news-details
Business

CHG พุ่งชนเป้ารายได้ปีนี้ 8,000 ลบ. รุกปั้น “โรงพยาบาลจุฬารัตน์” เติบโตแกร่ง-ยั่งยืน

“CHG จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 6,600 ล้านบาท (ไม่รวมรายได้จากโควิด) โดยเฉพาะไตรมาส 3 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับการเปิดให้บริการศูนย์การแพทย์ และเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ คือ จุฬารัตน์แม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มเตียงรักษาเป็น 1,200 - 1,300 เตียง ใน 4 ปีข้างหน้า“ คำกล่าวอย่างมั่นใจของ " พญ.ชุติมา ปิ่นเจริญ” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG

เมื่อเร็วๆ นี้ ทีมข่าว FULL MAX ได้รับเกีรยติจาก “พญ.ชุติมา ปิ่นเจริญ” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ผู้นำโรงพยาบาลในโซนภาคตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดชลบุรี จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดระยอง รวมทั้งหมด 14 แห่ง เพื่อฉายภาพธุรกิจให้ท่านผู้อ่าน นักลงทุน และผู้ถือหุ้น ได้เห็นแผนการดำเนินธุรกิจของ CHG ว่าจะเติบโตไปทิศทางใด เติบโตแข็งแกร่งเพียงไร ที่สำคัญรายได้จะเข้าตามเป้าหมายหรือไม่?

มั่นใจเป้ารายได้ปีนี้โต 20%

ต่อกรณีคำถามดังกล่าว พญ.ชุติมา กล่าวอย่างหนักแน่นว่า CHG ยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 20% จากปีก่อน ที่มีรายได้ 6,600 ล้านบาท (ไม่รวมรายได้จากโควิด) เป็น 8,000 ล้านบาท แม้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะมีรายได้เพียง 3,660 ล้านบาท ยังไม่ถึงครึ่งของเป้าทั้งปี แต่ก็มั่นใจจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน

สำหรับเหตุผลที่ทำให้มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า เพราะในช่วงไตรมาส 3 ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของการใช้บริการโรงพยาบาล โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทย ทำให้มีรายได้เข้ามาจำนวนมาก ประกอบกับ CHG มีการขยายการเปิดให้บริการเพิ่มเติม ใน 2 ส่วน คือ การเปิดโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอด ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และเปิดให้บริการศูนย์การแพทย์ Chularat Medical Center อยู่ใกล้กับ รพ.จุฬารัตน์ 3 เป็นต้น

ฉายภาพการขยายบริการเพื่อรองรับคนไข้เพิ่ม

เมื่อเร็วๆ นี้ CHG ได้เปิดให้บริการโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอด ซึ่งเป็นการเปิดใช้โรงพยาบาลแห่งใหม่ มีขนาด 100 เตียง เบื้องต้นในเฟสแรกเปิดดำเนินการแล้ว 59 เตียง ซึ่งมีทั้งเป็นการรักษาโรคทั่วไป และมีศักยภาพในการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดแบบครบวงจรแห่งแรกในพื้นที่แม่สอด โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงชาวเมียนมา และชาวเมียนมาเชื้อสายจีน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าไม่ต้องเดินทางเข้ารับการรักษาในกรุงเทพฯ

อีกบริการที่ทาง CHG เปิดให้บริการ คือ ศูนย์การแพทย์ Chularat Medical Center อยู่ใกล้กับ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 ซึ่งจะดำเนินการใน 4 ด้าน

1.ศูนย์รังสีวิทยา เรื่องฉายแสง รักษามะเร็ง  Radiotherapy และ MRI & Intervention 

2.ศูนย์เวชศาสตร์นิวเคลียร์  Nuclear Medicine ซึ่งก็เป็นการรักษามะเร็ง แต่มีความซับซ้อนกว่า ซึ่งเป็นการรักษาทางเลือก มุ่งหวังคนไข้ต่างชาติ คนไข้เงินสด และกลุ่มคนไข้ประกันชีวิต

3.ศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke Center ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตสูงมาก

4.ศูนย์บำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง  HBOT Center (Hyperbaric Oxygen Therapy) คือ การักษาเกี่ยวกับโรคหลอดเลือด ด้วยการเพิ่มออกซิเจนในเลือด ให้เข้มข้นขึ้น จุดมุ่งหมายหลัก เพื่อกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลาง

อีก 4 ปีข้างหน้า เพิ่มบริการ  1,200 - 1,300 เตียง

ปัจจุบัน CHG มีจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วย 911 เตียง และอยู่ระหว่างยื่นขออนุญาตเพิ่มเตียงโรงพยาบาลรวมแพทย์ ฉะเชิงเทรา อีก 71 เตียง คาดว่าจะได้รับอนุญาตภายในปีนี้ ทำให้มีจำนวนเตียง 982 เตียง หรือสรุปตัวเลขกลมๆ ก็คือ 1,000 เตียง และคาดว่าภายใน 4 ปีข้างหน้า จะเพิ่มเป็น 1,200 - 1,300 เตียง โดยมีแผนจะเปิดโรงพยาบาลเพิ่มที่แพรกษา สมุทรปราการ ขนาด 100 เตียง และเปิดเพิ่มที่จังหวัดระยอง ขนาด 100 เตียง รวมถึงที่ Chularat Medical Center อีก 59 เตียง   

รพ.จุฬารัตน์ 3-9-11 สร้างรายได้หลัก 73%

สำหรับสัดส่วนรายได้ของ CHG หลักๆ มาจาก โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3-9-11 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักที่สร้างรายได้รวมกันราว 73.3% ของรายได้ทั้งหมด โดยโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 มีรายได้มากที่สุดเกือบ 38% ของรายได้ทั้งหมด

