news-details
Business

PTG เปิดกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ ส่ง“โกลัค” ปั้น “ซับเวย์” ขึ้นแท่น TOP 3 ตลาด QSR ภายใน 3 ปี มากกว่า 500 สาขาทั่วประเทศใน 10 ปี ใช้งบลงทุน 2.3-2.5 พันล้านบาท

 

พีทีจี เอ็นเนอยีฯประกาศดันบริษัทย่อย “โกลัค” เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน หลังได้รับสิทธิ์ “มาสเตอร์ แฟรนไชส์ ซับเวย์” ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว ล่าสุด เตรียมเปิดร้านซับเวย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “Fresh Forward 2.0” แห่งแรกในเอเชีย พร้อมเสริฟความสดใหม่ ภายใต้แนวคิด “Eat Fresh, Feel Good” ด้วยวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม ที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี เอาใจสาย Healthy พร้อมขยายช่องทาง “ไดรฟ์ทรู” และ Digital Platform & CRM ผ่าน Max World Ecosystem ที่แข็งแกร่งของ PTG จากฐานลูกค้าสมาชิกบัตร PT Max Card ที่มีมากกว่า 21 ล้านสมาชิก เพื่อขยายฐานลูกค้ามอบความสะดวกมากยิ่งขึ้น พร้อมขึ้นแท่น TOP 3 ตลาด QSR ในไทยภายใน 3 ปี ตั้งเป้าขยายมากกว่า 500 สาขา
ทั่วประเทศใน 10 ปี

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัท โกลัค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นผ่านบริษัทย่อยของ PTG ได้รับสิทธิ์ มาสเตอร์ แฟรนไชส์ ซับเวย์ ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว โดยธุรกิจ Food and Beverage Service (F&B) เป็น 1 ใน 8 ธุรกิจหลักที่ PTG ตั้งเป้าที่จะเข้าลงทุนตามแผน Diversify Portfolio เพื่อขยายกลุ่มธุรกิจ Non-Oil ให้เติบโตมากขึ้น ซึ่งในอนาคตบริษัท โกลัค จำกัด จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ รวมถึงต่อยอดและขยายธุรกิจกลุ่ม F&B ของ PTG ที่มีอยู่เดิมให้เสริม Max World ให้แข็งแกร่งมากขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกคนให้ได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข”ในทุกด้านของช่วงชีวิต

ทั้งนี้ เชื่อว่าแบรนด์อาหารระดับโลกอย่างซับเวย์ จะเข้ามาเติมเต็มธุรกิจ F&B ของบริษัทฯ สร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับลูกค้าทั้งภายในและภายนอกสถานีบริการ รวมถึงกลุ่มสมาชิก PT Max Card กว่า 21 ล้านสมาชิกให้สามารถเข้าถึงชีวิตที่อยู่ดีมีสุขในทุกช่วงของชีวิต ซึ่งเป็นการต่อยอดประสิทธิภาพของระบบนิเวศทางธุรกิจของ PTG (Max World Ecosystem) และแบรนด์ PTG ได้เป็นอย่างดี  

 

“เรามองเห็นถึงความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้นต่อซับเวย์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาทางเลือกด้านสุขภาพ สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างลงตัวที่สุด โดยเชื่อว่า Subway จะเข้ามาเติมเต็มธุรกิจ F&B ของบริษัทฯ และสามารถสร้างการเติบโตร่วมกันในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน” นายพิทักษ์ กล่าว

ด้านนางสาวเพชรัตน์ อุทัยสาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลัค จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดร้านอาหารบริการด่วนในปี 2567 ว่า มีมูลค่าตลาดรวมที่ 47,700 ล้านบาท กว่าปี 2566  ประมาณ 4% โดยกลุ่มไก่ทอดมีส่วนแบ่งสูงสุด ในสัดส่วน 58% , กลุ่มเบอร์เกอร์และแซนด์วิช สัดส่วน 23% และกลุ่มพิซซ่า สัดส่วน 19%

อย่างไรก็ตามหลังจากที่บริษัทฯ ได้เปิดตัวเป็นผู้ดำเนินการ “มาสเตอร์ แฟรนไชส์ ซับเวย์” ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว บริษัทฯยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ เป็นทางเลือกที่ดีกว่า สำหรับคนรักสุขภาพในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (Quick Service Restaurant : QSR)  และคงไว้ซึ่งแบรนด์ที่อยู่ในใจของคนรุ่นใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างลงตัวที่สุด และมีจุดยืนในเรื่องของการเป็น Healthy Choice ให้ลูกค้าได้ทานอาหารที่อร่อย เสิร์ฟ สด ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Eat Fresh, Feel Good”ซึ่งร้านซับเวย์เป็น QSR เดียว ที่อบขนมปัง สด ใหม่ ในร้านทุกวัน โดยนำเข้าจากต่างประเทศ มีให้เลือกมากถึง 5 ชนิด รวมถึงขนมปังโฮลวีต มีเนื้อสัตว์หลากหลาย เช่น ทูน่า ไก่ เนื้อ ที่ไม่ผ่านการแปรรูป พร้อมผักสดหลากหลายชนิด มีซอสให้เลือกมากถึง 12 แบบ โดยลูกค้าสามารถเลือกทานได้ทั้งในรูปแบบ แซนวิช แรป หรือสลัด พร้อมคุกกี้ 4 รสชาติ

