news-details
Business

รมช.คลัง ชงธอส.มอบของขวัญสงกรานต์ประชาชน ด้านเอ็มดีขานรับทันควัน จัดลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.105% ต่อปี ช่วยเหลือกลุ่มมีรายได้น้อย-ปานกลาง มีผล 14 เม.ย.67 เป็นต้นไป

“กฤษฎา จีนะวิจารณะ” เผยหลังมอบนโยบายรัฐบาลต่อธอส. เสนอมอบของขวัญด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยฉลองเทศกาลสงกรานต์แก่ประชาชน ด้าน LTV แม้ธปท.ไม่ผ่อนเกณฑ์และลดดอกเบี้ยตามที่คาด เชื่อไม่มีผลต่อมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ด้านเอ็มดี ธอส.เผย หลังเปิดให้ลูกค้าที่สนใจรับรหัสเข้าร่วมโครงการ ผ่าน Mobile Application : GHB ALL GEN ล่าสุด ณ วันที่ 11 เมษายน 2567 เวลา 8.00 น. มีลูกค้ารับรหัสเข้าร่วมโครงการแล้ว 3,729 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 10,000 ล้านบาท สะท้อนความต้องการที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ยังมีอีกเพียบ พร้อมขานรับนโยบาย รมช.คลัง ในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย มอบเป็นของขวัญปีใหม่ไทยให้กับลูกค้า-ประชาชน ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR 0.105% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 67 เป็นต้นไป

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังมอบนโยบายการบริหารงาน และติดตามผลการดำเนินงานโครงการตามนโยบายรัฐบาลของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยมี นายอัครุตม์ สนธยานนท์ ประธานกรรมการ พร้อมคณะกรรมการธนาคาร นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส. และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและร่วมรับฟังนโยบาย ว่า วันนี้(11 เม.ย.67)มาเพื่อขอบคุณธอส. เนื่องจากที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ทำให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย ซึ่งตกใจเหมือนกันว่ามีตัวเลขถึง 4 ล้านกว่าราย หรือปีละประมาณ 250,000 ราย ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และที่มาธอส.ในวันนี้ก็มีขอร้องอีก 1 เรื่อง คือ จะมีของขวัญวันสงกรานต์ให้ประชาชนที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งรายละเอียดต้องให้ทางธอส.เป็นผู้พิจารณาและชี้แจง เพราะถือว่าเป็นองค์กรหนึ่งที่ช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับราคาที่ไม่สูงมากนัก ในเซ็กเตอร์ที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจมากนัก ซึ่งต้องมาให้กำลังใจกัน  ส่วนมาตรการอสังหาริมทรัพย์ ที่ผ่านมาธอส.ก็ช่วยสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลใน 2 โครงการ ทั้ง Happy Home และ Happy Life ซึ่งมีเงื่อนไขที่ใกล้เคียงกัน

“ทั้ง 2 ส่วนนี้ ฝ่ายจัดการก็จะไปดูว่าดำเนินการได้มากมายเพียงใด แต่สถานะของธอส.ถือว่ามั่นคงมาก เพราะมีเงินสำรองมากถึง 200% ซึ่งค่อนข้างสูง โดยภาคส่วนผู้บริหารจะเข้าไปดูว่าสามารถช่วยในส่วนไหนได้บ้าง ซึ่งจริงๆแล้วก็อยากให้ช่วยลูกค้าทุกกลุ่ม เพราะลูกค้าของธอส.ก็เป็นกลุ่มที่ไม่ถึงขั้นเปราะบาง แต่ก็เป็นบ้านที่ราคาไม่สูงมากนัก ก็อยากให้ช่วยเหลือประชาชนกลุ่มนี้ สำหรับมาตรการอสังหาฯในส่วนที่ขยายเพดานเป็นบ้านระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท จะทำให้ยอดปล่อยสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งเข้าใจว่าทางธนาคารก็พยายามที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ด้วยความที่ธอส.เป็นเด็กดีของแบงก์ชาติ(ธนาคารแห่งประเทศไทย) ผมเลยบอกว่า ดื้อๆบ้างก็ได้นะ เพื่อช่วยชาวบ้าน”นายกฤษฎา กล่าว

ส่วนเรื่องการที่ธนาคารของภาครัฐให้การสนับสนุนสินเชื่อกับประชาชน และหากธนาคารเอกชนจะมีการเข้ามาแข่งขันกันมากขึ้นด้วย ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะผู้บริโภคจะได้ผลประโยชน์มากที่สุด