สำหรับสัดส่วนของลูกค้า แบ่งเป็น ผู้ป่วยทั่วไป 64%  และผู้ป่วยตามโครงการสวัสดิการด้านสุขภาพภาครัฐ 36% อาทิ ผู้ป่วยตามโครงการประกันสังคม 33% และผู้ป่วยตามโครงการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) 2%

ผลงาน CHG เติบโตแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ หากพิจารณาผลงานของ CHG ที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หากไม่รวมรายได้จากโควิด

-ปี 2564 มีรายได้ 5,433 ล้านบาท

-ปี 2565 หากไม่รวมรายได้จากโควิด จะอยู่ที่ 5,600 ล้านบาท

-ปี 2566 หากไม่รวมรายได้จากโควิด(ซึ่งเป็นปีที่ปิดประเทศ) มีรายได้ 6,600 ล้านบาท

รุกเปิด 3 ธุรกิจใหม่ เสริมรายได้ยั่งยืน

นอกจากนี้ CGH ยังมีแผนจะเปิดดำเนินการในธุรกิจใหม่ (NEW BUSINESS)

1. ตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาใหม่ เพื่อพิจารณาการลงทุนในผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสการเติบโต (Startup)ด้าน Health Technology ประกอบด้วย

- ลงทุนใน บริษัท เมด คิวรี่ จำกัด (MEDcury) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านการออกแบบระบบ จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการดูแลผู้ป่วยและการจัดการข้อมูลด้านสุขภาพ ครอบคลุมครบทั้งระบบสารสนเทศภายในโรงพยาบาล โดยการนำเอาเทคโนโลยีมาเสริมในการให้บริการลูกค้า (Hospital Information System-HIS)และโปรแกรมต่อขยายอื่นๆ ด้านสุขภาพ เพื่อลดการสิ้นเปลือง ช่วยให้บริการของลูค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น

- ลงทุนในบริษัท เอรินแคร์ จํากัด (ARINCARE) สตาร์ทอัพด้านสาธารณสุข Helathcare สัญชาติไทย ซึ่งเป็นผู้นําด้านแพลตฟอร์มบริหารจัดการเภสัชกรรมครบวงจร ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มร้านขายยาออนไลน์ ซึ่งมีเครือข่ายร้านขายยาทั่วประเทศ มากกว่า 3,000 แห่ง ซึ่งเป็นการต่อยอดการให้บริการในเรื่อง เทเลเมดิซีน รวมถึงช่วยลดต้นทุนในเรื่องการซื้อยา และสามารถขายยาผ่านอรินแคร์ เพิ่มการดูแลแบบองค์รวมและเสริมความแข็งแกร่งด้าน Logistic และ Supply chain

2. ลงทุนในบริษัท กู๊ด เอสเตท จำกัด ซึ่งทำธุรกิจ เนิร์สซิ่งโฮม (ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้นหลังการผ่าตัด)  ในชื่อ ศูนย์เซ็นจูรี่แคร์ แถวลาดกระบัง ซึ่งอยู่ใกล้จุฬารัตน์ 3 และ 9 มี 5 ตึก จำนวนเตียง 128 เตียง โดยถือหุ้นในสัดส่วน 100%

เหตุผลหลักที่ CHG ไปลงทุนในศูนย์เซ็นจูรี่แคร์ 100% เพราะอยู่ใกล้จุฬารัตน์ 3 และ 9 ซึ่งเป็นข้อดี ช่วยถ่ายคนไข้ที่อยู่ระหว่างพักฟื้นที่นี่ มาไว้ที่นี่ ซึ่งก็จะวิน-วิน ทั้งคนไข้ และทางโรงพยาบาล โดยในส่วนคนไข้ เมื่อย้ายมาอยู่ที่นี่ ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง ในขณะที่ รพ.จุฬารัตน์ 3 และ 9 สามารถรับคนไข้ได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ที่นี่ยังรับดูแลผู้สูงอายุ ที่ลูกหลานต้องไปทำธุรกิจต่างประเทศ ก็สามารถมาฝากชั่วคราว จะเป็นรายวัน รายอาทิตย์ หรือรายเดือนก็ได้

3.มีแผนจะเปิด Wellness Center ตรงข้าม รพ.จุฬารัตน์ 9 ซึ่งเป็นโครงการในอนาคต คาดว่าจะเปิดได้ดำเนินการในช่วงต้นปี 2568

30 ปี การันตีผลงานไม่เป็นสองรองใคร

พญ.ชุติมา กล่าวว่า แม้แนวโน้มธุรกิจเฮลแคร์ จะมีการแข่งขันกันสูง แต่ CGH ก็ยังจะมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเราอยู่ในจุดที่เราแข็งแกร่ง อยู่ในธุรกิจนี้มากว่า 30 ปี อีกอย่างคือ แต่ละสาขาของรพ.จุฬารัตน์ อยู่ไม่ไกลกันมาก คือ กระจายตัวในพื้นที่ตะวันออกของกทม. และภาคตะวันออก ทำให้มีขุมกำลังที่ใหญ่ และเราสามารถแข่งขันได้ การอยู่เป็นคลัสเตอร์ ทุกความเชี่ยวชาญที่เรามี ทำให้ไม่ต้องไปพึ่งพาอาศัยใคร และมีทีมแพทย์ ที่เชี่ยวชาญ ที่สำคัญธุรกิจนี้ เรื่องต้นทุน และราคาค่ารักษาเป็นสำคัญ ซึ่งก็เป็นจุดแข็งของเรา

 

 

 

You can share this post!