news-details
Business

“ทอสเท็ม” ชูแผนธุรกิจสู่ Net-Zero 2050 พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมอะลูมิเนียมรักษ์สิ่งแวดล้อม “PremiAL R100” ครั้งแรกในงาน “สถาปนิก’67”

ทอสเท็ม เดินหน้ารุกธุรกิจประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมสำเร็จรูปในที่อยู่อาศัยแบบยั่งยืน ตอกย้ำผู้นำเทรนด์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมที่ผสานเทคโนโลยีเพื่อการอยู่ร่วมกันของคนและสิ่งแวดล้อม ล่าสุดเปิดตัวอะลูมิเนียมรักษ์สิ่งแวดล้อม “PremiAL R100” ยกระดับการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยด้วยสินค้าคุณภาพ ตอบโจทย์วิสัยทัศน์Net-Zero 2050 พร้อมขนทัพนวัตกรรมเรือธง-ผลิตภัณฑ์ใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้าทุกเซกเมนต์ จัดโชว์เคสให้ร่วมสัมผัสในงาน “สถาปนิก’67” ครั้งที่ 36 ระหว่างวันที่ 30 เม.ย. – 5 พ.ค. 67 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายวิชา วรสายัณห์ ลีดเดอร์ กลุ่มธุรกิจเฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี บริษัท แอล เอช ที เอเซีย เซลส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมแบรนด์ทอสเท็ม (TOSTEM) ภายใต้บริษัท ลิกซิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (LIXIL) เปิดเผยว่า ปี 2567 นี้ทอสเท็มมุ่งขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยแกนหลักสำคัญ คือ การนำนวัตกรรมสู่ตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “RE-CONNECTING LIVES” หรือ “การทำธุรกิจเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่าเดิม เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจ “FRAME THE FUTURE OF LIVING” พร้อมด้วยวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม 2050 (Net-Zero 2050) มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Net-Zero CO2 emission) และใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยภายในงานสถาปนิก’67 (Architect Expo 2024) ครั้งที่ 36 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2567 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 ประตู 3  อิมแพ็ค เมืองทองธานี

โดยในปีนี้ TOSTEM ได้นำเสนอนวัตกรรมล่าสุด กับนวัตกรรมอะลูมิเนียมรักษ์สิ่งแวดล้อม “PremiAL R100” ซึ่งผลิตจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ที่โรงงานทอสเท็มไทย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนครได้รับการรับรองจากฉลากสิ่งแวดล้อม EcoLeaf และ JIC Quality Assurance Ltd. โดยมีการตรวจสอบกระบวนการผลิตเพื่อให้แน่ใจว่าใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% และไม่มีอะลูมิเนียมใหม่มาเจือปน ซึ่งการใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิลจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 97% เมื่อเทียบกับการถลุงอะลูมิเนียมใหม่ และคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Scope 3 ลงถึง 30% ภายในปี 2031 โดยพร้อมจัดจำหน่ายเดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป และภายในบูธยังมีโซนที่จัดแสดงโชว์สินค้าแบรนด์ REVIA วัสดุปูพื้นทางเดิน จาก LIXIL ที่เริ่มจัดจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น 10 มกราคม 2566  ซึ่งผลิตจากขยะพลาสติกและเศษไม้ ด้วยความเชี่ยวชาญของ LIXIL ในการบดย่อยและขึ้นรูปพลาสติก ผสานกับเศษไม้เหลือทิ้งจากการรื้อถอนอาคาร  REVIA  จึงสามารถผลิตจากขยะพลาสติกประเภทต่างๆ ได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกใช้ในครัวเรือน พลาสติกเชิงพาณิชย์ แม้กระทั่งพลาสติกผสม หรือแม้แต่พลาสติกที่ลอยในทะเล โดยการนำขยะพลาสติกและเศษไม้มาใช้ประโยชน์ในการผลิต REVIA 1 ตัน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 82%



