news-details
Business

“ทยา-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ”ผนึก 3 พันธมิตรตระกูลดัง งัดแลนด์แบงก์ 300 ไร่ผุดบ้านหรูลักชัวรี แบรนด์“Wisdom First Residence” รวมมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท

กลุ่ม “ทีปสุวรรณ”ต่อยอดความสำเร็จโครงการ “Wisdom Valley” และโรงเรียนนานาชาติรักบี้ ผนึก 3 พันธมิตรตระกูลดัง นำที่ดิน 300 ไร่ พัฒนาบ้านหรูระดับลักชัวรี ภายใต้แบรนด์ “Wisdom First Residence”แบ่งเป็น 10 เฟส รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท นำร่องเฟสแรก 47 ยูนิต ราคาตั้งแต่ 19.5-29.8 ล้านบาท เปิดขาย 2 เดือน ยอดขายพุ่งแล้ว 13 ยูนิต พบสัดส่วน 80% เป็นผู้ปกครองนักเรียนต่างชาติ คาดส่งมอบบ้านเฟสแรกในปลายปี 68 มั่นใจตอบโจทย์จุดหมายปลายทางผู้ที่ต้องการบ้านพักตากอากาศใกล้ชิดธรรมชาติ

 

นางทยา ทีปสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิสดอม พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลมีการบูมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic. Corridor : EEC)ด้วยการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยได้สิทธิพิเศษในการลงทุน ส่งผลให้ตนและสามี คือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นำที่ดินสะสมของครอบครัว “ทีปสุวรรณ” บริเวณ ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่ซื้อไว้นานประมาณ 30 ปี พื้นที่รวมประมาณ 1,400 ไร่ (ปัจจุบันราคาซื้อขายที่ดินย่านดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 5-6 ล้านบาท/ไร่) โดยนำที่ดินประมาณ 190 ไร่มาบุกเบิกพัฒนาโรงเรียนนานาชาติรักบี้(Rugby School) ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติแบบสหศึกษาเอกชนของอังกฤษ ปัจจุบันมีนักเรียนประมาณเกือบ 1,200 คน โดยเน้นนักเรียนที่เป็นคนไทยสัดส่วน 45%% และต่างชาติ 55% โดยนักเรียนที่เป็นชาวต่างชาติจะเน้นชาติละไม่เกิน 15% ซึ่งขณะนี้ชาติที่มาเรียนมากสุดคือ จีน รองลงมาคือ อังกฤษ โดยหากเป็นนักเรียนประจำ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาท/คน/ปี หากไม่ใช่นักเรียนประจำ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 600,000-700,000 บาท/คน/ปี และคาดว่าภายในระยะเวลา 2 ปีจากนี้จะสามารถรองรับนักเรียนได้เต็มพิกัด 1,400 คน

“ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติทั่วประเทศรวมประมาณ 193 แห่ง แต่ละแห่งมีนักเรียนตั้งแต่ 300-2,000 คน ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯก็มีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ค่อยฟื้นตัว และหากผู้ปกครองนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่ม Top-Tier ก็จะลำบากแน่นอน ในส่วนพื้นที่ภาคตะวันออกที่มีหลักสูตรใกล้เคียงกับโรงเรียนนานาชาติรักบี้ มีเพียง 2 แห่ง คือ โรงเรียนนานาชาติรีเจ้นท์ พัทยา และ โรงเรียนนานาชาติ เซนต์แอนดรูวส์ กรีนวัลเลย์ จ.ระยอง เท่านั้น ซึ่งโรงแรมของเราก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ปกครอง”นางทยา กล่าว

นางทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่มีนักเรียนมาเรียนที่โรงเรียนนานาชาติรักบี้ เป็นจำนวนมาก และผู้ปกครองที่เป็นชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะทำงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ก็มีความต้องการที่จะหาซื้อที่อยู่อาศัยใกล้โรงเรียนของบุตร-หลาน โดยที่ไม่ต้องเดินทางไกล ซึ่งตนได้มองเห็นเทรนด์ดังกล่าว จึงเกิดความคิดที่จะนำที่ดินอีก 300 ไร่ มาพัฒนาในส่วนของที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มพันธมิตรอีก 3 กลุ่ม โดยตนและสามี ถือหุ้นใหญ่สุด 55% ,กลุ่มนายชาญวิทย์ วิภูศิริ บุตรชายนายอัศวิน วิภูศิริ อดีตนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สัดส่วน 30% ,กลุ่มนายจตน์​ โศภิษฐ์พงศธร ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล “ศรีเฟื่องฟุ้ง” สัดส่วน 10% และพลเอกวินัย ภัททิยกุล สัดส่วน 5% และก่อตั้ง บริษัท วิสดอม พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ขึ้นมาพัฒนาโครงการ “Wisdom First Residence” ตั้งอยู่ภายในโครงการ Wisdom Valley  ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทางเข้าสนามพีระเซอร์กิต พัทยา 

