news-details
Business

พลิกโฉมสถานทูตเก่าออสเตรเลีย สู่“ศุภาลัย ไอคอน สาทร” มิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่ แลนด์มาร์คตึกสูงสุดแห่งใหม่ใจกลางสาทร

ภายหลังจากที่บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) หรือ SPALI ชนะประมูลที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย บริเวณถนนสาทร พื้นที่กว่า 7 ไร่ ไปเมื่อเดือนกันยายน 2560 ด้วยราคา 4,600 ล้านบาท หรือประมาณ 1.45 ล้านบาท/ตารางวา ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงมากในช่วงนั้น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า “ศุภาลัย”นั้น มีภาษีและความได้เปรียบเหนือคู่แข่งรายอื่นๆ เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ศุภาลัยได้มีการลงทุนธุรกิจอสังหาฯในประเทศออสเตรเลียมาตั้งแต่ก่อนวิกฤติปี 2540 และได้มีการขยายธุรกิจในประเทศดังกล่าวด้วยการร่วมทุนกับพันธมิตรในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ศุภาลัยฯสามารถคว้างที่ดินแปลงงามมาได้แล้ว ก็ไม่รอช้า รีบผุดโปรเจกต์มิกซ์ยูส ระดับลักชัวรี โดยทันที ภายใต้แบรนด์ “ศุภาลัย ไอคอน สาทร” มูลค่าโครงการประมาณ 20,000 ล้านบาท  ซึ่งปัจจุบันทั้งโครงการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการตกแต่งภายในเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“อภิมหาโปรเจกต์”คงกลิ่นอายออสเตรเลียไว้ในโครงการมีเพียง 1 เดียวในโลก

โดย ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า ที่ดินซึ่งเป็นสถานทูตเก่าออสเตรเลียมาเกือบ 40 ปี บริษัทฯได้สร้างสรรค์ให้เป็นอภิมหาโครงการมิกซ์ยูสระดับลักชัวรี มูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ในสัดส่วน 61% ,สำนักงานเกรด A 29%  และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 10% รวมไปถึงร้านค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน

ด้านการออกแบบภายนอกอาคาร ได้มีการออกแบบยอดอาคารโค้งที่สอดคล้องกับสุริยันจันทราและสายรุ้ง แบบไม่มีขอบเขตและไม่มีมุม การตกแต่งภูมิทัศน์ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ และเส้นสายลวดลายแบบออสเตรเลีย รายล้อมด้วยสวนแสนรื่นรมย์ Forest Garden, Green Vertical Wall, Pool Deck  อีกทั้งประติมากรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เช่น หมู่จิงโจ้กระโดดที่อยู่หน้าโครงการ เป็นรูปครึ่งวงกลม จำนวน 5 ตัว ที่ตนแม้ไม่ใช่ประติมากร แต่เป็น “Sculpture Composition Designer” ที่เป็นตัวแทนของประเทศออสเตรเลีย และต้องการสื่อถึงความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง  ความสามัคคีกลมเกลียว ที่ใช้งบถึงกว่า 4 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมี โคอาลาเรืองแสงสีขาว จำนวน 8 ตัว บนเสาสีทองแดง ที่เจาะรูเต็มไปหมด  6 ต้น ที่สามารถเรืองแสงได้ บริเวณ Drop  Off  ที่ออกแบบให้เป็น ILLUMINATING KOALAS  สื่อถึงความสมบูรณ์พูนสุข  ตลอดจนการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิม ซึ่งถือว่าเป็นความแตกต่างไม่มีโครงการไหนในโลกมี รวมไปถึงโครงการในออสเตรเลียก็ไม่มีประติมากรรมเช่นนี้  อีกทั้งยังมีประติมากรรม นกอีมู  อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของออสเตรเลีย ตั้งอยู่บริเวณสวนในโครงการ จำนวน 9 ตัว ที่ต้องการทำให้เป็นกึ่งสวนกึ่งป่า แต่มีความร่มเย็น รวมไปถึงศาลาในสวนที่มีกลิ่นอายของความเป็น “อะบอริจิน”

