news-details
Business

ERGO ประกาศก้าวสู่ปีที่ 2 เร่งขยาย 80 สาขาภายในปี 67 ตั้งเป้ายอดขายทะยานขึ้นอับดับ 5 ตลาดประกันภัย

ภายหลังจากที่ เออร์โก กรุ๊ป (ERGO Group) กลุ่มธุรกิจประกันภัยขนาดใหญ่ระดับแนวหน้าของประเทศเยอรมันและยุโรป และเป็นบริษัทลูกของ มิวนิก รี (Munich Re) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้บริการรับประกันภัยระดับต้นๆ ของโลก ของการรับประกันภัยต่อ และการรับประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ (NSI) ซึ่งมีรายได้เป็นอันดับที่ 30 ของตลาดประกันภัยในขณะนั้น โดยเออร์โกในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไทยศรีฯได้ใช้เงินสดกว่า 3,000 ล้านบาท ตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น NSI ไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดธุรกิจประกันภัยที่จะช่วยให้เออร์โกประกันภัยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และได้เปลี่ยนชื่อใหม่อย่างเป็นทางการว่า บริษัท เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (เดิมชื่อ บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชน)พร้อมด้วยตราสัญลักษณ์“ERGO” เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา และก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทประกันภัยที่มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 8 ของตลาดประกันวินาศภัยประเทศไทยได้ในที่สุด

โดยได้เปิดดำเนินงานให้บริการแก่ลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทยทั่วทุกภูมิภาคของประเทศอย่างพร้อมเพรียงกัน โดย ERGO ยังเป็นหนึ่งในบริษัทผู้รับประกันภัยหลักทั้งในเยอรมัน และอีก 20 ประเทศทั่วโลก โดยในช่วงปีที่ผ่านมา เออร์โกประกันภัย ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าในประเทศไทย ทั้งประกันภัยส่วนบุคคล ประกันภัยรายย่อย ประกันภัยกลุ่มองค์กร ไปจนถึงประกันภัยเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยอุบัติเหตุ ประกันภัยทรัพย์สิน และประกันภัยทางทะเล

 

ดร.ทิลล์ โบห์เมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ERGO เปิดเผยว่า ในโอกาสที่เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) ครบรอบ 1 ปี ในปี 2567 นี้ ซึ่งตนสามารถสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนได้ว่า ด้วยประสบการณ์ในตลาดประกันวินาศภัยอันยาวนานกว่า 70 ปีของ ERGO ความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุม และหลากหลายของทีมงาน รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรที่มีประสบการณ์ จะช่วยให้เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) สามารถบรรลุพันธกิจสำคัญต่อการทำประกันภัยให้เป็นเรื่องง่ายในทุกมิติของการให้บริการ

โดยในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา เออร์โกประกันภัยสามารถก้าวขึ้นสู่บริษัทประกันภัยที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 8 ภายในเวลาอันรวดเร็ว จากความสามารถของทีมขายที่มากด้วยประสบการณ์และทีม customer service ที่แข็งแกร่ง รวมถึงพนักงานทุกคนของ ERGO ที่ช่วยกันผลักดันให้การเติบโตครั้งนี้สำเร็จลุล่วงได้ จนมียอดขายในปี 2566 สูงเกินเป้า 10,000 ล้านบาท และตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นบริษัทประกันภัยที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 5 ให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งไม่สามารถระบุปีได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส แต่โดยเฉลี่ยตั้งเป้าที่จะมีอัตราการเติบโตปีละประมาณ 10% ซึ่งปี 2567 นี้คาดว่าจะมียอดขายที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท

ทั้งนี้การเพิ่มศักยภาพการให้บริการอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ทั่วไทยก็ยังเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่เออร์โกประกันภัยตั้งใจส่งมอบให้กับลูกค้า โดยบริษัทฯ ได้ขยายสาขาสำหรับจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยบนห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้าชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ ไปแล้วกว่า 40 สาขา และสาขาในต่างจังหวัดทั่วประเทศอีกกว่า 60 สาขาที่มีความพร้อมในการให้บริการทุกด้านอย่างครบครัน ซึ่งคาดว่าจะเปิดได้จนครบ เพิ่มเป็นกว่า 80 สาขาภายในสิ้นปี 2567 นี้ ซึ่งแต่ละสาขาใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท  โดยการเปิดรับพนักงานจากสินมั่นคงประกันภัยเข้ามาร่วมเสริมทัพด้านการขายและการให้บริการ จะช่วยปรับปรุงรูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการได้อย่างครบวงจร ตอกย้ำแนวคิด “ให้ประกันภัย...เป็นเรื่องสำคัญที่เรียบง่าย” สำหรับคนไทยทุกคน

 

“รถยนต์ยังเป็นพอร์ตหลักของเรา แต่ก็ตั้งเป้าไปที่พ.ร.บ.รถยนต์ เพราะมีฐานที่กว้างมาก จึงสามารถทำผลกำไรได้ดี รวมไปถึงการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลและอื่นๆ และการขยายสาขาในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งการที่เออร์โก กรุ๊ป สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพราะมองว่ามีวัฒนธรรมที่แตกต่างไปจากยุโรป แต่จะมีแตกต่างกันไปบ้าง คือการทำกรรมธรรม์ของคนไทยจะเน้นเรื่องราคาและรถ ในขณะที่ในยุโรป จะเน้นเรื่องประวัติและประสบการณ์ของผู้ขับรถ อีกทั้งยุโรปยังมีศูนย์กลางดาต้าเบส หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ก็จะสามารถติดตามได้ทั้งหมด ขณะเดียวกันประเทศไทยก็ถือว่าเป็นตลาดประกันที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน จึงมีโอกาสที่จะเติบโต และสามารถที่จะพัฒนาต่อได้ ในทางกลับกัน หากเป็นการพัฒนาในหลายๆเอย่าง เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค เรามองว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการลงทุนมากกว่า ซึ่งดีกว่าไปลงทุนในหลายๆประเทศพร้อมๆกัน จึงโฟกัสที่ไทยประเทศเดียว” ดร.ทิลล์ กล่าว

ดร.ทิลล์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯจะเน้นมุ่งขยายสาขาให้ได้มากที่สุด เพื่อที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ดี และการที่ทำให้บริษัทฯมีความต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆคือ การบริการที่ยอดเยี่ยม และการเข้าถึงการให้บริการต่างๆ ซึ่งบริษัทฯต้องการให้ดีและยอดเยี่ยมในทุกๆด้าน เพื่อเป็นทางเลือกของลูกค้า รวมไปถึงการมีแผนที่จะพัฒนาดิจิทัล เทคโนโลยีให้มากขึ้น เพื่อซับพอร์ตให้กับพันธมิตร เพื่อที่ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะได้มีตัวช่วยในการขายมากขึ้น

สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) มองว่ากำลังเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของบริษัทฯก็ยังรับเบี้ยประกันภัยของรถ EV  แต่ก็ต้องคอยมอนิเตอร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ก็มีเงื่อนไข โดยจะรับพิจารณาเป็นเคสบายเคส ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) เชื่อว่า ทุกความเสี่ยงภัยของชีวิต จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใส่ใจและทั่วถึง จึงตั้งเป้าสู่การเป็นบริษัทประกันภัยที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศ และมีแผนที่จะพัฒนาการให้บริการในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านการรับแจ้งอุบัติเหตุที่พร้อมขยายการให้บริการด้วยการกระจายพนักงานเคลมให้ถึงที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดอบรมพนักงานศูนย์รับแจ้งเหตุเพื่อพัฒนาทักษะในการสนทนา โดยเฉพาะกับลูกค้าคู่สนทนาที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุและกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ขณะเดียวกันการลงทุนฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ความสามารถในด้านอื่นๆ ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เนื่องจากในปัจจุบัน ปัญหาหลักของธุรกิจประกันภัย คือ การขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาบุคลากรที่มีอยู่ให้มีความรู้ความสามารถอย่างรอบด้านมากขึ้น

นอกจากนี้ เออร์โกประกันภัย ยังให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการ (Governance) และเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของปี 2567 และปี 2568 นี้ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นแผนการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ และทั่วถึงทั้งบริษัทให้ครอบคลุมทุกส่วนงาน การพัฒนาบุคลากรให้เกิดการเติบโตจากภายในอย่างยั่งยืน โดยแต่งตั้ง Chief Governance Officer หรือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกำกับดูแลกิจการ เป็นผู้ขับเคลื่อนแผนงานทั้งหมดให้สำเร็จ และยังได้แต่งตั้ง Chief Finance Officer หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินคนใหม่ เข้ามาช่วยกำกับดูแล และบริหารด้านการเงิน เพื่อให้เออร์โกประกันภัยสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรงและมั่นคงมากขึ้นอีกด้วย

เออร์โกประกันภัยเชื่อว่า แม้การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่การมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลืออย่างเข้าใจและเข้าถึงก็สำคัญไม่ต่างกัน จึงมุ่งเน้นพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้กับบุคลากรอย่างครอบคลุม เพื่อให้ทุกความช่วยเหลือได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และช่วยให้การประกันภัยเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน

 

 

 

You can share this post!