โดยโครงการWisdom First Residence”กำหนดพัฒนาเป็นบ้านหรูระดับลักชัวรี ทั้งหมด 10 เฟส รวมมูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท โดยเฟสแรกได้พัฒนาบนพื้นที่ 28 ไร่ เป็นบ้านหรู จำนวน 3 รูปแบบ ขนาดตั้งแต่ 315-511 ตารางเมตร ราคาตั้งแต่ 19.5-29.8 ล้านบาท จำนวน 47 ยูนิต โดยมอบหมายให้บริษัท เน็กซัส พรอพเพอตี้ คอนซัลแทนท์ จำกัด เป็นผู้บริหารงานขาย ซึ่งเปิดขายได้ประมาณ 2 เดือน มียอดขายแล้ว  13 ยูนิต เป็นลูกค้าต่างประเทศ 11 ยูนิต และคนไทย 2 ยูนิต ในจำนวนดัวกล่าวสัดส่วน 80% เป็นผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนนานาชาติรักบี้ คาดว่าในปลายปี 2567 นี้จะสามารถส่งมอบให้ลูกค้าได้ประมาณ 10 ยูนิต และจะสามารถส่งมอบทั้ง 47 ยูนิตได้ภายในปลายปี 2568  นอกจากนี้บริษัทยังนำที่ดินอีก 22 ไร่ พัฒนาเป็น Clubhouse  มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท อีกด้วย

 

“ปัจจุบันการเติบโตของสังคมเมืองและเศรษฐกิจทำให้ชีวิตเร่งรีบ แข่งกับเวลา ซึ่งตอบโจทย์เป้าหมายด้านความมั่นคง แต่ในอีกด้านหนึ่งคุณภาพชีวิตที่สมดุลกับการใช้เวลากับครอบครัวอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเติมเต็มและชาร์จพลังให้ชีวิตอีกครั้ง ซึ่งการบาลานซ์ทั้งสองด้านคือจุดที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตมีความยั่งยืนทั้งนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดโครงการ Wisdom Valley ตามแนวทางที่ต้องการเติมเต็มการใช้ชีวิตทุกมิติ และมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า รวมถึงการสร้างจุดเด่นที่แตกต่างเหนือคู่แข่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเชื่อว่าโครงการ Wisdom First Residence บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาบ้านพักใกล้กรุงเทพฯ ใกล้สถานศึกษา และใกล้ชิดธรรมชาติ นอกจากนี้ ดีมานด์ตลาดบ้านระดับลักชัวรี ในจังหวัดชลบุรีมีสัญญาณการขยายตัวต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เพราะลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูงที่มองหาอสังหาริมทรัพย์ระดับคุณภาพ ประกอบกับดีมานด์ตลาดต่างชาติยังคงสูง อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่อยู่พื้นที่ EEC ทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยของประชากรจริงและประชากรแฝงอย่างต่อเนื่อง”นางทยา กล่าว

นางทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังมีที่ดินที่เหลือจากการพัฒนาอีกประมาณ 700 ไร่ ซึ่งยังเป็นที่ดินผืนป่าอยู่  ซึ่งยังไม่มีนโยบายจะนำมาพัฒนาเพิ่ม และการที่ตระกูล “ศรีวิกรม์”ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาธุรกิจโรงแรม แล้วจะสนใจที่จะพัฒนาโรงแรมในที่ดินแปลงดังกล่าวหรือไม่นั้น ตนมองว่าหากในอนาคตโครงการได้รับการตอบรับดี และมีดีมานด์ต้องการโรงแรม ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะนำที่ดินบางส่วนมาพัฒนาในรูปแบบของโรงแรมในอนาคต

 

“ภาพรวมตลาดอสังหาฯในช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่ามา ค่อนข้างซบเซา แม้ว่าซัปพลายในภาคตะวันออกจะค่อนข้างมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่าง ขณะที่โครงการ Wisdom First Residence’ เป็นบ้านระดับลักชัวรี ซึ่งมองว่าด้วยศักยภาพของโครงการ เราจึงต้องการให้เป็นจุดหมายปลายทางของผู้ที่ต้องการบ้านพักตากอากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติ จึงมั่นใจว่าโครงการนี้จะต้องตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทย-ต่างชาติ และผู้ปกครองนักเรียนอย่างแน่นอน”นางทยา กล่าวในที่สุด

 

 

 

 

You can share this post!