news-details
Business

The Residences at Dusit Central Park ที่พักอาศัย Ultra Luxury ย่านพระราม 4 – สีลม ชูจุดขาย “Branded Residences” แบรนด์ไทยระดับโลก เตรียมขึ้นแท่นหนึ่งในโครงการที่อัตราผลตอบแทนการลงทุนอันดับต้นของกรุงเทพฯ

 

วิมานสุริยา  ผู้พัฒนา Dusit Central Park โครงการมิกซ์ยูส  ระดับโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Here for Bangkok และผู้พัฒนา The Residences at Dusit Central Park โครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี่ที่ดีที่สุดใน Super Core CBD ผนึกพันธมิตร UOB Thailand และ CBRE Thailand จัดงาน Timeless Wealth: A Long-term Investment in Ultra-luxury Residences จากสถิติของ CBRE พบว่า โครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่รูปแบบ Branded Residences มียอดขายอยู่ที่ 90% โดยมียูนิตที่นำไปปล่อยเช่าและได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (Yield) สูงถึง 7.9% ต่อปี

นางสาวละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนา “Dusit Central Park”โครงการมิกซ์ยูส ระดับโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Here for Bangkok และผู้พัฒนา The Residences at Dusit Central Park โครงการที่อยู่อาศัยระดับUltra-luxury Residences ที่ดีที่สุดใน Super Core CBD เปิดเผยว่าThe Residences at Dusit Central Park ได้ศึกษาแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะที่พักอาศัยใจกลางเมืองระดับอัลตร้าลักชัวรี จนพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าสามารถสร้างยอดขายระหว่างการก่อสร้างกว่า 85% ด้วยการพัฒนาตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ใช้สอย รูปแบบห้องที่หลากหลาย และขนาดที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงการพัฒนาโครงการเหนือระดับและสอดคล้องกับทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับอัลตร้าลักซูรีที่ บริษัทฯ จึงได้จัดงานสัมมนา Timeless Wealth: A Long-term Investment in Ultra-Luxury Residences ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญ UOB Thailand และ CBRE Thailand เพื่อนำเสนอข้อมูลสำหรับการลงทุนในระยะยาวในอสังหาริมทรัพย์ระดับ Ultra-luxury Residences – Branded Residences ที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน

ซึ่งแน่นอนว่า Dusit Central Park เป็นโครงการมิกซ์ยูสที่น่าจับตามองมากที่สุด โดยเฉพาะองค์ประกอบสำคัญอย่าง โครงการที่พักอาศัย The Residences at Dusit Central Park ที่พร้อมนำเสนอความน่าสนใจของการใช้ชีวิตผ่านการออกแบบที่ไม่เหมือนใครเป็นอาคารพักอาศัยสูง 69 ชั้น 406 ห้อง แบ่งเป็น “ดุสิต เรสซิเดนเซส“ (Dusit Residences) เริ่มที่ชั้น 30 - 69 ด้วยสไตล์ Classic Luxury ร่วมสมัย สุขุม อบอุ่นเหมือนบ้านหลังใหญ่ แต่สอดแทรกไว้ด้วยรายละเอียดการออกแบบที่ประณีตตามซิกเนเจอร์ของดุสิตธานี เน้นไปที่ห้องพักขนาดใหญ่ 2 - 4 ห้องนอน และเพนท์เฮ้าส์ พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 118 - 900 ตารางเมตร โดดเด่นด้วยวิวของพื้นที่สีเขียวชอุ่มขนาดใหญ่แบบเต็มตาอย่างสวนลุมพินี และ “ดุสิต พาร์คไซด์ (Dusit Parkside)”เริ่มที่ชั้น 9 - 29 นำเสนอความโดดเด่นด้วยการออกแบบร่วมสมัยแบบ Lifestyle Luxury หรูหรา แต่ยังคงโมเดิร์นเรียบเท่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีชีวิตชีวา นำเสนอห้องชุดขนาด 1 - 2 ห้องนอน และห้อง Special Units มอบพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 55 - 250 ตารางเมตร มาพร้อมเอกลักษณ์การบริการแบบ Gracious Hospitality จากดุสิตธานี ซึ่งเป็นไอคอนสำคัญของประเทศไทยมาใช้เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับผู้อยู่อาศัยทุกชีวิต และประสบการณ์ลีฟวิ่งไลฟ์สไตล์ด้วยศูนย์การค้า (Central Park) อาคารสำนักงานให้เช่า (Central Park Offices) และโรงแรมระดับ 5 ดาว อย่างโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ (Dusit Thani Bangkok) ที่เปิดให้บริการแล้วในวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งทุกอาคารสามารถมองเห็นวิวสวนลุมพินีได้อย่างเต็มตา พร้อมสิ่งสำคัญที่นับว่าเป็นไฮไลต์อีกจุดที่น่าสนใจกับ Roof Park พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) ที่มีดีไซน์โดดเด่นเชื่อมต่อมุมมองให้เป็นหนึ่งเดียวกับสวนลุมพินี พร้อมออกแบบพื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายทั้งเพลิดเพลินกับการชมวิว การจัดกิจกรรมสันทนาการ รวมถึงการออกกำลังกาย

