จับตา นายกฯ พร้อมโฉมหน้า ครม.ใหม่“ทรีนีตี้” ประเมินผลกระทบทางการเมือง กับตลาดหุ้นไทย หลัง ศาลฯวินิจฉัย นายกฯ พ้นตำแหน่ง และครม .ทั้งคณะขึ้นอยู่กับการโหวตนายกคนใหม่ และการแต่งตั้งครม.ชุดใหม่ หากลากยาว หุ้นอาจเสี่ยงหลุดแนวรับสำคัญ 1270 จุด หั่น EPS บจ.อีกรอบ แนะเลี่ยงหุ้นค้าปลีก Digital Wallet ค้าง
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสภาพ ทำให้นายกฯ หลุดจากตำแหน่งไปพรัอมๆ กับคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ขั้นตอนหลังจากนี้คือ สภาฯมีหน้าที่ที่จะต้องลงคะแนนเสียงเลือกนายกฯ จากบัญชีแคนดิเดตที่เหลืออยู่ อาทิ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร,นายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย หรือ นายอนุทิน ชาญวีรกุล จากพรรคภูมิใจไทย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ประเมินผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย มองเป็น Negative surprise ที่เกิดขึ้นในตลาด คงจะต้องมาดูว่าการรวมคะแนนเสียงเพื่อเลือกนายกฯคนถัดไป พร้อมกับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะกินเวลายาวนานแค่ไหน หากเกิดขึ้นได้เร็วภายในไตรมาสที่ 3 นี้ เชื่อว่าผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยคงจะมีไม่มากนัก แต่หากสถานการณ์มีความยืดเยื้อจนกระทั่งเกิดสุญญากาศทางการเมืองไปถึงไตรมาสที่ 4 ประเมินตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเผชิญกับภาวะ Political risk premium ที่สูงขึ้นได้
หากออกมาในรูปแบบนี้ มีโอกาสที่คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนต่างๆจะถูกปรับลงอีกระลอกหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มที่อิงกับ Domestic demand ซึ่งจะถูกบั่นทอนจาก ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง การชะลอการลงทุนของภาคธุรกิจ และการเบิกจ่ายภาครัฐที่ล่าช้าออกไป ไม่นับรวมกับสายตาของนักลงทุนต่างชาติที่เบื่อหน่ายกับภาพการเมืองไทยที่มักมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
“ในกรณีนี้ เราอาจจำเป็นต้องปรับลดสมมติฐาน EPS ของตลาดลง จนกระทบกับระดับดัชนี SET ที่เหมาะสม ซึ่งหมายถึงระดับแนวรับสำคัญที่ 1270 จุด ก็จะถูกกดต่ำลงมาโดยอัตโนมัติ และอาจต้องระวังกลุ่มค้าปลีกที่มีโอกาสได้รับ Sentiment เชิงลบจากความคาดหวังมาตรการ Digital Wallet ที่น้อยลง”นายณัฐชาต กล่าวในที่สุด