การออกแบบตกแต่งภายใน เน้นประโยชน์ใช้สอย และเลือกสรรวัสดุชั้นนำจากทั่วโลก อาทิ พื้นห้องโถงรับแขกที่ทำจากกระเบื้องหินอ่อนอิตาลี ห้องนอนใช้กระจกแบบ Double Glazing แข็งแรง ปลอดภัย ป้องกันเสียง และป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวอาคารได้อย่างดีเยี่ยม เครื่องปรับอากาศระบบความเย็นอัจฉริยแบบ Cassette Type ระบบ VRV ช่วยประหยัดพลังงาน การออกแบบ Smart Kitchen ฟังก์ชันการใช้งานด้วยเทคโนโลยี และวัสดุที่มีนวัตกรรมขั้นสูง สุขภัณฑ์อัตโนมัติระบบทำความสะอาดที่ทันสมัย ประตูเข้าห้องพักอาศัยด้วยระบบ Digital Door Lock และติดตั้งระบบ Home Automation รองรับการใช้งานผ่าน Smartphone ให้ความสะดวกสบายและอุ่นใจแก่ผู้พักอาศัยมากขึ้น เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ World Class อาทิ Maldives Swimming Pool & Jacuzzi ,Wisdom Library Room & Co-Living Space ,Aqua Hydrotherapy, Sauna & Steam ,Milky Way Theatre & Karaoke ,Kid’s Club ,Play Ground , Mini Climbing Simulation ,Personal Room ,Double - Space Fine Fitness ,Group Cycling, Table Tennis ,Boxing Kangaroo, Yoga, Aerobic & Pilates และพิเศษสุดด้วย Exclusive Opal Sky Lounge ชมบรรยากาศอันงดงาม ตลอดจนระบบรักษาความปลอดภัย ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าภายในโครงการฯ (EV Charger) เพื่อประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองในปัจจุบัน

 

“ปัจจุบันโครงการ ศุภาลัย ไอคอน สาทรถือว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในทำเลถนนสาทร คือสูง 56 ชั้น โค่นแชมป์อย่างโรงแรมบันยันทรีกรุงเทพฯ ไปเป็นที่เรียบร้อน จึงถือว่าโครงการนี้เป็น ‘ไอคอนของสาทร’ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”ดร.ประทีป กล่าว

 

การแข่งขันยังดุเดือด ราคาที่ดินทำเลสาทรปี67 พุ่งเกือบ 2.5 ล้านบาท/ตร.ว.

ด้าน นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า ปัจจุบันถนนสาทร ถือว่าเป็นเรียลซีบีดีของกรุงเทพฯ เดิมปี 2554-2555 ราคาที่ดินอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาท/ตารางวา(ตร.ว.) ปัจจุบันในปี 2567 ราคาที่ดินพุ่งขึ้นไปที่เกือบ 2.5 ล้านบาท/ตารางวา หรือเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละประมาณ 8% ในขณะที่ราคาประเมินที่ดินอยู่ที่เพียง 700,000-800,000 บาท/ตารางวา  ดังนั้นถือว่า สาทร,ศาลาแดงและชิดลม ยังเป็นทำเลที่มีราคาที่ดินสูงสุด

 

“สาทรถือว่าเป็นอีกทำเลที่มีศักยภาพมาก ที่ดินหายาก และมีมูลค่าสูง หากมองในด้านของคอนโดฯในทำเลสาทร พบว่ามีเพียง 8 โครงการ ที่เปิดขาย รวม 1,955 ยูนิต (ไม่รวม ศุภาลัย ไอคอน สาทร) ราคาเฉลี่ยประมาณ 290,000 บาท/ตารางเมตร ปัจจุบันขายไปแล้วประมาณ 1,640 ยูนิต และมีหน่วยเหลือขายเพียง 315 ยูนิต  (บางโครงการเหลือขายเพียง 1-2 ยูนิต และบางโครงการเหลือขาย 60-120 ยูนิต)โดยปิดการขายไปได้แล้ว 2 โครงการ และมีการก่อสร้างเสร็จแล้ว 7 โครงการ ซึ่งสังเกตว่าที่ดินที่อยู่ไกลจากแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งต่ำลง ดังนั้นสาทรถือว่าเป็นทำเลที่ดี แม้จะมีราคาขายที่สูง แต่ลูกค้ามองว่าเหมาะสม เพราะเป็นทำเลที่ไพรม์จริงๆและคุ้มค่าในการซื้อ” นายไตรเตชะ กล่าว