“อย่างไรก็ตาม จากการสัมมนา Timeless Wealth: A Long-term Investment in Ultra-Luxury Residences พบว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี พ.ศ. 2567 ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตในกลุ่ม Branded Residences มีทิศทางที่ชัดเจนและเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก และโครงการคอนโดมิเนียม The Residences at Dusit Central Park จะเป็นโครงการสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดระดับบนที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว และยังเป็นการยกระดับมาตรฐานของโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับ Ultra-luxury Residences ของประเทศไทยทั้งในปัจจุบันและต่อไปในอนาคต” นางสาวละเอียด กล่าว

นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จํากัด หรือ CBRE Thailand กล่าวว่า ภาพรวมตลาดที่พักอาศัย ในครึ่งแรกของปี 2567 โครงการคอนโดมิเนียมระดับซัวเปอร์ลักชัวรี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในโครงการที่สร้างแล้วเสร็จทำเลใจกลางเมือง (Downtown) มียอดขายเฉลี่ยสูงถึงกว่า 93% โดยเฉพาะบริเวณเซ็นทรัล ลุมพินี และสีลม-สาทร มียอดขายกว่า 96% และ 94% ตามลำดับ ขณะที่โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี มียอดขายสูงถึง 86% ซึ่งสูงกว่าเซกเมนต์อื่นในทำเลเดียวกัน ซึ่งเมื่อพิจารณาโดยละเอียดจะพบว่า โครงการที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี ที่บริหารโดยเครือโรงแรมระดับห้าดาว หรือ Branded Residences มียอดขายเฉลี่ยสูงถึง 90% และหากมองในแง่การลงทุนโครงการที่พักอาศัยในรูปแบบนี้ จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (Yield) ที่สูงกว่าเซกเมนต์อื่นๆ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้โครงการรูปแบบนี้ประสบความสำเร็จอย่างดี ได้แก่ ทำเลที่ตั้งที่อยู่ใน Prime Location ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง การออกแบบให้ได้ตามมาตรฐานของแบรนด์ ดีไซน์ที่ร่วมสมัย พร้อมเซอร์วิสระดับห้าดาว และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยโครงการที่ครบองค์ประกอบเหล่านี้ มีอยู่เพียงจำนวนน้อย จึงเป็นที่ต้องการในตลาดเช่าอย่างมาก โดยปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นผู้เช่าชาวต่างชาติอยู่ที่ร้อยละ 90 และผู้เช่าชาวไทยร้อยละ 10 ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงการปล่อยเช่าโครงการบนทำเล Super Core CBD และเซกเมนท์นี้พบว่ามีดีมานด์ที่สูงจากกลุ่มผู้เช่าที่มองหาที่พักอาศัยที่ดีที่สุดที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของตัวโครงการและเซอร์วิสซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าระดับบนต้องการ จึงสามารถสร้างผลตอบแทนต่อการลงทุน (Yield) ได้สูงถึง 7.9% ต่อปี ทั้งนี้เมื่อเทียบกับทำเลอื่นใน  CBD ทำเลนี้ยังสามารถปล่อยเช่าได้สูงถึง 2,000 บาทต่อตารางเมตร

