แสนสิริฯจับอินไซต์ของผู้อยู่อาศัย พร้อมต่อยอดบริการหลังการขาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ลั่นปณิธานมุ่ง ดูแลลูกค้าไม่สิ้นสุด ล่าสุดเปิดตัวโฆษณาใหม่ ตามเทรนด์ Nostalgia Replay รำลึกโฆษณาดังในอดีตสะท้อนการเปลี่ยนผ่านของกาลเวลา ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่จะยังดูแลกันไม่เคยเปลี่ยน ไฮไลท์ End Credit ทีมงานที่ดูแลฝ่ายคุณภาพ ดูแล ใส่ใจเรื่องคุณภาพและการบริการ อย่างไม่มีวันจบ และไม่ใช่แค่เรื่องบ้าน รวมถึงการดูแลการใช้ชีวิตของครอบครัวแสนสิริจากปัจจุบันถึงอนาคต
เทรนด์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน นอกเหนือจากจะแข่งกันด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัยแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นตัวชี้วัดสำคัญและตัวสะท้อนถึงจุดแข็งของแบรนด์ได้ดีที่สุดก็คือ “บริการหลังการขาย” (After Sales Service) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รายไหนทำได้ดีที่สุดก็จะครองใจลูกค้าได้ในระยะยาว แล้วยังสร้างโอกาสของการได้กลุ่มลูกค้าใหม่จากการบอกแบบปากต่อปากอีกด้วย ซึ่งนับเป็นความท้าทายสำคัญของธุรกิจอสังหาฯ ในปัจจุบันอย่างมากเพื่อที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
นางสาวศรีอำไพ รัตนมยูร ประธานผู้บริหารสายงานการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า แสนสิริ ในฐานะผู้นำกลุ่มอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมายาวนาน นอกเหนือจากจะพัฒนาคุณภาพโครงการต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันและเป็นผู้นำมาโดยตลอด ได้แก่ การดูแลลูกบ้านผ่านบริการหลังการขาย (After Sales Service) ที่เหนือระดับ และมีความแตกต่าง ที่สำคัญคือเป็นการมอบบริการให้อย่างไม่มีสิ้นสุดภายใต้การบริการ Sansiri Service ซึ่งประกอบไปด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญรองรับการอยู่อาศัยของแสนสิริ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดูแลลูกค้า ตั้งแต่วันแรกที่มาสู่ครอบครัวแสนสิริ ที่ดูแลกันจนถึงลูกหลานจากวันนี้และอนาคต โดยปี 2567 นี้บริษัทฯได้จัดทำแคมเปญ “Sansiri Never Ending Service ดูแลคุณไม่สิ้นสุด” ผ่านบริการที่ครอบคลุมทุกมิติและทุกความต้องการ ภายใต้การยกระดับบริการหลังการขายไปอีกขั้น โดยจะมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
“เราเป็นแบรนด์อสังหาฯ รายแรกๆ ที่บุกเบิกการยกระดับบริการหลังการขายมาโดยตลอด พร้อมความมุ่งมั่นที่ไม่หยุดนิ่ง เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดของการอยู่อาศัยและสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า นับตั้งแต่วันแรกจนถึงอนาคต โดย Sansiri Service ยังเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของแผนธุรกิจปี 2567 เพื่อรักษามาตรฐานความเป็นหนึ่งของวงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย และทุกโครงการของแสนสิริ ยังมั่นใจถึงคุณภาพในการบริหารจัดการที่อยู่อาศัยด้วยทีมงานมืออาชีพ ตอบโจทย์ทุกการดูแล จากบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พร้อมส่งมอบคุณภาพการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง”นางสาวศรีอำไพ กล่าว
ทั้งนี้บริษัทฯมีความตั้งใจว่า จะขอดูแลและเอาใจใส่อย่างจริงจังกับลูกค้าทุกคน ที่สำคัญคือ การตัดสินใจซื้อบ้านไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่อาจเป็นการเริ่มต้นของจุดหมายใหม่หรือความสุขใหม่ในชีวิตของคุณ ดังนั้นทุกความต้องการที่เกี่ยวข้องกับบ้านและที่อยู่อาศัยภายใต้ความเป็นครอบครัวแสนสิริ ทีมงานแสนสิริพร้อมจะอยู่เคียงข้างและดูแลทุกความต้องการอย่างไม่มีสิ้นสุด เป็นการตอกย้ำอีกครั้งถึงความเป็นแบรนด์อสังหาฯ เบอร์ 1 พร้อมเคียงข้างลูกบ้าน และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