“ศุภาลัย ไอคอน สาทร”ยอดขายพุ่งแล้ว 30%

สำหรับโครงการ  “ศุภาลัย ไอคอน สาทร” เป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่แห่งใหม่ บนสุดยอดศักยภาพของทำเลถนนสาทร มูลค่าโครงการประมาณ 20,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 7 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของ คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ประกอบด้วยอาคารชุดพักอาศัย จำนวน 1 อาคาร สูง 56 ชั้น และมีพื้นที่สีเขียวกว่า 2 ไร่ จำนวนห้องชุดพักอาศัย 720 ยูนิต ขนาดเริ่ม 42 - 438 ตารางเมตร ประกอบด้วย ห้องพักอาศัยแบบ 1 - 4 ห้องนอน รูปแบบ Typical Room และ Duplex Room ราคา 8.9 - 134 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 230,000 บาท/ตารางเมตร  ในส่วนของ Penthouse ซึ่งมี 2 ยูนิต ได้ปิดการขายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 30% คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ลูกค้าสัดส่วน 95% เป็นคนไทย และอีก 5% เป็นชาวต่างชาติ อาทิ ยุโรป ,สหรัฐฯและจีน ที่ส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และซื้อด้วยเงินสด คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70%  โดยเริ่มทยอยโอนไปเมื่อประมาณปลายเดือนเมษายน 2567 พร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 นี้ คาดว่าจนถึงปลายปีจะมียอดขายรวม 50% และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 3 ปี นับจากปี 2567

“เดิมก่อนที่โครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จ ลูกค้าจะเลือกซื้อแต่ห้องชุดขนาดเล็ก แต่เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จและมาเห็นของจริง ก็จะซื้อห้องชุดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ขณะเดียวกันลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ ก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป คือจะนิยมเข้ามาดูของจริงมากกว่า โดยเฉพาะจีน จะชอบซื้อห้องชุดที่มีขนาดใหญ่”นายไตรเตชะ กล่าว

สำหรับ อาคารสำนักงานเกรด A และพื้นที่ร้านค้า ประกอบด้วยจำนวน 1 อาคาร ความสูง 14 ชั้น พื้นที่ประมาณ 24,063 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด “Connect Every Moment to Success” ราคาเช่าอาคารสำนักงานอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท/ตารางเมตร ปัจจุบันมีลูกค้าทำสัญญาแล้วประมาณ 20% ส่วนใหญ่เป็นบริษัทคนไทย  

ส่วนพื้นที่ร้านค้า ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 บาท/ตารางเมตร รองรับการใช้ชีวิตช่วงเวลากลางวันของการทำงาน ด้วยพื้นที่สำนักงาน ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการสำนักงานที่กว้างขวางและหรูหรา โดยมีการจัดวางผังสำนักงานให้ยืดหยุ่นเพื่อรองรับความต้องการในการประกอบธุรกิจทุกรูปแบบ  และมีพื้นที่ร้านค้าเชิงพาณิชย์ สำหรับธุรกิจร้านอาหารชั้นนำ คอฟฟี่ช็อป ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมสำหรับการนัดพบปะสังสรรค์และช้อปปิ้ง บนถนนสาทร อีกทั้งยังรองรับช่วงเวลากลางคืนของการพักผ่อนของผู้พักอาศัยคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่

 

“ปัจจุบันตลาดอาคารสำนักงานค่อนข้างแข่งขันกับดุเดือด เพราะมีซัพพลายที่ก่อสร้างแล้วเสร็จออกสู่ตลาดพร้อมกันหลายโครงการ เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ต้องปรับตัว เพราะหากลูกค้ายังไม่หมดสัญญาเดิมกับอาคารสำนักงานเดิม ก็ยังไม่สามารถย้ายมาอาคารสำนักงานแห่งใหม่ได้ สำหรับพื้นที่สำนักงานของ ศุภาลัย ไอคอน สาทร คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2567 หรือต้นปี 2568”นายไตรเตชะ กล่าวในที่สุด

 

You can share this post!