บูธแนวคิด SUSTAINABLE DESIGN ทุกชิ้นย่อยสลาย และรีไซเคิลได้ทั้งหมด

เพื่อเป็นการตอกย้ำในเรื่องการออกแบบที่ยั่งยืนและใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ในส่วนของบูธในงานสถาปนิก’67 (Architect Expo 2024) ปีนี้ TOSTEM ได้ทำการออกแบบบูธด้วยแนวคิดSUSTAINABLE DESIGN โดยวัสดุทั้งหมดประกอบด้วย  อะลูมิเนียม , กระจก , เหล็ก , ไม้อัด OSB , กระดาษลูกฟูก  ซึ่งสามารถย่อยสลายหรือเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ทั้งหมดหลังจากการจัดงาน อาทิ นำเอาเศษแท่งอะลูมิเนียมที่เหลือจากการติดทิ้งส่วนปลายจากโรงงานเอามาเรียงต่อกันเป็นผนังกึ่งทึบกึ่งโปร่งเหมือนกำแพงวัดที่มีบัวยื่นเข้าออก โดยผ่าแนวกลางผนังเพื่อเลื่อนออกจากกันเป็น 2 กำแพง เปิดพื้นที่เป็นคาเฟ่ ด้านใน และเข้าสู่พื้นที่จัดแสดงของผลิตภัณฑ์TOSTEM ที่ได้ขนทัพนวัตกรรมเรือธงและผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ 

1.GIESTA FamiLock ชุดล็อกระบบดิจิตอลใหม่ล่าสุดสำหรับประตู GIESTA นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 

2.GRANTS ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ สำหรับอาคารแนบราบออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านดีไซน์ของโครงการบ้านและโครงการเชิงพาณิชย์ระดับลักชัวรี่ ขยายความสูงของประตูบานเลื่อน สูงสุด 4.5 เมตร และหน้าต่างบานเปิด สูงสุด 3.5 เมตร

3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ ATIS กับ Streamline Design ดีไซน์ไร้รอยต่อที่มาพร้อมกับ อุปกรณ์อันสวยงาม เส้นกรอบ พื้นผิวกรอบประตูหน้าต่างและการใช้งานทำงานร่วมกันอย่างนุ่มนวล และบานหน้าต่างรูปแบบใหม่ที่สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

4.Smart Insect Screen นวัตกรรมมุ้งลวดล่องหน ที่ช่วยป้องกันแมลงและมลพิษจากภายนอกมุ้งลวดที่สามารถเพิ่มการมองเห็น 

 

โดย TOSTEM พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษและกิจกรรมทางการตลาดมาร่วมในงานสถาปนิก’67 ครั้งนี้ อาทิ ลุ้นรางวัลแพคเกจทัวร์ World Expo 2025  ณ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น  เดือนเมษายน – ตุลาคม 2568  จำนวน 3 รางวัล 6 ที่นั่ง  

นายวิชา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของทอสเท็ม ตั้งเป้าในปี 2567ยอดขายรวมของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้น 20 % จากปีที่แล้ว โดยจากการเปิดตัว PremiAL 100 คาดว่าจะขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการพัฒนาโครงการที่ยั่งยืนและเลือกวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือกลุ่มลูกค้าที่สร้างบ้านเอง แต่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมได้เพิ่มมากขึ้น และยังดำเนินการตามแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าอยู่อาศัย (Retails) มากขึ้น พร้อมขยายส่วนแบ่งการตลาดกลุ่ม Upper Mass – Luxury Segment ซึ่งนอกจากการร่วมออกบูธในงาน สถาปนิก’67 (Architect Expo 2024) ปีนี้ เพื่อเป็นการสื่อสารถึงแนวทางการขับเคลื่อนแบรนด์ที่ก้าวสู่ปีที่ 101 ด้วยนวัตกรรมสู่ตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมTOSTEM ยังผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจขยาย TOSTEM Studio ที่บริหารโดยตัวแทนจำหน่าย ขยายโชว์รูมในพื้นที่จริงให้ครอบคลุมในต่างจังหวัดโดยเน้นหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว เพื่อขยายตลาดลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัย, รีสอร์ท และบริษัทรับสร้างบ้านในพื้นที่ดังกล่าว

ขณะนี้ TOSTEM ได้ทำการเปิด TOSTEM Studio ไปแล้ว 13 แห่ง ในจังหวัดปทุมธานี,พิษณุโลก,อุดรธานี,ขอนแก่น,นครราชสีมา,กรุงเทพมหานคร,สมุทรปราการ, สงขลา, กาญจนบุรี,เชียงราย, ชลบุรี, อุบลราชธานี, และนครปฐม ซึ่งเป็นไปตามแผนการขยายโชว์รูมให้ครอบคลุมครบทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศเพื่อการเข้าถึงผู้บริโภคได้เลือกซื้อ สัมผัส ทดลอง และเห็นสินค้าจริง โดยบริษัทมีเป้าหมายในการขยาย TOSTEM Studio ให้ครบ 20 สาขาในปีนี้ 

 

 

You can share this post!