นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณา แนวทางการสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการเดินรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งมี นายพิชญะ จันทรานุวัฒน์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการ โดยมีผู้แทนจากกรมการขนส่งทางราง สภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมเป็นอนุกรรมการ โดยสืบเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา รถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (MRT สายสีเหลือง) และรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (MRT สายสีชมพู)
ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลสองสายแรกของประเทศไทย ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการและสาธารณชน ดังนั้น คณะกรรมการ รฟม. จึงได้มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ชุดดังกล่าวขึ้น เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและวิเคราะห์หาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งระบบ รวมถึงพิจารณาเสนอแนะแนวทางในการกำหนดมาตรการป้องกันและแนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการเดินรถไฟฟ้า
ในการประชุมครั้งแรกในวันนี้ คณะอนุกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขและป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ ในระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลทั้งสองสาย รวม 5 เหตุการณ์ มีความเห็นเกี่ยวกับกรณีรางจ่ายกระแสไฟฟ้า (Conductor Rail) หลุดร่วงเนื่องจากถูกแรงกระแทก ซึ่งเกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง จากสาเหตุที่แท้จริง (Root Cause) ที่แตกต่างกัน แต่บ่งชี้ถึงข้อบกพร่องในขั้นตอนการออกแบบและการติดตั้งของบางชิ้นส่วนที่ไม่มั่นคงแข็งแรงเพียงพอ และไม่มีระบบป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
นอกจากนี้ ในกรณีที่มีชุดล้อประคองหลุดร่วง หรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ใด ๆ หลุดร่วงลงมา ยังบ่งชี้ถึงความจำเป็นของระบบสำรอง Secondary Retainer ที่เมื่อมีวัสดุอุปกรณ์หลุดร่วงแล้วจะสามารถช่วยลดทอนความเสียหายไว้ได้ นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการฯ ยังเน้นย้ำให้ รฟม. ติดตามตรวจสอบผลการซ่อมบำรุงของผู้รับสัมปทานทุกระยะ และนำผลมาวิเคราะห์เพื่อให้สามารถเฝ้าระวังความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ได้ทันท่วงที
นายวิทยา ยังได้กล่าวเสริมเกี่ยวกับเหตุการณ์ประตูบางส่วนของขบวนรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพูเปิดในขณะจอดนิ่งอยู่ที่สถานีลาดปลาเค้า (PK18) และมีตู้โดยสารบางตู้อยู่นอกชานชาลา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ซึ่งจากการประชุมหารือร่วมกับ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทาน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ได้รับทราบสาเหตุโดยละเอียดของเหตุการณ์ว่า
ขณะที่ผู้ควบคุมเส้นทางการเดินรถในเส้นทางหลักจากห้องศูนย์ควบคุม (CCR) อนุมัติให้เจ้าหน้าที่ประจำขบวนทำการขับเคลื่อนขบวนรถไฟฟ้ากลับเข้าชานชาลาด้วยระบบบังคับด้วยมือ Manual ก่อนทำการเปิดประตูเพื่อนำกระเป๋าเป้ที่ติดอยู่ตรงประตูบานสุดท้ายของตู้สุดท้ายออกนั้น เกิดข้อผิดพลาดด้านการสื่อสารในขั้นตอนการปฏิบัติ ทำให้ประตูทุกบานของขบวนรถเปิดออก
ต่อจากนี้ไป ผู้รับสัมปทานจะเพิ่มขั้นตอนอนุมัติการเปิด-ปิดประตูในกระบวนการ กล่าวคือ ในสถานการณ์ที่มีเหตุจำเป็น CCR สามารถอนุมัติให้เจ้าหน้าที่ประจำขบวนเป็นผู้ขับเคลื่อนขบวนรถไฟฟ้าแบบ Manual ได้ แต่การเปิด-ปิดประตูจะต้องให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีตรวจสอบก่อนกว่าขบวนรถไฟฟ้าจอดอยู่ในชานชาลาครบทั้งขบวนแล้ว จึงจะแจ้งให้ CCR อนุมัติการเปิดประตูได้ นอกจากนี้ ผู้รับสัมปทานจะนำกรณีดังกล่าวไปใช้ในการฝึกซ้อมเจ้าหน้าที่แบบจำลองสถานการณ์ด้วย เพื่อยกระดับมาตรการความปลอดภัยในการให้บริการเดินรถ สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าและประชาชนผู้สัญจรผ่านแนวสายทาง
ทั้งนี้ รฟม. ขอเรียนว่า นโยบายของกระทรวงคมนาคม กำหนดให้การให้บริการเดินรถไฟฟ้าจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารและสาธารณะ ไม่สามารถประนีประนอมได้ โดย รฟม. ได้สั่งการผู้รับสัมปทานหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุด สามารถรับรองความปลอดภัยและมาตรฐานการให้บริการเดินรถได้อย่างดีที่สุดต่อไป และจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนเร่งปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อส่งมอบทางเลือกในการเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้ามหานครที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมืองได้อย่างยั่งยืน
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รฟม. เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ รฟม. www.mrta.co.th และ เฟซบุ๊กแฟนเพจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ Call Center รฟม. โทรศัพท์ 0 2716 4044 “รฟม. ร่วมยกระดับเมืองด้วยโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและนวัตกรรม เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน”