให้มีความโดดเด่น เดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อเสริมศักยภาพ และสร้างเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อไปในอนาคต” นายสันติพลกล่าว

                      ในขณะที่ผลประกอบการของ JPARK ในปี 2563-2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 286.17 ล้านบาท 243.61 ล้านบาท และ 455.09 ล้านบาทตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 6.51 ล้านบาท ขาดทุน  10.99 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 55.05 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในช่วงปี 2563 จนถึงกลางปี 2565 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่ำกว่าช่วงเวลาปกติ เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Lockdown จากสถานการณ์ COVID-19 จึงส่งผลให้รายได้จากธุรกิจให้บริการที่จอดรถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามในช่วงปลายปี 2565 เมื่อสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายลง ประกอบกับการที่บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ และธุรกิจให้คำปรึกษา และรับติดตั้งระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมในปี 2565 บริษัทมีรายได้ และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น

You can share this post!