บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE กำลังเป็นที่จับตามองในวงการไบโอเทคของไทย ด้วยการยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO 268 ล้านหุ้น เพื่อขยายธุรกิจที่ไม่เพียงแค่การจัดเก็บและเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิด แต่ยังนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างระบบจัดเก็บเซลล์รากผมและการใช้หุ่นยนต์ในการจัดการเซลล์ ซึ่งจะนำบริษัทก้าวสู่การเป็นผู้นำในเอเชีย
"ธุรกิจไบโอเทค" ในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะด้านการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่เป็นหัวใจของการรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ การเพาะเลี้ยงและจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell Banking นั้นกลายเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านการรักษาโรคเรื้อรัง การฟื้นฟูร่างกาย หรือแม้แต่การชะลอวัย
"MEDEZE" ได้ครองตลาดนี้มาเป็นเวลากว่า 14 ปี ที่สำคัญยังเป็นเบอร์ 1 ในเมืองไทย 7 ปีซ้อน และเบอร์ 1 ในภูมิภาคอาเซียน 4 ปีซ้อน และวางเป้าอีก 10 ก้าวสู่เบอร์ 1 แห่งเอเชีย โดยมีบริการครอบคลุมตั้งแต่การคัดแยกเพาะเลี้ยงเซลล์ไปจนถึงการจัดเก็บระยะยาวกว่า 30 ปี ผ่านบริษัทย่อยหลายแห่งในเครือ เช่น บริษัท เมดีซ เอ็นเค จำกัด ที่มุ่งเน้นด้านการทดสอบศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน หรือ NK Cells และบริษัท เมดีซ คอสเมซูติคอล จำกัด ที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามและอาหารเสริม
FULL MAX มีโอกาสจับเข่าคุย “นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์“ CEO คนเก่งของ MEDEZE เพื่อให้คนไทยได้รู้จักกับธุรกิจไบโอเทคได้อยากลึกซึ้งมากขึ้น
Q : คุณหมอวีรพล ช่วยเล่าถึงความเป็นมาของบริษัท MEDEZE และสิ่งที่ทำให้บริษัทมีความโดดเด่นในตลาดการให้บริการด้าน Stem Cells และ NK Cells ได้ไหมครับ?
Q : แน่นอนครับ บริษัท เมดีซ กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นผู้ให้บริการด้านการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cells ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในอนาคตของการรักษาโรค เรามีประสบการณ์ในธุรกิจนี้มากว่า 14 ปี สิ่งที่ทำให้เรามีความโดดเด่นคือการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยในการจัดเก็บและเพาะเลี้ยงเซลล์ผ่านการบริหารจัดการที่ครบวงจร ตั้งแต่การตรวจศักยภาพของเซลล์ภูมิคุ้มกัน NK Cells ไปจนถึงการพัฒนาเชิงทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพ
Q : นวัตกรรมอะไรบ้างที่ MEDEZE ใช้ในการดำเนินงาน และบริษัทมีแผนการขยายตัวอย่างไรในอนาคต?
A : เรามีระบบการแช่แข็งเซลล์ด้วยถังไนโตรเจนเหลวที่ทันสมัย และเครื่องมืออย่าง AutoXpress ซึ่งใช้ในการคัดแยกเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตอัตโนมัติ อีกทั้งยังมี Quantum ซึ่งเป็นเครื่องเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดชนิดมีเซนไคมอล นอกจากนี้ เรายังได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลจาก AABB และ U.S.FDA ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความปลอดภัยและคุณภาพของการจัดเก็บและการเพาะเลี้ยงเซลล์ ในอนาคต เรามีแผนที่จะขยายธุรกิจด้านเซลล์รากผม หรือ Hair Follicle Cell Bank ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่เกิดขึ้นมากขึ้นในผู้สูงวัย
Q : ในฐานะผู้นำในวงการนี้ คุณหมอคิดว่าอะไรคือความท้าทายที่สำคัญของธุรกิจเซลล์ต้นกำเนิดในประเทศไทย?
A : ความท้าทายที่สำคัญคือความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับการเก็บและใช้เซลล์ต้นกำเนิด หลายคนยังไม่ทราบว่าเซลล์เหล่านี้มีประโยชน์มากแค่ไหนในการรักษาโรคต่างๆ เราต้องสร้างความเข้าใจและความมั่นใจในความปลอดภัยของการใช้เทคโนโลยีนี้ อีกทั้งเรายังต้องการให้ผู้บริโภคเห็นความสำคัญของการลงทุนในการเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิดเพื่ออนาคตของสุขภาพ
Q : ผลการดำเนินงานในช่วงปี 2564-2566 ของ MEDEZE มีผลลัพธ์ที่ดีมาก อยากทราบว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง?
A : การเติบโตของเรามาจากการที่เรามีเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับโรงพยาบาลกว่า 228 แห่งในประเทศ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในกระบวนการจัดเก็บและเพาะเลี้ยงเซลล์ ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของเรา นอกจากนี้ การขยายตัวไปสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ เมียนมา อินโดนีเซีย และกัมพูชา ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ผลประกอบการของเราในปี 2566 อยู่ที่รายได้รวม 701.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิถึง 239.57 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงการเติบโตที่มั่นคงของบริษัท
Q : ขอทราบถึงแผนการระดมทุนครั้งนี้ว่ามีความสำคัญอย่างไรต่อทิศทางการเติบโตของ MEDEZE
A : การระดมทุนผ่าน IPO ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ MEDEZE ขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการจัดเก็บเซลล์รากผมและการนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยจัดเก็บเซลล์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เรามุ่งมั่นพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในอนาคต และช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น
Q : โครงการจัดเก็บเซลล์รากผมเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่คุณหมอเน้นย้ำ อยากให้เล่าเพิ่มเติมว่ามีความสำคัญอย่างไร
A : เซลล์รากผมเป็นนวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงในการช่วยบรรเทาปัญหาด้านเส้นผมและหนังศีรษะ ซึ่งในอนาคตเราคาดว่าจะมีลูกค้ากลุ่มผู้สูงวัยและผู้ที่มีปัญหาผมร่วงมากขึ้น การพัฒนาโครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขยายขอบเขตของ MEDEZE ในด้านการสนับสนุนการแพทย์เฉพาะทาง
Q : MEDEZE มีเป้าหมายอะไรต่อไปหลังจากระดมทุนเสร็จสิ้น?
A : เราตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมไบโอเทคในเอเชีย โดยจะยังคงมุ่งมั่นในด้านการวิจัยและพัฒนา พร้อมทั้งเพิ่มความสามารถในการให้บริการด้านธนาคารเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งไม่เพียงแต่ในประเทศไทย เรายังมองถึงการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศเวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
Q : สุดท้ายนี้ คุณหมออยากฝากอะไรถึงผู้สนใจในการเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิดไหมคะ?
A : การเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิดเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากในระยะยาว เนื่องจากเซลล์เหล่านี้สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต นอกจากนี้ เรายังมุ่งเน้นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้การจัดเก็บเซลล์ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด หากท่านใดมีความสนใจ สามารถติดต่อเราได้ เรายินดีให้คำปรึกษาและข้อมูลที่จำเป็นครับ