news-details
Business

“กลุ่มเจ้าสัวเจริญ” พลิกตำนาน “พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ” สู่ “ฟีนิกซ์” หลังอัดงบรีโนเวทไปกว่า 1,200 ล้านบาท หวังดันเป็นศูนย์กลาง-จุดหมายปลายทาง ด้านอาหารชั้นนำครบวงจรระดับโลก

หลังจากที่กลุ่ม “สิริวัฒนภักดี”ของเจ้าสัวเจริญ ได้เทกโอเวอร์ “พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ” มาตั้งแต่ปี 2530 และต่อมาได้รีแบรนด์ชื่อใหม่เป็น “AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION” (เออีซี เทรด เซ็นเตอร์ - พันธุ์ทิพย์ โฮลเซล เดสติเนชัน) หวังปรับเปลี่ยนให้เป็นศูนย์กลางค้าส่งของอาเซียน  แต่พอเกิดวิกฤติโควิด-19 ก็มีการปรับปรุงโครงการดังกล่าวและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น AEC FOOD WHOLESALE PRATUNAM” (เออีซี ฟู๊ด โฮเซล ประตูน้ำ) หรือ AFP” พัฒนาให้เป็นศูนย์กลางค้าส่งอาหารระดับโลก ตอบรับกระแสความสนใจของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจค้าส่งอาหารทั่วโลกที่มีการเติบโตสูง และสุดท้ายได้มาเคาะชื่อใหม่เป็น “Phenix” (ฟีนิกซ์) หวังให้เป็นศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลกที่เป็นแหล่งรวมอาหารและสุดยอดความอร่อยใจกลางเมืองบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านประตูน้ำ (World’s Food Wholesale Hub with Largest Food Lounge in Pratunam) ภายใต้แนวคิด “Flavor Gets Its Wing Worldwide” หรือ “อร่อยฟินบินได้” โดยได้ถือฤกษ์ ทำพิธีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานในการเปิดตัวโครงการ “Phenix” (ฟีนิกซ์) (พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ เดิม) ศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลกที่เป็นแหล่งรวมอาหารและสุดยอดความอร่อยใจกลางเมืองบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านประตูน้ำ (World’s Food Wholesale Hub with Largest Food Lounge in Pratunam) เปิดเผยว่า ในนามของรัฐบาล ขอแสดงความยินดีกับบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC ที่ได้เปิดตัวโครงการ Phenix ศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลกที่รวบรวมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงผู้บริโภคจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ด้วยกัน โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนประเทศไทยการเป็น “ศูนย์กลางอาหารของภูมิภาค” ตามนโยบาย IGNITE TOURISM THAILANDองรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เกิดแลกการเปลี่ยนความรู้ การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านอาหาร ตลอดจนการเพิ่มโอกาสทางการค้าของไทย ทั้งในตลาดต่างประเทศและในประเทศ

 

“นับเป็นโอกาสดีที่ AWC ได้ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอาหาร สู่การเป็น World Food Wholesale Hub ที่ประกอบไปด้วยความร่วมมือจาก International Pavilions ตลอดจนฟูดเลาจน์ รวมถึงผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ที่ต้องการแพลตฟอร์มใหม่ๆ ในการเชื่อมโยงกับผู้บริโภค รวมถึงรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมด้านอาหารในอนาคต ผมหวังว่าโครงการ ‘Phenix’ จะช่วยผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็น Tourism Hub ที่สำคัญของโลก สร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวนานาชาติ เป็นอีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหาร ผ่านห้ากลยุทธ์การส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว หรือ 5 Must Do It in Thailand ซึ่งรวมไปถึง Must Eat: อิ่มอร่อยกับอาหารถิ่น ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมอาหารของไทย ให้เป็นจุดหมายด้านอาหารและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของโลกต่อไป การเปิดตัวโครงการ ’Phenix‘ จะเป็นก้าวสำคัญของ AWC ที่จะทำให้ครัวไทยก้าวสู่ครัวโลก (Thai Kitchen to the World) ได้อย่างแท้จริง” นายเศรษฐา กล่าว

 

