กลุ่มบริษัทเอ็นริช เผยภาพรวมตลาดอสังหาฯยังมีความท้าทาย ขณะที่บ้านลักชัวรียังมีความต้องการต่อเนื่อง แย้มแผน 2 ปี เตรียมร่วมทุนพันธมิตรญี่ปุ่นผุดบ้านหรูอีก 2 โครงการ ลดความเสี่ยงการลงทุน ล่าสุดผนึก “อนาบูกิ”ยักษ์อสังหาฯแดนปลาดิบ เปิดตัว “ดิ อาร์ทิเคิล นอร์ธ ราชพฤกษ์” มูลค่ากว่า 2,400 ล้านบาท พร้อมพรีเซล 23 ส.ค.นี้ ด้านซีบีอาร์อี เผยตัวเลขการเปิดโครงการบ้านไตรมาส 1/67 ในบ้านกลุ่มไฮเอ็นด์ และลักชัวรี ทำเลชั้นนอกฝั่งตะวันตก สัดส่วนเพิ่มสูงกว่า 385% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66
นางสาวสุพิชา ณัฐสุวรรณพล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ กลุ่มบริษัทเอ็นริช เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในปัจจุบันว่า ยังมีความท้าทายเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันพบว่าตลาดลักชัวรีนั้น ดีมานด์ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ประกอบการก็ต้องพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ ซึ่งภายในปี 2567-2568 บริษัทฯยังมีแผนพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรชาวญี่ปุ่น ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นพันธมิตรรายไหน (เมื่อปี 2566 ได้ร่วมทุนกับบริษัท ไซบุแก๊ส โฮลดิ้ง จำกัด ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานจากประเทศญี่ปุ่น มีประสบการณ์การลงทุนอสังหาฯระดับคุณภาพทั่วโลก โดยในประเทศไทยได้ร่วมกับกลุ่มเอ็นริช พัฒนาโครงการ “เดอะมาร์ค เอ็กซ์ควิซิท ราชพฤกษ์-จรัญสนิทวงศ์ บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี ราคาตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป และล่าสุดในปีนี้ได้ร่วมทุนกับกลุ่มอนาบูกิ โคซัน กรุ๊ป ร่วมพัฒนาโครงการ “ดิ อาร์ทิเคิล นอร์ธ ราชพฤกษ์)
ซึ่งทาง Fullmax มองว่าในระยะแรกหลายปีที่ผ่านมากลุ่มเอ็นริชจะเน้นการพัฒนาโครงการระดับหรูเองมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยการแข่งขันในตลาดอสังหาฯที่สูงขึ้น สถาบันการเงินมีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อโครงการและสินเชื่อรายย่อย และทางนางสาวสุพิชา เองก็ให้เหตุผลว่า ด้วยความที่ยังเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด หากพัฒนาเอง 100% ก็จะขยายตัวได้ยาก ดังนั้นนับจากนี้ไปทุกโครงการจึงมีการร่วมทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมทุนกับอนาบูกิ โคซัน กรุ๊ป (Anabuki Kosan Group) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 จากประเทศญี่ปุ่น พัฒนาโครงการ “ดิ อาร์ทิเคิล นอร์ธ ราชพฤกษ์” (The Article North Ratchaphruek) มูลค่าโครงการกว่า 2,400 ล้านบาท สาเหตุที่เลือกเข้ามาพัฒนาโครงการในทำเลราชพฤกษ์ เป็นเพราะบริษัทฯมีความชำนาญในทำเลกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก และมองเห็นแนวโน้มการเติบโตของตลาดอสังหาฯ ที่เริ่มกระจายตัวจากใจกลางเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะทางกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก รวมถึงในทำเลดังกล่าวมีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในรูปแบบต่าง ๆ ออกมารองรับการอยู่อาศัยในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ คอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องการขยายครอบครัว มีพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น มีชีวิตการทำงานที่ค่อนข้างยืดหยุ่น สามารถทำงานได้ที่บ้าน หรือหากเดินทางไปทำงานก็สามารถเดินทางได้สะดวก ซึ่งโครงการ The Article North Ratchaphruek ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว
โดยแนวคิดที่กลุ่มบริษัทเอ็นริชยึดถือมาโดยตลอดในการพัฒนาโครงการ คือ “Guiding You to Practical Living” เป็นการคำนึงถึงทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิต โดยเน้นในเรื่องคุณภาพและโปรดักส์ที่น่าสนใจ นำมาพัฒนาโครงการ ให้มีจุดเด่น ใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอนตั้งแต่กระบวนการแรกในการออกแบบ จนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่ลูกค้าได้เข้าอยู่ ลูกค้าต้องได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดรวมถึงยังผสานกับแนวคิดการจัดบ้านแบบ “คอนมาริ” ของนักจัดบ้านชื่อดังระดับโลก “มาริเอะ คอนโดะ” ซึ่งเอ็นริชเป็นเจ้าแรกของประเทศ ที่นำแนวคิดนี้มาใช้ในธุรกิจอสังหาฯ ผ่านตัวแทนที่ปรึกษาระดับมาสเตอร์ และได้ผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากเพื่อให้ลูกค้าได้ศึกษา และนำมาปรับใช้กับบ้านของลูกค้าในอนาคตอีกด้วย
“ด้วยการแข่งขันที่สูงของตลาดอสังหาฯ ในพื้นที่เดียวกัน เราจึงยิ่งเน้นพัฒนาโครงการให้มีดีไซน์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว รวมถึงให้ความสำคัญในเรื่องประสบการณ์การอยู่อาศัยร่วมกันของทุกคนในครอบครัว ความพิเศษอีกหนึ่งอย่างของเราคือ การที่เราคำนึงถึงการใช้ชีวิตที่หลากหลาย เราจึงเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนบางอย่างได้ด้วยระบบ Customization เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อาศัยปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์ และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งยังมีจุดขายที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นคือ ยังคงก่อสร้างด้วยอิฐมอญ ไม่ใช้ระบบการก่อสร้างสำเร็จรูป เหมือนผู้ประกอบการรายกลางและรายใหญ่ ” นางสาวสุพิชา กล่าว
ด้าน นายอนวัช ฉัตรศิริกุล ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทเอ็นริช กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในครึ่งปีหลังว่า ยังมีความท้าทายเป็นอย่างมาก ซึ่งตลาดนั้นแยแบ่งเป็นหลายเซกเมนต์ ดังนั้นมองว่าบางเซกเมนต์ยังมีช่องว่างตลาดที่สามารถเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดได้ และเชื่อว่ารัฐบาลจะยังคงมีนโยบายส่งเสริมมาตรการใหม่ๆออกมาสนับสนุนตลาดอสังหาฯอย่างต่อเนื่อง
และจากการที่บริษัทฯเล็งเห็นถึงการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในทำเลราชพฤกษ์ที่มีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มตลาดบ้านระดับลักชัวรี แม้ว่าการแข่งขันในทำเลดังกล่าวจะมีสูงแต่เชื่อมั่นว่ายังมีช่องว่างทางการตลาดที่สามารถเข้าไปเจาะและแข่งขันได้ โดยโครงการ “ดิ อาร์ทิเคิล นอร์ธ ราชพฤกษ์” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 24 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวลักชัวรี สูง 3.5 ชั้น ขนาดที่ดินตั้งแต่ 35-130 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 15.9-28 ล้านบาท จำนวน 117 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส โดยจะเปิดพรีเซลเฟสแรกในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 นี้
“เรามองว่าสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ มีความท้าทายในหลายๆ ด้านและตลาดมีการแข่งขันสูง การตัดสินใจเลือกซื้อบ้านของผู้บริโภคใช้เวลานานขึ้น แต่แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเดินหน้าเพื่อให้บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมจนถึงระดับลักซ์ชัวรียังมีกำลังซื้อสูง จึงเดินหน้าพัฒนาโครงการเพื่อรองรับกับลูกค้ากลุ่มนี้โดยเลือกทำเลที่มีศักยภาพ พัฒนาโครงการให้มีจุดเด่นที่น่าสนใจด้วยฟังก์ชันและนวัตกรรมด้านการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ ซึ่งที่ผ่านมาเราสามารถพัฒนาโครงการและประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างต่อเนื่อง” นายอนวัช กล่าว
ทั้งนี้ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทเอ็นริช มีโครงการอสังหาฯ หลากหลายรูปแบบที่พัฒนาออกสู่ตลาด ทั้งยังมีความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพหลายรายในการพัฒนาโครงการร่วมกัน ในปีนี้กลุ่มบริษัทเอ็นริชได้ร่วมมือกับ อนาบูกิ โคซัน กรุ๊ป พัฒนาโครงการดิ อาร์ทิเคิล นอร์ธ ราชพฤกษ์ และยังมอบหมายให้ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนที่ปรึกษาทางการตลาด และบริหารงานขายให้กับโครงการอีกด้วย จึงมั่นใจว่าโครงการที่เอ็นริชฯพัฒนาออกมา มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของ ดีไซน์ ฟังก์ชัน และการเลือกใช้วัสดุ ทำให้โครงการมีความแตกต่างจากคู่แข่งและเป็นที่ต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับลักชัวรี
นายมาซาอากิ คากาวะ กรรมการผู้จัดการ อนาบูกิ โคซัน กรุ๊ป กล่าวว่า การเข้ามาร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทเอ็นริช เป็นเพราะมีแนวคิดและการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน และยังเห็นว่า บริษัท เอ็นริชพัฒนาโครงการอย่างมีคุณภาพ การใส่ใจในด้านงานดีไซน์เป็นพิเศษ การวางแผนและการออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายของการอยู่อาศัย การคัดเลือกพัฒนาโครงการบนทำเลที่มีศักยภาพทั้งปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ในอนาคต ที่สำคัญบุคลากรของกลุ่มเอ็นริช มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาโปรดักส์ ซึ่งได้สัมผัสถึงความใส่ใจในรายละเอียด จึงได้ตัดสินใจที่จะร่วมกันพัฒนาโครงการนี้กับ บริษัท เอ็นริช
“เราเห็นว่าโปรดักส์ของเอ็นริชนั้นมีความโดดเด่น เป็นที่ดึงดูดความสนใจของเรา เรามองว่าเอ็นริช พัฒนาโปรดักส์ได้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ที่บริษัทเอ็นริชได้ใส่ใจเป็นพิเศษ โดยคำนึงถึงความสะดวกสบาย และการเลือกทำเลการพัฒนาโครงการที่ดีรวมไปถึงมีการวางแผนงานที่ดีอีกด้วย” นายมาซาอากิ กล่าว
นายมาซาอากิ กล่าวว่า จากการที่เข้ามาในประเทศไทยได้ 5 ปี ได้ร่วมทุนพัฒนากับผู้ประกอบการไทยแล้ว 2 ราย โดยที่ผ่านมาได้ร่วมทุนกับบริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)แล้ว 3 โครงการ จากที่มีการลงทุนกับผู้ประกอบการไทยทั้งสิ้น 6 โครงการ โดยประเทศไทยมีการลงทุนมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังมีลงทุนที่ประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย อีกทั้งในเร็วๆนี้ยังมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย สำหรับในประเทศไทยหากมีความพร้อมที่จะขยายไลน์ไปยังธุรกิจอื่นๆ บริษัทฯก็มีความพร้อมด้านเม็ดเงินลงทุนเช่นกัน
ขณะที่ นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดบ้านในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 มีการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรใหม่มากถึง 31 โครงการ รวม 5,032 ยูนิต มีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 15.