news-details
Business

SCเผยครึ่งปีหลัง’67 อสังหาฯยังเผชิญความท้าทาย ตลาดแนวราบยังแข่งเดือด วอนรัฐต่อมาตรการ LTV ช่วยฟื้นธุรกิจ ล่าสุดขนบ้าน-คอนโดฯ 70 โครงการ จัดแคมเปญ“SC ASSET MART” คาดกวาดยอดขาย 2.5 พันล้าน ครึ่งปีหลังจ่อผุด 7 โครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท

เอสซีฯเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลัง 67 ยังมีความท้าทาย โดยเฉพาะตลาดแนวราบการแข่งขันยังดุเดือด ส่งผลผู้ประกอบการเร่งปรับกลยุทธ์ระบายสต๊อก  วอนภาครัฐต่อมาตรการ LTV จะช่วยธุรกิจได้มาก ส่วนไฟเขียวขยายเวลาเช่าระยะยาวเป็น 99 ปี - ถือครองคอนโดฯเป็น 75% มีเสียงแตกซัดเป็นการขายชาติ แนะให้ดูเจตนาดีภาครัฐ ร่วมระดมกำลังความคิดหาวิธีการดันผลลัพธ์ที่ดีให้ประเทศชาติ  ฟื้นตลาดอสังหาฯดีกว่า ล่าสุดขนบ้าน-คอนโดฯ 70 โครงการทั่วประเทศ จัดแคมเปญ “SC ASSET MART” Best Price Ever ลดสุดๆ แล้วจริงๆ  ระหว่างวันที่ 19 - 24 ก.ค. 67 นี้ ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ใจกลาง สยามพารากอน ด้วย 7 โปรโมชั่นพิเศษ ดีที่สุดแห่งปี คาด 6 วัน กวาดยอดขาย 2,500 ล้านบาท  ประกาศแผนครึ่งปีหลัง จ่อผุด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 10,250 ล้านบาท ไตรมาส 3 พร้อมเปิด  3 โครงการใหม่แนวราบระดับลักชัวรี 3 ทำเล ราคา 35-80 ล้านบาทขึ้นไป

 

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในครึ่งปีหลัง 2567 ว่า ยังมีความ.ท้าทาย โดยตลาดแนวราบ.ที่การแข่งขันยังมีสูงมาก ,หนี้ครัวเรือนที่ยังสูง และยอดการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันก็ยังมีสูงเช่นกัน ทำให้ยากลำบาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯหลายรายต้องเร่ง.ปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากไปได้ ดังนั้นมองว่าในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่ดีที่สุดของผู้บริโภคในการมองหาซื้อบ้านและคอนโดฯ เพราะผู้ประกอบการหลายรายต่างนำสต๊อกเก่าออกมาระบายและจัดแคมเปญในราคาพิเศษ

ในส่วนของ SC เองนั้น ได้มีการปรับตัวมาล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการดีลกับพันธมิตรในการขยายไลน์การลงทุนไปยังธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง สำหรับธุรกิจอสังหาฯโดยเฉพาะแนวราบนั้น มองว่าคงไม่สามารถทำการตลาดแบบเดิมๆได้อีกต่อไป เช่น เดิมมีสำนักงานขายให้ลูกค้าเข้าไปดูห้องหรือบ้านตัวอย่าง แต่ปัจจุบันต้องเน้นการออกบูธแนะนำโครงการให้มากขึ้น

“ช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา ตลาดบ้านเดี่ยวขายดีมาก ผู้ประกอบการหลายรายหันมาพัฒนาโครงการกันมาก ทำให้ภาพรวมตลาดในทุกระดับราคามีการแข่งขันที่สูง แต่ในส่วนของ SC ก็จะเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์ พัฒนาสินค้าที่ดี มีคุณภาพ มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาใช้ และบริการหลังการขายก็ต้องดีอย่างต่อเนื่อง เพราะในวันที่การแข่งขันลดลง มียอดขายที่ดีขึ้น ก็จะทำให้เราอยู่ในใจของลูกค้าตลอดไป” นายณัฐพงศ์ กล่าว