ด้าน นางสาวกุลฉัตร จันทวิมล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปัจจุบันแนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุน ดังนั้น ควรแบ่งเงินลงทุนเพื่อสะสมและต่อยอดความมั่งคั่งในระยะยาวออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ พอร์ตลงทุนหลัก (Core Portfolio)คือการลงทุนด้วยกลยุทธ์บริหารเชิงรุก มีความยืดหยุ่นสูง ผ่านหลักการจัดการลงทุนอย่างเป็นระบบแบบ Risk-based approach เพื่อกระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์ ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการควบคุมความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน และพอร์ตลงทุนเสริม (Satellite portfolio) โดยแบ่งการลงทุนในหุ้นเติบโต (Growth Stock) ตราสารหนี้ และการลงทุนทางเลือก อาทิ กองทุนทางเลือกที่มีกลยุทธ์ซื้อขายสกุลเงินหลักของโลก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หรือการเลือกซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า เป็นต้น โดยธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มีสินเชื่อบ้านสำหรับลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง (Privilege Banking) ที่มีความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ลูกค้าจะได้รับอัตราดอกเบี้ยและบริการพิเศษจากธนาคาร โดยธนาคารมีวงเงินสินเชื่อบ้านหลากหลายประเภท รวมถึงวงเงินสินเชื่อ UOB Cash to Home – สินเชื่อบ้านอเนกประสงค์ ซึ่งเป็นการนำทรัพย์ปลอดภาระมาเป็นหลักประกัน เพื่อขอวงเงินตามวัตถุประสงค์ของลูกค้าภายใต้เงื่อนไขของธนาคาร และเพื่อให้ลูกค้าได้รับคำปรึกษาจากผู้เชียวชาญทางการเงิน บริหารเงินได้อย่างมั่นใจ ธนาคารพร้อมเป็นที่ปรึกษาการให้บริการธุรกรรมทางการเงินในทุกมิติทางการเงิน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารทุกสาขาของยูโอบี”หมายเหตุ: กู้เท่าที่จำเป็น และชำระคืนไหว สินเชื่อบ้านยูโอบี อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาปัจจุบันอยู่ที่ 6.13% ถึง 7.15% ต่อปี* สินเชื่อ UOB Cash To Home อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาปัจจุบันอยู่ที่ 7.21% ถึง 7.29% ต่อปี* *อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร ณ ขณะนั้นๆ สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 4 ต.ค. 2567 = 8.80% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ รายละเอียดการคำนวณและข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมดูได้จากเว็บไซต์ธนาคาร www.uob.co.th

 

เกี่ยวกับโครงการ Dusit Central Park

โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (Dusit Central Park) เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วมทุนระหว่าง บมจ.ดุสิตธานี และบมจ.เซ็นทรัลพัฒนา มูลค่าโครงการรวม 46,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการบนพื้นที่ 23 ไร่ บริเวณหัวมุมถนนสีลม ตรงข้ามสวนลุมพินี สุดยอดทำเลดีที่สุด ใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร ในโครงการประกอบด้วย โรงแรม อาคารที่พักอาศัย อาคารสำนักงานและศูนย์การค้า โดยมี Roof Park สวนสาธารณะบนชั้นดาดฟ้าเป็นพื้นที่สีเขียวพิเศษขนาดใหญ่ 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) ใช้เป็นพื้นที่สาธารณะ ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการส่วนแรกตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2567 เป็นต้นไป

You can share this post!