จากการวิจัยพบว่า การสั่งซับเวย์ค่อนข้างซับซ้อน และใช้เวลาค่อนข้างนานทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าสั่ง ซับเวย์จึงเน้นให้ลูกค้าสั่งเมนูยอดนิยม อร่อยตามสูตรของซับเวย์โดยไม่ต้องเลือก เช่น แซนวิชทูน่า, ไก่เทอริยากิ, สเต็ก แอนด์ ชีส และอื่น ๆ อย่างไรก็ตามลูกค้าที่ต้องการ DIY ยังสามารถเลือกเมนูได้ตามใจชอบเช่นเดิม นอกจากนี้ทางเราจะมุ่งเน้นในเรื่อง Value Campaign เพื่อขยายฐานลูกค้า และเพิ่มการกลับมาซื้อซ้ำ โดยมีการนำเสนอขาย combo เป็นชุด รวมทั้งโปรโมชั่นต่าง ๆ เพิ่มความหลากหลายของเมนู Snack และ Finger Food

ทั้งนี้ ภายใต้การบริหารของ “โกลัค” สาขาที่เปิดใหม่จะถูกตกแต่งด้วยแนวคิดการออกแบบ “Fresh Forward 2.0” ของซับเวย์ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ตกแต่งด้วยแนวคิดดังกล่าว รวมทั้งการนำวัฒนธรรมไทย มาผสมผสานในการออกแบบให้ลงตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้นำรูปแบบ “ไดร์ฟทรู” มาใช้ด้วยเช่นกัน โดยทางบริษัทฯ จะเปิดไดร์ฟทรูสาขาแรกในประเทศไทย ภายในสถานีบริการน้ำมันเรือธงของ PT ที่นครชัยศรี ภายในปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในปัจจุบัน และยังคงมุ่งเน้นทำเลที่สะดวกเข้าถึงง่าย และมองเห็นเด่นชัด

ทั้งนี้ซับเวย์มีแผนที่จะสร้างร้านใหม่ปีละ 50 สาขา ทั้งในปั๊มน้ำมัน PT และโรงพยาบาล ที่ตี้งเป้าเปิดสาขาที่โรงพยาบาลแห่งแรกในเดือนมิถุนายน นี้ รวมไปถึงในสนามบิน และการให้บริการแบบ Drive Thru จากปัจจุบันที่มีทั้งหมด 148 สาขา  ทั้งในกทม.-ปริมณฑล และอีก 8 จังหวัด อีกทั้งมีแผนขยายสาขาอีกมากกว่า 500 สาขาภายใน 10 ปี ใข้งบลงทุนรวมประมาณ 2,300-2,500 ล้านบาท(ร้านขนาด 50 ตารางเมตร) ทั้งในกรุงเทพ และปริมณฑล แหล่งท่องเที่ยว ที่ในปี 2567 จะไปเปิดเพิ่มคือ ภูเก็ต และพัทยา รวมไปถึงหัวเมืองหลักทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ๆที่มีมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ อาทิ ขอนแก่น เชียงใหม่ เป็นต้น โดยเน้นที่ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ออฟฟิศ สนามบิน โรงพยาบาล รวมไปถึงรูปแบบ Stand Alone เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า และสร้างการเข้าถึงร้านซับเวย์ โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ วัยรุ่น คนทำงาน และกลุ่มครอบครัว โดยตั้งเป้าติด Top 3 ตลาดฟาสต์ฟู้ดส์ (Quick Service Restaurant : QSR) ในประเทศไทย ภายในระยะเวลา 3 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 5 หรือ 6 และตั้งเป้ารายได้สาขาละประมาณ 10 ล้านบาท/ปี

“เทรนด์ตลาดฟาสต์ฟู้ด หรือ ร้านอาหารบริการด่วน ในปัจจุบันพบว่า ระบบเดลิเวอร์รี่ เริ่มชะลอตัวลง  แต่ลูกค้านิยมซื้อไปรับประทานที่บ้านกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหลังวิกฤติโควิด-19 พบว่าทุกคนชอบรับประทานอาหารที่มีคุณภาพ และร่วมรับประทานกันหลายๆคน โดยที่ไม่ได้เน้นความรู้สึกที่อร่อยมากนักแต่อย่างใด”นางสาวเพชรัตน์ กล่าว

โดยซับเวย์มีความมุ่งมั่นในการเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าผ่านการขยายสาขา เพิ่มช่องทาง Online, Mobile Application, Self-Ordering Kiosk, QR Ordering, Order and Pick Up, E Wallet และ CRM ต่าง ๆเพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยการใช้ Max World Ecosystem ที่แข็งแกร่งของ PTG ในเรื่องจำนวนสาขา และจำนวนสมาชิก ถือเป็นกำลังหลักในการทำให้บริษัทฯได้รู้จักลูกค้ามากขึ้น รวดเร็วขึ้น ผ่านระบบ CRM จากฐานลูกค้าผ่านสมาชิกบัตร PT Max Card ที่มีมากกว่า 21 ล้านสมาชิก

“เรายังคงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ เป็นทางเลือกที่ดีกว่า สำหรับคนรักสุขภาพ ในธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Eat Fresh, Feel Good” และเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของคนรุ่นใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างลงตัวที่สุด สอดคล้องกับ lifestyle ของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต โดยเราให้คำมั่นในการนำเสนออาหารที่มีคุณภาพ สด ใหม่ อร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น  เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในทุกช่วงวัย” นางสาวเพชรัตน์ กล่าวในที่สุด

 

 

You can share this post!