สำหรับมาตรการต่างๆของภาครัฐที่ออกมากระตุ้นภาคอสังหาฯที่ผ่านมานั้น มองว่ายังไม่ได้ช่วยอะไรอย่างมีนัย หากดูในเรื่องตัวเลขยอดขายไตรมาส 2/2567 ก็ดีขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คิดว่าภาครัฐควรที่จะนำมาตรการผ่อนคลายกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย. (Loan to Value : LTV) กลับมา เพราะปัจจุบัน SC มีลูกค้าหลายรายที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 หลังที่ 3 และหลังที่ 4 เพื่ออยู่อาศัยจริง เพราะมีความต้องการพื้นที่ที่ใหญ่ หากมีการผ่อนคลายในเรื่อง LTV โดยอาจจะจำกัดในเรื่องระยะเวลาก็ได้ ก็จะช่วยบรรเทาในความยากของธุรกิจอสังหาฯได้

 

“ผมคิดว่ามาตรการที่ภาครัฐพยายามจะออกมาทั้งขยายเวลาในการเช่าระยะยาว 99 ปี หรือถือครองคอนโดฯได้ในสัดส่วนที่มากขึ้นเป็น 75% นั้น ขอแบ่งเป็น 3 ประเด็น คือ. เจตนาดี เพราะจะทำให้มีกำลังซื้อมากขึ้น เพราะชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อก็จะเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และสร้างงาน สร้างการลงทุนที่มากขึ้น ซึ่งดีต่อภาพรวมของประเทศอย่างแน่นอน และอสังหาฯเอง ซึ่งเป็นธุรกิจที่เมื่อรวมกันทั้งประเทศนั้นมากกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจอื่นๆ ทั้งนี้หากเจตนาดีและอยากได้ผลรับดี ก็ต้องอยู่ที่วิธีการ ซึ่งปัจจุบันทุกๆภาคส่วนก็ออกมาให้ความคิดเห็นกันเพื่อช่วยกันผลักดันให้เศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น โดยที่คนไทยไม่ต้องซื้อบ้านที่แพงขึ้นในอนาคต และยังมีสิทธิมีเสียงในที่อยู่อาศัย แม้ว่าอาจจะมีการจำกัดในเรื่องของทำเล เวลา ช่วงราคาของสินค้า และหาวิธีการที่จะให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น ส่วนเรื่องที่หลายคนมองว่ามาตรการที่จะให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้ 99 ปี. จะเป็นการขายชาตินั้น มองว่าไทยเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยทุกคนสามารถมีความเห็นได้อย่างเสรี แต่อยากให้มาดูว่าแต่ละนโยบายของภาครัฐ ล้วนมีเจตนาที่ดี ดังนั้นจึงอยากให้มาช่วยกันหาวิธีการและผลลัพธ์ที่ดีจะดีกว่า”นายณัฐพงศ์ กล่าวในที่สุด

ด้าน นายณัฎฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC  กล่าวว่า หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการจัดแคมเปญ “SC ASSET MART” ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม กวาดยอดจองไปกว่า 900 ล้านบาท โดยเฉพาะโปรโมชั่นพิเศษสุดที่มอบให้ ทั้งส่วนลดและอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

ล่าสุดบริษัทฯได้นำบ้าน-คอนโดฯ 70 โครงการ ในทำเลดี หลากหลายโซนทั่วกรุงเทพ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2.59 – 100 ล้านบาท มูลค่าเหลือขายประมาณ 60,000-70, 000 ล้านบาท มาจัดแคมเปญ “SC ASSET MART” Best Price Ever ลดสุดๆ แล้วจริงๆ อีกครั้ง ระหว่างวันที่ 19 - 24 กรกฎาคม 2567 นี้ ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ใจกลาง สยามพารากอน ด้วย 7 โปรโมชั่นพิเศษ ดีที่สุดแห่งปี ได้แก่