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 ถือเป็นสัญญาณบวก โดยพบว่าตั้งแต่ปี 2565-2567 ตลาดบ้านโซนกรุงเทพชั้นนอกฝั่งตะวันตก มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเปิดตัวโครงการบ้านเพิ่มขึ้นกว่า 145% ในปี 2565 และ 18% ในปี 2566 ทั้งนี้สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ยังพบอีกว่าทำเลนี้มีอัตราการเปิดตัวโครงการบ้านสูงที่สุดในกลุ่มทำเลกรุงเทพชั้นนอกซึ่งประกอบไปด้วย 4 ทำเลด้วยกัน ซึ่งหากพิจารณาเจาะลึกเฉพาะกลุ่มเซกเมนต์ไฮเอนด์ขึ้นไปในปี 2566 ยังพบด้วยว่ามีการเปิดตัวโครงการบ้านทั้งปีเพิ่มขึ้นกว่า 227% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ทยานสูงขึ้นว่า 385% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันใน ปี 2566
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดบ้านหรูในโซนราชพฤกษ์เติบโตเป็นเพราะศักยภาพของทำเลที่มีองค์ประกอบสนับสนุนให้ทำเลราชพฤกษ์กลายเป็น New Luxury Hub เนื่องจากมีความสมบูรณ์ของระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ทั้งการสร้างและขยายถนน อาทิ ถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่ การขยายถนนชัยพฤกษ์ ถนนชัยพฤกษ์เชื่อมกับสะพานพระราม 4 ถนน 10 เลน รวมถึงเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีชมพู ส่งผลให้เกิด Connectivity ที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อพื้นที่ได้ทั้ง 3 จังหวัด ทั้งกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และปทุมธานี การพัฒนาโครงการ Shopping Mall ขนาดใหญ่รองรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนในโซนราชพฤกษ์ เช่น Robinson Lifestyle Ratchaphruek, Central Westgate, Central Westville, และ Lotus’ North Ratchaphruek อีกทั้งทำเลราชพฤกษ์โซนนี้ยังเชื่อมต่อไปยังถนนแจ้งวัฒนะ ที่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางย่านธุรกิจซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการสำคัญๆ และบริษัทชั้นนำมากมาย โดยมีพื้นที่อาคารสำนักงานมากกว่า 1,100,000 ตารางเมตร ทำให้เกิดดีมานด์ของคนทำงานภายในย่านนี้ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดที่พักอาศัยในโซนแจ้งวัฒนะ และขยายตัวมายังโซนราชพฤกษ์เช่นกัน
“อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้โครงการ The Article North Ratchaphruek มีความน่าสนใจเป็นเพราะตั้งอยู่ในโซนที่มีการเติบโตสูง ทั้งสภาพแวดล้อม การเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวก ติด Shopping Mall ซึ่งมีข้อดีคือเดินทางสะดวก ประหยัดเวลาในการจับจ่ายใช้สอย โดย Robinson Lifestyle Ratchaphruek ใกล้เพียง 300 เมตร เป็นห้างสรรพสินค้าใหม่ ร้านอาหารมากมาย สามารถจับจ่ายใช้สอยได้สะดวก ง่ายต่อการใช้ชีวิต รวมไปถึงตั้งอยู่ในทำเลที่มีมูลค่าการประเมินที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอดีตราคาที่ดินยังไม่สูงมาก โดยเพิ่มขึ้นกว่า 21% ในรอบการประเมินปี 2566-2569 และมองว่าทำเลนี้มีศักยภาพจะเติบโตได้อีกมากในอนาคต โดยเฉพาะทำเลที่โครงการตั้งอยู่มีโอกาสที่จะเป็น Hub บ้านหรูทำเลถัดไป เช่นเดียวกับทำเลถนนเลียบทางด่วนเอกมัย รามอินทรา ทำเล กรุงเทพกรีฑา ขณะเดียวกันโครงการยังมีความแตกต่างจากโครงการทั่วไปในตลาดอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของรูปลักษณ์การดีไซน์ การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ เป็นตัวเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้าในทำเลนั้นได้ ในขณะที่ฟังก์ชันถือว่าให้แบบจัดเต็มด้วยพื้นที่ 300-500 ตารางเมตร ที่จอดรถ 3-4 คัน และยังสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นของบ้านได้ตามต้องการ เรียกว่า ราคา High-end บนทำเลที่ Premium ในโซนราชพฤกษ์เลยทีเดียว” นางสาวอาทิตยา กล่าวในที่สุด