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า  AWC เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศและมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความแข็งแกร่งด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอาหารของไทยตามนโยบายภาครัฐ ด้วยการสร้างศูนย์กลางด้านอาหารระดับโลกรวมอยู่ที่ประเทศไทยใจกลางเมือง ผ่านกลยุทธ์โมเดลรูปแบบใหม่ครั้งแรกของโลกตอบโจทย์การค้าส่งและค้าปลีกเชื่อมผู้ประกอบการ ผู้ซื้อ และผู้ขายด้านอาหารจากทั่วโลก (B2B & B2C) เข้าด้วยกันผ่านแพลตฟอร์มออฟไลน์และออนไลน์ (OMNI Channels) ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านประตูน้ำกว่า 69,000 ตารางเมตร เพื่อให้ผู้ผลิต และผู้ประกอบการธุรกิจอาหารทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ได้มาพบกับผู้ขายโดยตรง ชูจุดแข็ง “ครบครัน คุ้มค่า ราคาส่ง” รวมถึงความร่วมมือกับนานาชาติในการนำ International Pavilions มาร่วมจัดแสดงสินค้าอาหารชั้นนำ รวมถึงกลุ่มธนาคารชั้นนำเพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการ เพิ่มโอกาสพร้อมติดปีกให้กับธุรกิจอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมจัดกิจกรรมที่จะตอบโจทย์ผู้ประกอบการด้านอาหารตลอดปี ต่อเนื่องถึง World Junior Chef Championship และ Phenix Academy ที่จะสร้างบุคลากรชั้นนำระดับโลกให้อุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงพื้นที่ ฟูดเลาจน์ ตอบโจทย์การเจรจาธุรกิจการค้า ต่อเนื่องถึงการท่องเที่ยวและสุดยอดความอร่อยจากร้านอาหารระดับตำนานและมิชลินสตรีทฟูด เชื่อมต่อ Ecosystem เพื่อขยายประสบการณ์เหนือชั้น ผ่านโมเดลการค้าแบบบูรณาการ สู่การเป็น “Foods Destination For All” สำหรับทุกคน โดยเปิดให้บริการทุกวันโซนพื้นที่ค้าส่งตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. และ โซนฟู้ดเลาจน์ตั้งแต่เวลา 10.00 - 00.00 น.

Phenix” รองรับทุกความต้องการของผู้ประกอบการด้านอาหารกับ World’s Food Wholesale Hub ผ่าน Phenix Business Platform เชื่อมต่อผู้ประกอบการด้านอาหารแบบบูรณาการ ให้สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่ครบครันตั้งแต่วัตถุดิบท้องถิ่นตลอดจนวัตถุดิบหายากจากแบรนด์คุณภาพระดับโลกที่ประกอบไปด้วย แบรนด์สินค้าอาหารชั้นนำกว่า 1,000 แบรนด์ เชื่อมต่อผู้ซื้อและผู้ขายตลอด 365 วัน แบบออฟไลน์ได้ผ่านโครงการ “Phenix” รวมถึงขยายขีดความสามารถให้กับธุรกิจบนแพลตฟอร์มออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเว็บไซต์ www.phenixbox.com ด้วยระบบการจัดซื้อที่ครอบคลุมทั้งผู้ประกอบการรายย่อย ไปจนถึงการจัดซื้อเป็นจำนวนมากสำหรับองค์กรขนาดใหญ่

โครงการ “Phenix” ยังได้จัดสรรพื้นที่มากกว่า 20,000 ตารางเมตร ให้เป็นโซนรีเทลไลฟ์สไตล์ด้านอาหารในรูปแบบ Food Lounge F&B Destination ที่ประกอบไปด้วยฟูดเลาจน์ใหญ่ที่สุดในย่านประตูน้ำที่มีอาหารให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ สตรีทฟู้ดระดับตำนาน ร้านอาหารระดับมิชลินสตรีทฟู้ด ร้านดังทั่วไทย และร้านยอดนิยมจาก “อร่อยเลิศกับคุณหรีด” แนะนำโดย Cricket Taste ของคุณหรีด รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์ รวมกว่า 200 ร้าน อาทิ ร้านผัดไทยไฟทะลุ April's Bakery ฮั่วเซ่งฮง  Gopeg  อิ๋วหมี่กระเฉดตลาดพลู อาหลิวราดหน้า หยกสด เส้นสายปลายจวัก ขาหมูกระทู้ภูเก็ต ครัวปลาเถื่อน และร้านดังอีกมากมาย ในบรรยากาศสบายๆ ของพื้นที่ Co-Living ขนาดใหญ่ ไปจนถึงเชฟ เทเบิ้ล และร้านระดับไฟน์ ไดนิ่ง อาทิ ร้าน Bar Italia by Giegie ร้าน Take a break by Khao Group ร้าน Chef Man ร้าน HEAP Cafe & Restaurant ร้าน Loong Mala Hotpot และร้านเนื้อแท้

