พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ประกาศแผนธุรกิจปี 67 ผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยเติบโตยั่งยืนหลังทุบสถิติผลงานนิวไฮในปีที่ผ่านมา ทำรายได้รวมกว่า 941 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ถึง 66% และมีกำไรสุทธิ 242 ล้านบาท รับปัจจัยบวกจากดีมานด์เช่าโครงการคลังสินค้าและโรงงานพุ่ง อัดงบลงทุน 2,000 ล้านบาทต่อปี เดินตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี พัฒนาพื้นที่เช่ารวมสู่ 2 ล้าน ตร.ม. รุกขยาย 2 โครงการใหม่บนทำเลเด่น พร้อมเป็นด่านหน้ารองรับนักลงทุนต่างชาติตั้งฐานการผลิต ตอกย้ำจุดแข็งตัวจริงผู้นำคลังสินค้าและโรงงานพื้นที่ Free Zone เขตปลอดอากรของไทย
นางสาวรัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(PD) ในเครือ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน)หรือ MK ผู้พัฒนาและบริหาร “โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน” (Bangkok Free Trade Zone: BFTZ) เปิดเผยว่า ในปี 2567 ผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยเติบโตยั่งยืน ภายใต้แนวคิด แนวคิด “Better Prospect, Better Industrial Ecosystem”หลังทุบสถิติผลงานนิวไฮในปีที่ผ่านมา ทำรายได้รวมกว่า 941 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ถึง 66% และมีกำไรสุทธิ 242 ล้านบาท รับปัจจัยบวกจากดีมานด์เช่าโครงการคลังสินค้าและโรงงานพุ่ง อัดงบลงทุน 2,000 ล้านบาทต่อปี เดินตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี พัฒนาพื้นที่เช่ารวมสู่ 2 ล้านตารางเมตร พร้อมรุกขยาย 2 โครงการใหม่บนทำเลเด่น ได้แก่ เทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ และ วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเป็นด่านหน้ารองรับนักลงทุนต่างชาติตั้งฐานการผลิต ตอกย้ำจุดแข็งตัวจริงผู้นำคลังสินค้าและโรงงานพื้นที่ Free Zone เขตปลอดอากรของไทย
“ความยั่งยืนในการทำธุรกิจเป็นสิ่งที่ PD ให้ความสำคัญมาตลอด นับตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อน ที่บริษัทเล็งเห็นโอกาสของพื้นที่ Free Zone และได้เข้าไปวางรากฐานโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในโครงการ 'BFTZ 1 บางนา-ตราด กม.23' จนสามารถขยายเป็น 9 โครงการคุณภาพในปัจจุบัน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาถือเป็นบทพิสูจน์ว่าเราคือตัวจริงของวงการ ที่พร้อมจะสร้างการเติบโตต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้สำหรับก้าวต่อไป เราตั้งเป้ารักษาอัตราการเช่าเฉลี่ยรวมทุกโครงการ (Occupancy Rate) ให้สูงกว่า 90% มุ่งเน้นอาคารสำเร็จรูป Ready Built และรูปแบบ Ready Built-to-Suit พลิกโฉมจากอาคารเดิม กระจายความหลากหลายของอุตสาหกรรมผู้เช่า ไม่ให้มีอุตสาหกรรมใดมีสัดส่วนเกิน 20% ของโครงการทั้งหมด และเมื่อมีโอกาสและจังหวะที่ใช่ เราจะเดินหน้าขยายโครงการในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของไทยทันที” นางสาวรัชนี กล่าว
โดยภาพรวมในปี 2566 บริษัทประสบความสำเร็จทะลุเป้า มีลูกค้าใหม่เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่โครงการกว่า 220,000 ตารางเมตร ใน 3 ทำเลทองของภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ คือ บางนา-ตราด, บางปะกง และวังน้อย โครงการล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่าง "BFTZ 7 บางนา-ตราด กม.10" ได้รับความสนใจจากผู้เช่าเซ็นสัญญาเต็ม 100% และมีโอกาสจากพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development : EEC) โครงการ BFTZ 4 บางปะกง พื้นที่เช่า 200,000 ตารางเมตร ซึ่งไทม์ไลน์ก่อสร้างจะแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปี 2567
