news-details
Business

เงินบาท "แข็งค่าขึ้น" เปิดเช้านี้ที่ 35.87 บาท/ดอลลาร์

เงินบาท "แข็งค่าขึ้น" เปิดเช้านี้ที่ 35.87 บาท/ดอลลาร์ Krungthai GLOBAL MARKETS คาดวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 35.75-36.25 บาท/ดอลลาร์ แนะระวังความผันผวนช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลประชุม BOJ และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.87 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideways ก่อนที่จะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว (แกว่งตัวในช่วง 35.84-36.02 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) จากโซน 155 เยนต่อดอลลาร์ สู่โซน 153 เยนต่อดอลลาร์ หลังมีรายงานข่าวในช่วงราว 20.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและปรับลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ได้กดดันให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ก็ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุโซนแนวต้านระยะสั้น 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งต้องระวังความผันผวนในตลาดการเงิน หาก BOJ ไม่ได้ดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และปรับลดปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาล อย่างที่ตลาดคาดหวัง หรือ มีรายงานข่าวออกมาในช่วงคืนที่ผ่านมา โดยหากตลาดผิดหวังกับผลการประชุม BOJ ก็อาจกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาอ่อนค่าได้พอสมควรในระหว่างวัน นอกจากนี้ ในฝั่งจีน ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) เดือนกรกฎาคม

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน เดือนกรกฎาคม

และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP เดือนกรกฎาคม ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ได้

นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะติดตามอย่างใกล้ชิด และเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควรในช่วงนี้

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น อาจเริ่มชะลอลงแถวโซนแนวรับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์ (ซึ่งเป็นกรอบล่างของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ ที่เราประเมินไว้) ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วนในช่วงปลายเดือน นอกจากนี้ เรามองว่า เงินบาทก็อาจพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้ “เร็วและแรง” หากตลาดผิดหวังกับผลการประชุม BOJ ในวันนี้ จนกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (สถิติในปีนี้ พบว่า เงินเยนสามารถอ่อนค่าได้ราว 1.4% โดยเฉลี่ย หากตลาดผิดหวังกับผลการประชุม BOJ)

นอกจากนี้ ในช่วงตั้งแต่ 19.15 น. ตามเวลาประเทศไทย เงินบาทก็เสี่ยงผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวขึ้นได้ ซึ่งภาพดังกล่าวก็สามารถกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี แม้เราจะประเมินว่า เงินบาทนั้นมีความเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าลง แต่การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจมีโซนแนวต้านตั้งแต่ช่วง 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ไปจนถึงช่วง 36.25 บาทต่อดอลลาร์ ที่บรรดาผู้ส่งออกต่างรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าลงเพื่อทยอยขายเงินดอลลาร์ ในทางกลับกัน หากเงินบาทสามารถแข็งค่าหลุดโซนแนวรับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้ได้จริง เงินบาทก็สามารถทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องทดสอบแนวรับสำคัญถัดไปแถว 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้

เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.75-36.25 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)

You can share this post!