โครงการ “Phenix” ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก อาทิ Koelnmesse จากเยอรมันนีผู้จัดงานอาหารระดับโลก Anuga และ Thaifex และ Yiwu CCC Group ผู้พัฒนาและบริหารตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากเมืองอี้อู ประเทศจีน เพื่อสร้าง Ecosystem ให้กับอุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงผู้ผลิตด้านอาหารชั้นนำ อาทิ กลุ่มมิตรผล, CPF Global Food Solution, Thai Union, Betagro, ThaiBev, BJC ผู้ผลิตสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค, KCG Corporation ผู้ผลิตบิสกิต แครกเกอร์ เวเฟอร์ และเยลลี่, อาน เทรดดิ้ง แอนด์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต ผู้นำเข้าและส่งออกสินค้าอาหารระดับพรีเมียมจากฮอกไกโด, PRG Corporation ผู้ผลิตข้าวสารบรรจุถุงรายแรกของไทย, และ Siam Winery ผู้ผลิตไวน์อันดับหนึ่งของเอเชีย ที่มาดูแลพื้นที่ Share Shop ภายในโครงการอย่างครบถ้วนและครอบคลุม

 

รวมไปถึงกิจกรรมด้านอาหารและความบันเทิงที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาสร้างสีสันตลอดปี พร้อมพื้นที่ Taste Kitchen พื้นที่ครัวสาธิต และ Phenix Grand Ballroom ที่สามารถรองรับการจัดงานด้านอาหารและงานเฟสติวัลขนาดใหญ่ อาทิ กิจกรรม World Junior Chef Championship การแข่งขันทำอาหารระดับนานาชาติ สร้างบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพสู่เส้นทางอาชีพสายอาหาร กิจกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) และการแสดงคอนเสิร์ตระดับโลกรูปแบบใหม่มาพร้อมประสบการณ์ ฟูดเลาจน์ ในงาน Lisa Ono The Greatest Hits Concert ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 นี้ พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านอาหารของลูกค้า ผู้ที่ชื่นชอบด้านอาหารการกิน นักชิม Food Influencer ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาเยือนโครงการ “Phenix” เพื่อสัมผัสกับการผสานหลากหลายสไตล์ความอร่อยที่สามารถเลือกได้ครบทุกความต้องการในที่เดียว รวมถึงโซน Food Museum พิพิธภัณฑ์อาหารเล่าเรื่องราวตำนานอาหารไทยให้โด่งดังไปทั่วโลก ที่เตรียมจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมภายในปี 2567 นี้

“AWC มุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมอาหารและการค้าส่งของประเทศไทย รวมถึงสนับสนุนการท่องเที่ยวสานต่อจุดเด่นของประเทศในด้าน Gastronomy Tourism ด้วยเดสทิเนชั่นใหม่ที่พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวและฟูดเลิฟเวอร์ทั่วโลกให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยตลอดปี ติดปีกรับการเติบโตสู่ระดับโลกไปด้วยกัน สอดคล้องกับแนวคิด ‘อร่อยฟินบินได้’ (Flavor Gets Its Wing Worldwide) ของโครงการฯ และขอบคุณพันธมิตรสำคัญทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ที่ร่วมสร้างปรากฎการณ์ของโมเดลธุรกิจใหม่ครั้งแรกของโลก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่มุ่งขับเคลื่อน ครัวไทยสู่ครัวโลก” นางวัลลภา กล่าว

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสเปิด “Phenix” ทางโครงการได้จัดกิจกรรมพิเศษขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตลอด 5 วัน ระหว่างวันที่ 26 - 30 มิถุนายน 2567 ด้วยกิจกรรมผัดไทยมากที่สุดในโลก 242 กระทะ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสสมโภชกรุงเทพฯ 242 ปี และกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับกรุงเทพฯ นำโดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  พร้อม นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ,นางสาวแอน ทองประสม  นางสาวไบรท์ พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ นายโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร เหล่าเชฟชื่อดัง และพันธมิตรที่มาร่วมกิจกรรมผัดไทยในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 และกิจกรรมอื่นๆ อาทิ เวิร์กชอปทำเมนูพาสต้า ขนมไทยโบราณ คิมบับคุณหนู และแพนเค้กสารพัดหน้า กิจกรรมการแข่งขันกินจุ กิจกรรมสาธิตการทำอาหาร กิจกรรมการแข่งขันทำอาหารจากวัตถุดิบภายในโครงการ “Phenix” และกิจกรรม Meet & Greet สำหรับ Top Spender กับ น้องแดน ช่อง Cullen Hateberry และคุณ Jamie James รวมถึงกิจกรรม Mini Concert จากเหล่าศิลปินชื่อดังทั้ง Sarah Salola, URBOYTJ และวง Season Five 

