โฮมโปรเผยการลงทุน-การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เร็วขึ้น ช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ-การจับจ่ายใช้สอย แนะจับตาสภาวะสงครามหลายประเทศอาจกระทบต้นทุนสินค้า ล่าสุดผนึก“เบเยอร์” เปิดตัวสี “เบเยอร์คูล ไดมอนด์ อัลตรา ชิลด์ 17”จุดเด่นบ้านเย็นลงสูงสุด 6 องศาฯ ตอบโจทย์การประหยัดค่าไฟให้เจ้าของบ้าน และช่วยลดปริมาณคาร์บอนให้แก่โลกภายใต้แคมเปญ “Saving The World Together” ด้านเบเยอร์ คาดการ์ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างปีมังกรโตตาม GDP ระดับ 1.5-2 เท่า รูปแบบการก่อสร้างเปลี่ยนเทรนด์จากแนวราบเป็นแนวสูง เชื่อตลาดสีปี 67 โต 3-4% จากมูลค่าตลาดรวม 20,000 ล้านบาท คาดฟันยอดขายตัวเลข 2 หลัก จากส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มสีประมาณ 20%
นายธีระพงศ์ สัมพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาดสินค้าและตกแต่งบ้านว่า การลงทุน และการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอย แต่ทั้งนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ภาวะสงครามในหลายประเทศ ที่อาจมีผลให้ต้นทุน และ ส่งถึงราคาปรับขึ้นได้
สำหรับกลยุทธ์ในการขยายตลาดกลุ่มสี ล่าสุดโฮมโปร ร่วมกับ บริษัท เบเยอร์ จำกัด ในการเปิดตัวสินค้าแบบ เอ็กซ์คลูซีฟ นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ BegerCool Diamond Ultra Shield 17 ทนทานนานกว่า 17 ปี สูงที่สุดที่เคยมีมา ซึ่งปัจจุบันฐานลูกค้าโฮมโปรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเจ้าของบ้านที่มีความต้องการสีที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่มอัลตราพรีเมียมที่มีคุณภาพสูงสุด ซึ่งเบเยอร์คูล ไดมอนด์ อัลตรา ชิลด์ 17 เป็นสีทาบ้านที่ดีที่สุดจากเบเยอร์ ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันมีขายเฉพาะโฮมโปร 41 สาขา ซึ่งในอนาคตได้วางแผนการจำหน่ายไปยังสาขาอื่นๆ ของโฮมโปรที่ปัจจุบันมีอยู่ 85 สาขา
ทั้งนี้ในช่วงที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ BegerCool Diamond Ultra Shield 17 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนถึงเดือนเมษายน 2567 พบว่ามียอดขายดีมาก เนื่องจากสินค้าตอบสนองพฤติกรรมลูกค้า ที่ปัจจุบันสภาพอากาศร้อนแรงมาก ส่งผลให้มียอดขายเติบโตถึงร้อยละ 75 ขณะที่ภาพรวมยอดขายสีเบเยอร์ในโฮมโปรในปี 2566 ที่ผ่านมา ทำตัวเลขได้สูงถึง 1,000 ล้านบาท
ด้านนางสาวปิยนาฎ ยอดรัก รองประธานบริหาร บริษัท เบเยอร์ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2567ว่าจะเติบโตตามการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 1.5-2 เท่า โดยปัจจัยสำคัญมาจากการที่รัฐบาลได้มีมาตรการส่งเสริมตลาดที่อยู่อาศัย ตลาดรับสร้างบ้านมากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการซื้อและปลูกสร้างบ้าน ประกอบกับรูปแบบก่อสร้างบ้านจะเปลี่ยนจากโครงการแนวราบ ที่มียอดขายที่ดีในช่วงวิกฤติโควิด-19 จะไปสู่การเปิดโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น ทั้งนี้คาดว่าตลาดสีในปี 2567 นี้ จะเติบโตได้ประมาณ 3-4% จากมูลค่าตลาดประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมา สีเบเยอร์ มียอดขายในตัวเลข 2 หลัก มีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มสีประมาณ 20%
“ปณิธานและแนวคิด Eco-Wellness Innovation สีนวัตกรรม รักษ์โลก รักคุณ ที่ร่วมขับเคลื่อนสู่ธุรกิจสีเขียวให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนนั้น ทางสีเบเยอร์ จึงได้พัฒนา BegerCool Diamond Ultra Shield 17 ให้เป็นผลิตภัณฑ์สีทาอาคารระดับสูงสุด ที่ต่อยอดจากกลุ่มเบเยอร์คูล ที่มี Ceramic Cooling Technology ช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ และเป็นเสมือนฉนวนกันร้อนให้แก่ผนังอาคารบ้านเรือน ช่วยประหยัดค่าไฟลงกว่า 25% และด้วยการผลิตแบบ AVID เทคโนโลยีล้ำสมัยรายแรกและรายเดียวของเอเชีย ยังทำให้ช่วยลดปริมาณคาร์บอนลงได้มากกว่า 22% เมื่อเทียบกับสีที่ผลิตในระบบเดิมๆ”นางสาวปิยนาฎ กล่าว
โดย สีเบเยอร์คูล ไดมอนด์ อัลตรา ชิลด์ 17 เกรดพรีเมียม ราคาจะสูงกว่าสีทั่วไปประมาณ 15% แต่มองระยะยาวแล้ว นั้นมีความคุ้มค่า เพราะสีจะมีความคงทนนาน และช่วยประหยัดค่าไฟได้นาน และคาดว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่จะมีส่วนสนับสนุนยอดขายผ่านสาขาโฮมโปรมากขึ้น เพิ่มขึ้น 10% ของยอดขายผลิตภัณฑ์สีที่ขายผ่านโฮมโปรประมาณ 1,000 ล้านบาท
“เรามีเทคโนโลยีช่วยกันความร้อน เซรามิก คูลลิ่ง ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสีเบเยอร์คูล ช่วยสะท้อนความร้อนให้บ้านได้ดีกว่า 97.2% จึงลดอุณหภูมิภายในบ้านสูงสุดถึง 6 องศาเซลเซียส และช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 32% นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สีทาบ้านเย็นตระกูลเบเยอร์คูลเป็นที่นิยมและบอกต่อกัน จนมียอดขายอันดับหนึ่งตลอดมา โดยสินค้ามีขนาดบรรจุ 1 แกลลอน และ 2.5 แกลลอน ชนิดฟิล์มสีกึ่งเงา สามารถเลือกเฉดสีได้กว่า 1,200 เฉดสี”นางสาวปิยนาฎ กล่าว
โดยในช่วงเปิดตัวนวัตกรรมสีบ้านเย็น ได้มีการจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับกลุ่มสีน้ำทาภายนอก BegerCool Diamond 17 ปี ลดทันทีถังละ 150 บาท พร้อมรับของพรีเมียมอีกมากมาย ตั้งแต่ วันนี้ – 30 มิถุนายน 2567.