news-details
Business

“สถาพร เอสเตท” พร้อมเปิดตัว“เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส” ชูจุดขายที่ดิน Freehold ด้าน “ไนท์แฟรงค์”เผยผลสำรวจ 10 ปี หลังรายใหญ่แห่ผุดบิ๊กโปรเจกต์ มูลค่ากว่า 3.3 แสนล้าน ดันราคาที่ดินพุ่ง 18% คนทำงน-บริษัทข้ามชาติทะลัก ส่งผลดีมานด์ที่อยู่อาศัยเพิ่ม

สถาพร เอสเตทฯเผยความคืบหน้า “เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส” ยอดขายพุ่งแล้ว 65% ชูจุดขายที่ดิน Freehold หนึ่ง ในสัดส่วนเกือบ 40% ย่านพระราม 4 เตรียมเปิดให้ชมห้องตัวอย่างบนตึกจริง วิวจริง วันที่ 19 ตุลาคม ศกนี้คาดทยอยโอนได้ในเดือนธ.ค.67 และปิดการขายได้ในปี 68 พร้อมเตรียมผุดโครงการใหม่ต่อเนื่อง ยังมีแลนด์แบงก์ในกทม.-ปริมณฑล-ตจว.อีกเพียบ ด้านไนท์แฟรงค์ ระบุย่านพระราม 4 ในช่วง 10 ปีเปลี่ยนโฉมจากอดีต รายใหญ่แห่ผุดบิ๊กมิกซ์ยูส รวมมูลค่ากว่า 330,000 ล้านบาท  ราคาที่ดินปรับสูงขึ้น 18% ดันกลุ่มคนทำงาน-บริษัทข้ามชาติอีกกว่า 100,000 คน ส่งผลความต้องการที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งงาน มั่นใจคอนโดฯฟรีโฮลด์ ตอบโจทย์

 

นายสุนทร สถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้าน และทาวน์โฮม เปิดเผยถึงความคืบหน้า โครงการ “เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส” (THE CROWN Residences)ถือเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ระดับลักชัวรี โครงการแรกหลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการรีเฟรชแบรนด์ (Brand Refresh) ภายใต้แนวคิดหลักในการดำเนินธุรกิจ คือ “PASSION FOR LIVING WELL” โดยใส่ใจและให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ผสมผสานกับการพัฒนาเทคโนโลยี และการนำนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า

 

โครงการ “เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส” ตั้งอยู่ย่านพระราม 4 ถือเป็นที่ดิน Freehold หนึ่ง ในสัดส่วนเกือบ 40% ในย่านพระราม 4 ที่ส่วนใหญ่ที่ดินจะเป็นในรูปแบบของ Leasehold ที่เช่าระยะยาวจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โครงการดังกล่าว พัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียมไฮไรซ์ระดับลักชัวรี บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ สูง 32 ชั้น 1 อาคาร ให้ความเป็นส่วนตัวเพียง 178 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 6.9 - 25 ล้านบาทมูลค่าโครงการกว่า 2,200 ล้านบาท เตรียมเปิดให้ชมห้องตัวอย่างบนตึกจริง วิวจริง วันที่ 19 ตุลาคม 2567 นี้ โดยตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ท่ามกลาง New Global Landmark Destination ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 65% ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย ในสัดส่วนประมาณ 70% และต่างชาติ ประมาณ 30% ส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป ไต้หวัน ฮ่องกง และจีน โดยห้องขนาด 1 ห้องนอน ขนาด 25-27 ตารางเมตร สามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 25,000-27,000 บาท/ตารางเมตร โดยจะสามารถทยอยโอนได้ในเดือนธันวาคม 2567 และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปี 2568

“โครงการฯ เปิดตัวภายใต้แนวคิด ‘Own Your Crown’ ที่พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของ ภายใต้นิยามใหม่ของการใช้ชีวิตเหนือระดับใจกลางเมือง แต่ใกล้ชิดสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของเมือง ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยอดมงกุฏ จึงออกแบบให้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อยู่บนชั้น 32 ซึ่งสูงที่สุดของตัวโครงการ เพื่อให้ได้พักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศวิวสวนและวิวโค้งน้ำบางกระเจ้า แบบ 270 องศา พร้อมสรรพด้วยส่วนกลางที่รองรับไลฟ์สไตล์การพักผ่อนใจกลางเมืองใหญ่ ทั้ง Starry Night Rooftop Riverview พื้นที่ชั้นดาดฟ้าที่สามารถชมวิวสวนสาธารณะได้แบบพาโนรามา, Starry Night Infinite Pool สระว่ายน้ำ ไร้ขอบ มาพร้อม Aqua Sunken Seat สระจากุซซี่เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ รวมไปถึง Crystal Lounge ที่ประกอบด้วยฟังก์ชันรองรับการใช้งานตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น Crown Bar, All-Day Dining, Fitness Club และ Lounge ทั้งฝั่ง Parkside & Riverside ซึ่งทั้งหมดล้วนถูกดีไซน์ให้เปิดมุมมองด้วยกระจกรอบด้าน ทำให้ได้บรรยากาศของการพักผ่อนที่โปร่งโล่ง และผ่อนคลาย อีกทั้งพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด ได้มีการเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์ร่วมกับแบรนด์ชนินทร์ (CHANINTR) ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ชั้นนำของประเทศไทย นอกจากนี้ โครงการฯ ยังมีบริการพิเศษระดับโรงแรม (Concierge Services) ไม่ว่าจะเป็นบริการต้อนรับคอยดูแลอำนวยความสะดวก, บริการขนสัมภาระ คอยช่วยยกกระเป๋าดูแลลูกบ้าน, บริการรถขนของ สำหรับลูกบ้านย้ายเข้า, บริการทำความสะอาด, บริการรับและส่งพัสดุหรืออาหารเดลิเวอรี่จากหน้าคอนโด, บริการพนักงานอำนวยความสะดวก, บริการเรียกรถแท็กซี่ให้กับลูกบ้าน เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตสุดเอ็กซ์คลูซีฟได้อย่างแท้จริง” นายสุนทร กล่าว