 

นางวัลลภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 ปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯใช้งบประมาณในการรีโนเวทโครงการนี้ไปประมาณ 1,200 ล้านบาท และจะใช้งบในการทำตลาดอีกประมาณ 200 ล้านบาท  โดยปัจจุบันมีร้านค้าเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ในโครงการแล้วประมาณ 80% และคาดว่าในปีนี้จะมีร้านค้าเซ็นสัญญาเช่าเต็มพื้นที่ 100% อย่างแน่นอน โดยราคาเช่าอยู่ที่ประมาณ 3,600 บาท/ตารางเมตร/เดือน ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการประมาณ 10,000 คน/วัน และอนาคตคาดการณ์ว่าจะขึ้นไปแตะที่ 20,000 คน/วัน

 

“ทำเลประตูน้ำถือว่าเป็นไฮไลท์สำหรับคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่แล้ว เพราะโดยรอบรายล้อมไปด้วยคอนโดมิเนียม โรงแรม และที่พักประเภทต่างๆมากมาย อีกทั้งมีกำลังซื้อในส่วนของ B2C เป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาทำเลนี้ยังไม่มีไลฟ์สไตล์ด้านอาหารที่ตอบโจทย์ และคาดว่าโครงการฟีนิกซ์ จะตอบโจทย์ทั้งชาวไทยและต่างชาติอย่างแน่นอน”นางวัลลภา กล่าว

 

นอกจากนี้ ภายในโครงการ “Phenix” ยังได้อัญเชิญองค์ “พระพิฆเนศวร” ปางเหรัมภะคณปติ หรือ ปาง 5 เศียร 10 กร ประทับนั่งบนพญาราชสีห์ ซึ่งถือเป็นปางแห่งราชาของปางพระพิฆเนศวรทั้งปวงที่มีบารมีสูงสุด และเป็นมหาเทพแห่งความสำเร็จ ความสมหวัง ความรักและความสุข มาประดิษฐานอยู่ ณ บริเวณดาดฟ้าชั้น 6 ของโครงการฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่เคารพบูชาสามารถเข้ามาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตได้อีกด้วย

โดยโครงการฟีนิกซ์ มีทั้งหมด 6 ชั้น แบ่งเป็น

-ชั้น B – ลานจอดรถใต้ดิน

-ชั้น G – พื้นที่ร้านอาหาร พื้นที่ Food Lounge ห้อง Phenix Auditorium Hall ลานกิจกรรม ร้าน YIWU Selection พื้นที่ Share Shop และพื้นที่สินค้าประเภท Frozen and Chilled

-ชั้น M (Mezzanine) – พื้นที่จัดแสดงสินค้าจากสถาบันอาหาร (NFI) พื้นที่สินค้าประเภท Frozen, Chilled และ Innovative

-ชั้น 2 – พื้นที่ Pavilion แสดงสินค้านานาชาติ และธนาคาร

-ชั้น 3 – พื้นที่สินค้า IT solution for HORECA และพื้นที่ Share Shop

-ชั้น 4–พื้นที่ Food Lounge พื้นที่ครัวสาธิต Taste Kitchen พื้นที่ Share Shop และพื้นที่สินค้าประเภท Beverage และ Confectionary

-ชั้น 5 – ห้อง Phenix Grand Ballroom

-ชั้น 6 – ศาลพระพิฆเนศวร

 

นางวัลลภา กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีการเข้าไปซื้อกิจการโรงแรมในประเทศไทยว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาอยู่ประมาณ 5 ราย เป็นโรงแรมทั้งในกรุงเทพฯ,สมุยและภูเก็ต แต่คาดว่าในปี 2567 นี้จะสามารถเลือกได้ประมาณ 3 ราย เพื่อนำมารีแบรนด์ใหม่และขยายพอร์ตในประเทศไทยให้ใหญ่มากขึ้น ส่วนกรณีที่เงินเยนอ่อนค่าลง แต่ AWC ก็ยังไม่มีนโยบายที่จะซื้อสินทรัพย์ในญี่ปุ่นมาถือครองแต่อย่างใด ขอเน้นการขยายพอร์ตในประเทศไทยมากกว่า

 

 

You can share this post!