ในการสื่อสารทางการตลาดเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน และสะท้อนความจริงใจของแสนสิริ แบรนด์ได้ทำการเปิดตัวโฆษณาตัวใหม่ล่าสุด ในชื่อ “The Never Ending | ดูแลคุณไม่สิ้นสุด” โดยได้หยิบเอากลิ่นอายของโฆษณาดังในอดีตแต่ละยุค นำมาถ่ายทอด เป็นการนำเทรนด์ Nostalgia Replay หรือการหวนระลึกถึงอดีตที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้มาผสมผสานให้เกิดเสน่ห์ที่น่าสนใจ พร้อมกับสื่อสารการเข้าถึงการบริการให้กับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ผ่านโฆษณาที่เป็นเอกลักษณ์ และคนในแต่ละช่วงวัยสามารถจดจำได้ แม้จะแค่ได้ยินเสียงของโฆษกเท่านั้น มากไปกว่านั้นเหตุผลเบื้องหลังของการเลือกโฆษณาทั้ง 3 ชิ้นมาเป็นส่วนผสม เป็นตัวแทนของแต่ละยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ทว่า ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แสนสิริก็จะยังอยู่เคียงข้างดูแลลูกบ้านทุกคนอบอุ่นเช่นเดิม (รับชมโฆษณา The Never Ending | ดูแลคุณไม่สิ้นสุด” ได้ที่: https://youtu.be/aMEiFKnj-ww)
นอกจากนี้ อีกหนึ่งกิมมิคที่แฝงเข้ามาคือ Timeline ของตัวละครในเรื่อง โฆษณาใช้ความเป็น Storytelling ในการดำเนินเรื่อง โดยนำเสนอเรื่องราวของครอบครัวยุคใหม่ที่กำลังมีสมาชิกตัวน้อยเข้ามาในชีวิตของพวกเขา จึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรกของครอบครัว ซึ่งหลายๆ คนจะมองว่าการซื้อบ้านคือ The Happy Ending ของชีวิต แต่ในความเป็นจริงนั้น การใช้ชีวิตในแต่ละวัน มักจะมีปัญหาที่ไม่คาดคิดเข้ามาเสมอ ซึ่งปัญหาเหล่านั้นอาจจะเปลี่ยนจาก Happy Ending ให้กลายเป็น Never Ending ของการอยู่อาศัย แต่แสนสิริจะเข้ามาเป็นผู้ช่วยในการแก้ไขทุกปัญหาเรื่องบ้านให้กับคุณ เพื่อให้การอยู่อาศัยของคุณเป็นตอนจบที่มีความสุขตลอดไป ซึ่งผู้ชมจะถูกพาไปให้เห็นการเติบโตของตัวละคร และปัญหาที่มักจะเกิดขึ้น ตั้งแต่เป็นเด็กแล้วค่อยๆ เติบโตขึ้น แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีครอบครัวนี้ก็ยังคงได้รับการดูแลจากทีมแสนสิริอย่างไม่มีสิ้นสุด
นอกเหนือจากความสนุกของเนื้อเรื่องแล้ว ไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของหนังโฆษณาชิ้นนี้ คือตัวละครสำคัญที่เป็นเหมือนฮีโร่คอยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งก็คือทีมงานคุณภาพกว่าร้อยชีวิตของแสนสิริ ที่ทำงานกันอย่างเต็มกำลังโดยไม่มีวันจบเพื่อดูแลลูกบ้านทุกคนตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงอนาคต สำหรับทีมงานฮีโร่เบื้องหลังความสุข ได้แก่
-ทีมดำเนินการขาย: ฝ่ายขายที่จริงใจไม่จ้อจี้
-ทีมคุณภาพบ้าน: ทีม QC ที่เป๊ะสุดทุกตารางนิ้ว
-ทีมอำนวยการซ่อม: ทีมช่างที่เปลี่ยนเรื่องพังให้เป็นเรื่องปังได้เสมอ
-ทีมดูแลพื้นที่สีเขียว: ทีมช่างที่ไม่กลัวงานงอก เพราะพวกเขาชอบปลูกให้งอก
-ทีมควบคุมความปลอดภัย: ทีมที่เห็นคุณอยู่ในสายตาเสมอ
-ทีมซัพพอร์ตชีวิตลูกบ้าน: ทีมนิติฯ ที่เข้าชาร์จทันที เอเนอร์จี้ไม่เคยอ่อม
-ทีมจัดการความสะอาด: ทีมแม่บ้านที่เห็นเงียบๆ แต่กวาดเรียบทุกความสกปรก
ทั้งหมดนี้คือการตอกย้ำของสิ่งที่มากกว่าการขายบ้านแล้วจบ แต่คือการบริการที่ไม่มีวันสิ้นสุดของแสนสิริ ซึ่งมุ่งมั่นและยืนหนึ่งมาโดยตลอด เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกบ้านและลูกค้าในอนาคต ที่สำคัญคือแสนสิริจะไม่ได้หยุดแค่เพียงเท่านี้ แต่ตั้งใจจะสร้างสรรค์และพัฒนาการบริการใหม่อย่างไม่มีสิ้นสุดเช่นกัน เพื่อมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุด สร้างความอบอุ่น ปลอดภัย และมั่นใจในทุกช่วงเวลาแห่งความสุขของการอยู่อาศัยในครอบครัวแสนสิริ
โดยข้อมูลที่น่าสนใจจาก Terra Media and Consulting ซึ่งทำการสำรวจเมื่อปีที่ผ่านมา (ปี 2566) จากกลุ่มตัวอย่างกว่า 2,000 คน พบว่าผู้บริโภค 42% มีการวางแผนล่วงหน้า 3 ปีในการที่จะซื้อที่อยู่อาศัย โดย 54% เป็นกลุ่มครอบครัวที่มีสมาชิก 2-3 คน, 44% เป็นผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญเรื่องของสังคมชุมชนที่ดีและปลอดภัย, 37% เป็นกลุ่มที่มองหาที่อยู่ที่ติดรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดิน ในขณะที่ปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย 4 ประการ ได้แก่ 1) คุณภาพของวัสดุในการก่อสร้างที่อยู่ 2) ระบบรักษาความปลอดภัย 3) สังคมชุมชนน่าอยู่ และสุดท้ายแต่สำคัญมากที่สุดก็คือ 4) บริการหลังการขาย