 

นายสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2568 บริษัทฯยังมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีแลนด์แบงก์สะสมอยู่อีกหลายแปลง อาทิ ย่านสุขุมวิท 50 จำนวน 1 ไร่เศษ, ย่านแพรกษา จำนวน 8 ไร่,ย่านรังสิต คลอง 4 จำนวน 26 ไร่,ย่านเขาใหญ่ (ถ.ธนะรัชต์ กม. 14) จำนวน 71 ไร่,ย่านโชคชัย-นครราชสีมา จำนวน 62 ไร่ และย่านหาดแม่รำพึง จ.ระยอง จำนวน 6 ไร่  รวมทั้งจะเป็นที่ดินแปลงใหม่ที่ซื้อมาด้วย ส่วนรายละเอียดต่างๆยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้

 

นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์(ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่โครงการ “เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส” เปิดตัวมาได้เกือบ 3 ปี ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงวิกฤติโควิด-19 แต่ก็สามารถได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งโครงการตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 มีระยะทางทั้งหมดประมาณ 9.6 กิโลเมตร โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ค.ศ. 2014-2024) พบว่าถนนดังกล่าวจะมีความคล้ายคลึงกับย่านสยาม (ถนนพระราม1-พญาไท ช่วงห้างฯMBK ) ที่ที่ดินส่วนใหญ่จะเป็น Leasehold ที่เช่าระยะยาวจากสำนักงานทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหลังจากที่มีผู้ประกอบการหลายรายมีการพัฒนาโครงการระดับมิกซ์ยูสขึ้นมาเป็นจำนวนมาก อาทิ สามย่านมิตรทาวน์, ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค, วัน แบงค็อก, สีลมเอจ ,เอฟวายไอ เซ็นเตอร์ และเดอะ ปาร์ค พระราม 4  เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นโครงการระดับพรีเมียม คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 330,000 ล้านบาท

 

โดยเฉพาะในปี 2569 (ค.ศ.2026) วัน แบงค็อก จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการและเต็มรูปแบบ รวมพื้นที่กว่า 180,000 ตารางเมตร รวมไปถึงโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ก็จะทำให้มีกลุ่มคนทำงานเข้ามาในพื้นที่อีกกว่า 100,000 คน ขณะที่ในปี 2567 จะมีพนักงานทำงานในย่านพระราม 4 รวมหลายหมื่นคน รวมไปถึงจะมีบริษัทข้ามชาติเข้ามาเช่าสำนักงานแห่งใหม่อีกเป็นจำนวนมาก และหากภาครัฐจะมีการลงทุนท่าเรือคลองเตยให้เป็น “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์​” ก็จะเป็นการเปลี่ยนโฉมย่านพระราม 4 ไปอย่างมาก

 

“จากการที่มีโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ดีมานด์มีความต้องการที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าของโครงการและที่ดินในย่านพระราม 4 จากเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินอยู่ที่ประมาณ 960,000 บาท/ตารางวา ปัจจุบันพุ่งขึ้นไปที่ 3 ล้านบาท/ตารางวา หรือปรับขึ้นมาประมาณ 18% ดังนั้นจะทำให้ในปี 2569 ถนนย่านพระราม 4 เปลี่ยนโฉมไปเป็นอย่างมาก” นายณํฏฐา กล่าว

 

นายณัฏฐา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการซื้อใบจองโครงการในย่านใจกลางเมืองนั้น ในปัจจุบันแทบจะไม่เหลือแล้ว และส่วนใหญ่เมื่อซื้อแล้วจะถือครองอยู่อย่างน้อย 5 ปี จึงจะปล่อยขาย ซึ่งโครงการ “เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส” ถือว่ามีจุดเด่นในเรื่องเป็นที่ดิน Freehold ถือเป็นส่วนน้อยมากในย่านพระราม 4 เพราะสัดส่วนกว่า 60% จะเป็นที่ดินเช่าระยะยาวจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 65% ส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อลงทุนประมาณ 55 % และซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองประมาณ 45% ปัจจุบันมีการปรับราคาขายขึ้นมาอยู่ที่ 270,000-300,000 บาท/ตารางเมตร จากที่เปิดขายครั้งแรก ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 230,000 บาท/ตารางเมตร ปรับขึ้นมาประมาณ 30% มั่นใจว่าโครงการดังกล่าวนับจากนี้ไปจะได้รับการตอบรับจากดีมานด์เป็นอย่างมาก

 

You can share this post!