โดยไฮไลต์สำคัญในอุตสาหกรรมที่ขยายตัว อาทิ พลังงานหมุนเวียน, ชิ้นส่วนยานยนต์, อาหารและเครื่องดื่ม ยังมีทิศทางสอดคล้องกับฐานผู้เช่าหลักในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน นอกจากนี้ ตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปี 2566 ที่สูงสุดในรอบ 5 ปี บีโอไอ วิเคราะห์ว่าปี 2567 จะมีโครงการขนาดใหญ่ตัดสินใจเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยสนับสนุนทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งการใช้สิทธิประโยชน์จาก Free Trade Area ( FTA) ใหม่ๆ จากเป้าหมายการบรรลุ FTA ในส่วนของสัญชาติผู้เช่าที่มาแรงในปีที่ผ่านมาของโครงการ ได้แก่ จีน และ อินเดีย รับเทรนด์การเติบโตของ EV จึงคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะหลั่งไหลเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตในอนาคต
ศักยภาพจากพื้นที่เดิมของโครงการที่ดีมานด์หนาแน่นบริเวณ บางนา-ตราด และ วังน้อย รวมถึงแต้มต่อที่สร้างความแข็งแกร่งจากเขตปลอดอากร Free Zone รวมทุกโครงการกว่า 500,000 ตารางเมตร ดึงดูดผู้เช่าใหม่ให้สนใจเช่าพื้นที่ และสามารถรักษาฐานลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่น ดันอัตราการต่อสัญญาปีล่าสุดสูงถึง 90% แผนงานสำคัญของปี 2567 บริษัทจะเดินหน้าขยายสู่ 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการ "BFTZ 8 เทพารักษ์" พื้นที่เช่า 35,000 ตารางเมตร และ โครงการ "BFTZ 9 วังน้อย" พื้นที่เช่า 35,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยอาคารสำเร็จรูปและแบบสร้างตามความต้องการ (Built-to-Suit) วางเป้าหมายผู้เช่าใหม่ ปี 2567 อยู่ที่ 200,000 ตารางเมตร เร่งเครื่องพัฒนาพื้นที่เช่าคลังสินค้าและโรงงานรวม 2 ล้านตารางเมตร ตามแผน
ปัจจุบัน PD นั้นครองแชมป์ในส่วนของอาคารโรงงานสำเร็จรูป (Ready Built Factory) กว่า 80% ของพื้นที่ทั้งหมด ส่งผลให้มีข้อดีในเรื่องของอัตราการย้ายออกค่อนข้างต่ำ พร้อมกันนี้จะเริ่มทยอยส่งมอบอาคารให้แก่ลูกค้าในโครงการใหม่อีกด้วย
ภายใต้กลยุทธ์ More Than Just Space ที่พร้อมเป็นมากกว่าพื้นที่เช่า PD ยกระดับแนวคิดการพัฒนาบริการให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งผู้เช่า ผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ตลอดจนนักลงทุน นอกจากบริการ One Stop Service ครบวงจรที่อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า บริษัทได้ริเริ่มโครงการ Business Matching ประสานธุรกิจผู้เช่าในโครงการ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนมุมมอง ความร่วมมือ และการต่อยอดทางธุรกิจร่วมกัน ไปจนถึงการจับมือกับพันธมิตรและภาครัฐ เช่น กรมศุลกากร เพื่อให้ข้อมูลด้านสิทธิประโยชน์ในพื้นที่ Free Zone แก่ผู้ประกอบการ ในฐานะด่านหน้ารองรับนักลงทุนต่างชาติ
สำหรับปลายปีนี้ PD วางแผนที่จะขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ PROSPECT REIT ที่บริษัทเป็น Sponsor หลัก พื้นที่เช่าประมาณ 130,000 ตารางเมตร รวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ PROSPECT REIT ขยายมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นไปแตะที่ 10,000 ล้านบาท สร้างความวางใจให้แก่นักลงทุนและผู้ถือหน่วยของ PROSPECT REIT ว่าจะมีศักยภาพในการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่ดีในระยะยาว