นายกฤษฎา กล่าวต่อถึงเรื่อง มาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันว่าจะไม่ผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าว ว่า เข้าใจว่า ธปท.นั้นมองในมุมของการกำกับดูแล ส่วนธนาคารของภาครัฐเองก็พยายามช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามแม้ ธปท.จะไม่มีการผ่อนเกณฑ์ LTV รวมถึงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยตามที่คาด ก็ไม่มีผลต่อการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาฯ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงในขณะนั้น โดยไม่ได้หวังพึ่งใคร ขณะเดียวกันสถาบันการเงินเฉพาะกิจของภาครัฐ และในส่วนของ ธอส.ก็มีการตรึงอัตราดอกเบี้ยมาโดยตลอด และคาดว่าจะตรึงต่อเนื่องในอนาคต

ส่วนเรื่องการพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ ซึ่งมีความสำคัญ และเกี่ยวข้องกับวิสัยทัศน์ Thailand Vision ในการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ที่มีเป้าหมายในการดึงดูดนักลงทุนและผู้มีความเชี่ยวชาญพิเศษที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตให้มาลงทุนในประเทศไทย รวมถึงการปรับกระบวนการทางกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการถือครองทรัพย์สิน ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดำเนินการพิจารณา รวมไปถึงการมอบหมายเรื่อง LTV ให้ธปท. ศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการซึ่งจะได้นำเสนอกลับมาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมีกรอบเวลา เพราะท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เป็นผู้ที่ทำงานอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว

ทั้งนี้หลังจากนั้น นายกฤษฎา ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ลูกค้ายื่นขอสินเชื่อในโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก เพียง 3.00% ต่อปี หลังเปิดให้ลูกค้ารับรหัสเข้าร่วมโครงการผ่าน Mobile Application : GHB ALL GEN เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีลูกค้ารับรหัสเข้าร่วมโครงการสูงถึง 3,729 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 10,000 ล้านบาท

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยตลอด 70 ปีที่ผ่านมาได้สนับสนุนให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.4 ล้านครอบครัว ซึ่ง ธอส. ยังคงพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง และดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ในการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) โดยในส่วนของ ธอส. ได้มีการจัดทำ “โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home” เพี่อช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ผ่านการมีที่อยู่อาศัยของคนไทยให้เพิ่มมากขึ้น และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก เท่ากับ 3.00% ต่อปี, ปีที่ 6-7 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี, ปีที่ 8-9 เท่ากับ MRR-1.50% ต่อปี, ปีที่ 10 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยเท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี ลูกค้าสวัสดิการเท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยสำหรับซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันอยู่ที่ 6.90% ต่อปี)

โดยหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 มีมติเห็นชอบจัดทำโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home โดย ธอส. ได้เปิดให้ลูกค้าที่สนใจรับรหัสเข้าร่วมโครงการ ผ่าน Mobile Application : GHB ALL GEN ล่าสุด ณ วันที่ 11 เมษายน 2567 เวลา 8.00 น. มีลูกค้ารับรหัสเข้าร่วมโครงการแล้ว 3,729 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 10,000 ล้านบาท สะท้อนว่าลูกค้ายังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อยู่เป็นจำนวนมาก

“ด้วยลูกค้าให้การตอบรับ รับรหัสเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทั้งในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำในช่วง 5 ปีแรก ทำให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถเลือกซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยได้ตามความต้องการมากขึ้น จากวงเงินในการขอสินเชื่อถึง 3 ล้านบาท มั่นใจว่าหลังจากนี้จะมีลูกค้าสนใจเข้าร่วมโครงการนี้อีกเป็นจำนวนมาก” นายกมลภพ กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ผ่านทาง Mobile Application : GHB ALL GEN และรับรหัสตัวเลข 6 หลัก ทาง GHB Buddy บน Application Line เพื่อนำมาประกอบการยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือก่อนกำหนดระยะเวลาดังกล่าว หากธนาคารให้สินเชื่อเต็มกรอบวงเงินโครงการแล้ว

นายกมลภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 นายกฤษฏา  จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายให้ ธอส. สนับสนุนนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าและประชาชน นั้น ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมดำเนินการดังกล่าว โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน และการเงิน (ALCO) ของ ธอส. ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.105% ต่อปี จากเดิม 6.90% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.795% ต่อปี ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2567 เป็นต้นไป เพื่อเป็นของขวัญเนื่องในวันปีใหม่ไทยให้กับลูกค้าและประชาชน ให้มีภาระค่าใช้จ่ายลดลง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ให้มีเงินเหลือเพียงพอในการดำรงชีพได้มากขึ้น ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR ในครั้งนี้ของ ธอส. ถือว่าต่ำที่สุดในระบบสถาบันการเงินในปัจจุบัน 

 

 

You can share this post!