- Cash Back สูงสุด 10 ล้านบาท*

- ฟรี! ค่าส่วนกลางสูงสุดนาน 10 ปี*

- จองต่ำสุด 999 บาท*

- Voucher PARAGON มูลค่าสูงสุด 500,000 บาท*

- บัตรน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท*

- รางวัลใหญ่

 LUCKY DRAW 1 รางวัล/วัน*

- รับของพรีเมียมทันทีที่จอง*

โดยคาดว่าตลอดระยะเวลาในการจัดงาน 6 วันนี้ จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 2,500 ล้านบาท

พิเศษสุด! กับกิจกรรมร่วมฟินอินไปกับบ้านในฝันของ “เจมีไนน์” นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์” ไอดอลและนักแสดงสุดฮอต ที่จะมาร่วมเปิดมุมมอง เจาะลึกทุกมุมกับแบบบ้านที่ชอบ มุมโปรดที่ใช่ และฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ ภายในงานนี้โดยเฉพาะ

“การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นความพิเศษสุดที่ SC นำมามอบให้สำหรับลูกค้าที่กำลังพิจารณาตัดสินใจซื้อบ้าน ด้วยเงื่อนไขที่ดีที่สุดแห่งปี และ ในทำเลศักยภาพที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนซื้อบ้าน ที่เราได้มีการ Research มาเป็นอย่างดี รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าท็อปอัพไปกับมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง” นายณัฎฐกิตติ์ กล่าว

นอกจากนี้ ภายในงาน ยังจะได้พบกับ "เมนูสุดพิเศษ" จากการร่วม Collab ครั้งแรกของ SC Asset X ร้านน้ำและร้านขนมชื่อดังหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Chabar,  Thank you Cup,  Kintaam, DROP BY DOUGH และ Oldschool Brownies ที่ SC Asset ตั้งใจคัดสรรมาอย่างดี เพื่อลูกค้าคนสำคัญในโอกาสสุดพิเศษที่ไม่ได้มีบ่อยๆ รวมทั้ง มินิคอนเสิร์ตจากวง Serious Bacon และ ฟังเพลง
ในบรรยากาศสนุกๆ จาก DJ P-U และ DJ Slip On

นายณัฎฐกิตติ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 บริษัทมียอดขายบ้านแนวราบระดับลักชัวรี ราคามากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป สูงเป็นอันดับ 1 ส่งผลให้ในครึ่งปีหลัง SC มีแผนเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 10,250 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 6 โครงการ และคอนโดฯ 1 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “Reference Ekkamai” ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปลายปี 2567 สำหรับไตรมาส 3 พร้อมเปิด  3 โครงการใหม่แนวราบระดับลักชัวรี ได้แก่

1.แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ณ อุทยาน ตั้งอยู่บนพื้นที่ 33 ไร่เศษ เป็นบ้านหรูจำนวน 47 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 35-60 ล้านบาท

2.แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บรมราชชนนี ตั้งอยู่บนพื้นที่ 15 ไร่เศษ เป็นบ้านหรูจำนวน 21 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 60-80 ล้านบาท

3.คฤหาสน์หรู 3 ชั้น แบรนด์ใหม่ “คอนนาเซอร์” (Connoisseur) ซึ่งเป็นโครงการใหม่ล่าสุด THE NEWEST URBAN LUXURY COLLECTION by SC ASSET โครงการ One of a Kind บนสุดยอดทำเลเมืองพัฒนาการ ซอย 32  มีที่ดินขนาดเริ่มต้นที่ 114 ตารางวาขึ้นไป  เอกสิทธิ์เพียงแค่ 20 หลัง ราคาเริ่มต้น 80 ล้านบาท โดยมีฟังก์ชันที่โดดเด่น อาทิ Duplex Super Car Garage & Man Cave, Strong Room, Private Swimming Pool โดยจะเปิดตัวโมเดล Connoisseur ครั้งแรก ภายในงานนี้ ที่มาพร้อมนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัย ด้วยเทคโนโลยีติดตามดูแลความปลอดภัยด้วยระบบ PlotphAI Centre (ปลอดภัยเซนเตอร์) และเทคโนโลยีอัจฉริยะผ่าน RueJai Intelligence พร้อมเทคโนโลยี Standard อื่นๆ

 

 

You can share this post!