“สุริยะ” ด่วนเร่งหาแนวทางลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางให้ประชาชน กรณีผู้รับสัมปทานดอนเมืองโทล์ลเวย์ เตรียมปรับขึ้นค่าผ่านทาง ในวันที่ 22 ธ.ค. นี้
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทางยกระดับอุตราภิมุข หรือทางด่วนโทล์ลเวย์ ประกาศปรับอัตราค่าผ่านทางทางด่วนโทล์ลเวย์ ตามบันทึกข้อตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานทางหลวง ฉบับที่ 3/2550 ลงวันที่ 12 กันยายน 2550 ซึ่งเป็นการปรับในรอบระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม 2567 เวลา 00.01 น. - 21 ธันวาคม 2572 โดยกำหนดอัตราค่าผ่านทาง ช่วงดินแดง - ดอนเมือง จากปัจจุบัน 80 บาท ขึ้นเป็น 90 บาท และช่วงดอนเมือง - อนุสรณ์สถาน จาก 35 บาท ขึ้นเป็น 40 บาท นั้น
ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าว กระทรวงคมนาคม ได้ห่วงใยต่อผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน ดังนั้น จึงได้สั่งการให้กรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะเจ้าของสัมปทาน และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในฐานะหน่วยงานด้านนโยบายของกระทรวงคมนาคม ไปเร่งพิจารณาแนวทางและความเป็นไปได้ ในการชะลอการขึ้นอัตราค่าผ่านทางดังกล่าว รวมถึงอาจพิจารณาให้ลดค่าผ่านทางอีกด้วย เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และลดค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งการใช้ทางด่วนโทลเวย์จากดินแดงไปถึงอนุสรณ์สถาน ปัจจุบันต้องเสียค่าผ่านทางในอัตราที่สูงถึง 115 บาท หากปรับขึ้นค่าผ่านทางตามสัญญาในช่วงปลายปีนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 130 บาท และก่อนสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน จะมีการปรับขึ้นอีกครั้งเป็น 145 บาท ทั้งนี้ หากได้ข้อสรุปหรือมีความคืบหน้าอย่างไรจะรายงานให้ทราบในทันทีต่อไป
“ผมยืนยันว่า ในยุคที่ผมเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบาย ให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ มุ่งเน้นความสำคัญและประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ เป็นหลัก โดยเฉพาะการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน และเพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยอยู่ดีกินดี มีความสุขตลอดไป”
สำหรับสัญญาสัมปทานดอนเมืองโทล์ลเวย์ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ได้รับสัมปทานจาก ทล. ในปี 2532 โดยเอกชนเป็นผู้ดำเนินการจัดหาแหล่งเงินทุนและกู้เงินมาลงทุนทั้งหมด เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณภาครัฐที่มีอยู่อย่างจำกัด ณ ขณะนั้น โดยเอกชนได้รับสิทธิเก็บค่าผ่านทางตามสัญญา ทั้งนี้ ต่อมาได้มีการแก้ไขสัญญาทั้งหมด 3 ครั้ง ซึ่งเป็นที่มาของค่าผ่านทางที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จากการแก้ไขสัญญา ครั้งสุดท้ายจะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทางอีก 2 ครั้ง คือ ในเดือนธันวาคม 2567 และธันวาคม 2572 ก่อนที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2577