“เสนาดีเวลลอปเม้นท์” รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “LivNex เช่าออมบ้าน” ฉีกทุกกฎการอยู่อาศัย ด้วยนวัตกรรมทางการเงินที่ครบวงจร เป็นเจ้าของบ้านแบบใหม่ ไม่ต้องชำระเงินดาวน์ ไม่ต้องรออนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร ก็สามารถเลือกโครงการ SENA ที่ต้องการได้ แค่ทำสัญญา เช่าออม ก็ย้ายเข้าอยู่ได้เลย และยังสามารถโอนสิทธิ์เปลี่ยนมือได้ ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.8 % คงที่ ลดต้น ลดดอก นาน 36 งวด นำร่อง 19 โครงการพร้อมเข้าอยู่ 18 ทำเล ระบุช่วงแรกเน้นคอนโดฯก่อน ปี 67 ตั้งเป้า 1,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 1,420 ล้านบาท
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า ท่ามกลางภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัว บวกกับปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง อัตราเงินเฟ้อ ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยสูงขึ้นไม่สอดคล้องกับการปรับตัวของรายได้ รวมถึงนโยบายการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่มีความเข้มงวด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่ม New Gen และกลุ่มผู้มีกำลังซื้อระดับปานกลาง -ล่าง มักจะถูกปฏิเสธสินเชื่อ ทำให้เสนาฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการเงินที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัย ผ่านนวัตกรรมทางการเงินใหม่ที่ครบวงจร “LivNex เช่าออมบ้าน”(Pay like rent, Own like savings) ฉีกทุกกฎการอยู่อาศัย ช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของบ้านแบบใหม่ได้ง่ายๆ เพียงจ่ายค่าเช่า เท่ากับมีเงินออม ไว้หักเงินต้นเมื่อพร้อมกู้สินเชื่อบ้าน ไม่ต้องชำระเงินดาวน์ ไม่ต้องรออนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร ก็สามารถเลือกโครงการ SENA ที่ต้องการได้ เพียงทำสัญญาเช่าออมก็ย้ายเข้าอยู่ได้เลย และยังสามารถโอนสิทธิ์เปลี่ยนมือได้อีกตามราคาที่ตกลงกับผู้เช่าออม หรือ ผู้ซื้อคนใหม่ นับเป็นการอำนวยความสะดวกกับลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย แต่ยังไม่พร้อมกู้ และยังสามารถผ่อนได้สูงสุด 36 เดือน ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.8 % คงที่ ลดต้น ลดดอก ตลอดสัญญา โดยในช่วงแรกจะเน้นคอนโดฯก่อน เพราะที่ผ่านมาคอนโดฯจะประสบปัญหาการกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงินไม่ผ่านมากที่สุด อีกประการคนรุ่นใหม่ก็นิยมอยู่อาศัยคอนโดฯมากกว่าโครงการแนวราบ ซึ่งเสนาฯเข้าใจและตั้งใจที่จะทำให้ทุกคนมีโอกาสเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยคุณภาพ พร้อมยังมุ่งมั่นตอบโจทย์ทั้งปัญหาและความต้องการของทุกคนได้อย่างแท้จริง
โดยรูปแบบของ LivNex จะเป็นการทำสัญญา “เช่าออมบ้าน” โดยเงินค่าเช่าที่ลูกบ้านจ่ายจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ เงินเช่าออมสะสม และเงินดอกเบี้ย ซึ่งทางเสนาคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับในตลาดที่ 1.8% เท่านั้น สัญญามีระยะเวลา 3 ปี ค่าเช่ารายเดือนทุกเดือนจะถูกหักดอกเบี้ยและสะสมไว้ให้ลูกบ้านจนครบสัญญา หรือเมื่อพร้อมกู้เงินสินเชื่อ ลูกค้าจะสามารถซื้อบ้านได้ในราคาบ้านที่หักเงินเช่าออมสะสม
“ยกตัวอย่าง คอนโดราคา 1 ล้านบาท ลูกบ้านจ่ายค่าแรกเข้า 3 เดือน 12,300 บาท จากนั้นผ่อนเช่าออมบ้านต่อ เดือนละ 4,100 บาท ซึ่งเมื่อหักดอกเบี้ยแล้วจะเหลือส่วนที่เป็นเงินเช่าออมบ้านสะสมเดือนแรก 2,618 บาท โดยจะสะสมเพิ่มขึ้นไปทุกเดือน (คิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอก) เมื่อครบสัญญา 3 ปี ลูกค้าจะมีเงินสะสมรวมค่าแรกเข้าที่ 106,322 บาท และจะสามารถทำเรื่องซื้อคอนโดฯได้ที่ราคา 893,678 บาท จากราคาเดิม 1 ล้านบาท เห็นได้ว่าราคาบ้านที่ลูกบ้านจะทำการซื้อเมื่อครบสัญญานั้นถูกลง ลูกบ้านมีระยะเวลา 3 ปี ในการบริหารจัดการเครดิตส่วนบุคคล มีเวลาในการสร้างรายได้ประจำเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มวงเงินในการกู้ขณะที่ยอดที่กู้ก็จะลดลงจากการนำเงินเช่าออมสะสมมาหักลบ ซึ่งตลอดระยะเวลาสัญญาทางเสนาจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญทางการเงินคอยให้คำปรึกษาตลอด หรือถ้าลูกบ้านมีเหตุให้ไม่สามารถเช่าออมบ้านต่อได้ระหว่างสัญญา ก็สามารถโอนสิทธิ์ซึ่งมีเงินเช่าออมสะสมอยู่นี้ต่อให้คนอื่นได้ด้วย (อยู่ในการพิจารณาของบริษัท) LivNex จึงเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เสนาฯภูมิใจในการนำเสนอ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการเข้าถึงการเป็นเจ้าของที่พักอาศัยได้อย่างแท้จริง” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวว่า เสนามั่นใจว่า “LivNex เช่าออมบ้าน” จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยสำหรับบุคคลทั่วไป และโดยเฉพาะกลุ่มที่ยังมีความพร้อมด้านการเงินไม่เพียงพอที่ต้องเช่าบ้านอยู่ กลุ่ม First Jobber, กลุ่มอาชีพอิสระที่ขาดเอกสารทางการเงินที่ครบถ้วน ที่มาพร้อมกับที่ปรึกษาด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งช่วยวางแผนปรับปรุงเครดิตระหว่างการเช่าออมบ้าน เพื่อให้ลูกค้าสามารถกู้สินเชื่อที่เหมาะสมกับตนเองในเวลาที่เหมาะสม โดยปัจจุบัน LivNex มีโครงการที่พักอาศัยของเสนาฯให้เลือกเป็นเจ้าของทั้งหมด 19 โครงการ กระจายอยู่ 18 ทำเลที่มีศักยภาพ อาทิ สุขุมวิท รามคำแหง บางนา แจ้งวัฒนะ รังสิต เป็นต้น โดยครอบคลุมทุกระดับราคาตั้งแต่ต่ำกว่าล้านจนถึงระดับราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งใจที่จะช่วยเหลือลูกค้าให้ได้มีที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง เพราะหนี้ครัวเรือนในปัจจุบันมีมากถึง 90% และไม่ลดลงอย่างง่ายดาย ต้องใช้ระยะเวลาถึง 10-20 ปี ดังนั้นรูปแบบ LivNex จึงไม่จำเป็นต้องผ่านการกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน แต่เมื่อครบเงื่อนไขการอยู่อาศัย 3 ปี แล้วสถาบันการเงินมีการประกาศอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเดิม ก็สามารถปรับลดดอกเบี้ยลงมาเท่าราคาตลาดได้ หรือหากต่อสัญญาฉบับที่ 2 ต่อเนื่องได้ แต่เงื่อนไขอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งรูปแบบดังกล่าวไม่สามารถขายสิทธิ์ได้และไม่รวมการจ่ายค่าส่วนกลาง หรือเมื่ออยู่อาศัยครบ 3 ปี แต่ลูกค้ายังกู้สินเชื่อไม่ผ่าน และไม่ต่อสัญญา สุดท้ายก็ต้องทิ้งเงินดาวน์ให้บริษัทฯยึดไป
“รูปแบบดังกล่าวถือเป็นโมเดลที่ยาก แต่เราต้องการให้ลูกค้าสามารถมีที่อยู่อาศัยได้ง่าย และเราไม่ได้ทำเพื่อแก้ปัญหาเป็นเคสๆเท่านั้น แต่ต้องการให้เป็นทางเลือกของลูกค้า ได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน ซึ่งเสนาฯได้ทดลองดำเนินการมาแล้วเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี ซึ่งมีลูกค้า 100 ครอบครัว 18 ทำเล ที่เข้าร่วมในเงื่อนไขนี้ และยังไม่เคยประสบปัญหาลูกค้ารายใดเป็นหนี้เสียและทิ้งเช่า โดยในปี 2567 นี้ ตั้งเป้าจะมีลูกค้าใช้บริการรูปแบบดังกล่าวนี้ประมาณ 1,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 1,420 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยให้กับผู้บริโภค ถือว่าเป็นหนึ่งใน Mission หลักของเสนาฯ เรามีความเข้าใจและมุ่งมั่นสร้างโอกาสให้ทุกคน ได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยคุณภาพที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างแท้จริง ในราคาที่จับต้องได้ ควบคู่ไปกับการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามแนวคิดของเสนาฯ ที่พร้อม “เคียงข้างสร้างสรรค์ชีวิตยั่งยืน” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวเพิ่มเติมว่า หากลูกค้าเลือกทำเลแรกแล้ว และในระยะเวลาต่อมา มีการเปลี่ยนที่ทำงาน และมีความต้องการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยของเสนาฯไปอยู่ในทำเลที่ใกล้เคียงกับสถานที่ทำงานใหม่นั้น ขณะนี้เงื่อนไขในรูปแบบดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม แต่รูปแบบดังกล่าวอาจจะเป็นการดำเนินการในเฟสที่ 2 ซึ่งคงต้องรอผลตอบรับจากเฟสแรกนี้ก่อน ขณะนี้จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ฃ