news-details
Business

AOT เดินหน้าลุยงาน World Route 2024 ที่บาห์เรน เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทย

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT นำโดย นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด พร้อมด้วยผู้บริหารและทีมงานจากท่าอากาศยานต่างๆ ของ AOT เข้าร่วมการประชุม “The 29th World Route Development Forum” (World Route 2024) ณ Bahrain International Exhibition & Convention Centre ในเมืองมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน ระหว่างเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นงานเจรจาธุรกิจการบินที่สำคัญที่รวบรวมผู้แทนจากสายการบิน ท่าอากาศยาน และองค์กรด้านการท่องเที่ยวจากทั่วโลกกว่า 730 หน่วยงาน

เสริมแกร่งตลาดการบินและท่องเที่ยวไทย

การเข้าร่วมงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญคือการเพิ่มรายได้จากกิจการการบิน (Aeronautical Revenue) รวมถึงการเพิ่มเส้นทางบินใหม่และความถี่เที่ยวบินในเส้นทางเดิมมายังท่าอากาศยานของ AOT ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาล

เจรจากับสายการบินและท่าอากาศยานระดับโลก

ในงานนี้ AOT ได้ทำการตลาดเชิงรุก โดยการเจรจากับสายการบินชั้นนำจากหลากหลายประเทศ อาทิ สายการบินอินดิโก (IndiGo) จากอินเดีย สายการบินสกู๊ต (Scoot) จากสิงคโปร์ และแอร์เอเชียแคมโบเดีย (AirAsia Cambodia) จากกัมพูชา รวมถึงการส่งเสริมการเชื่อมต่อเส้นทางบินกับท่าอากาศยานระดับโลก เช่น ท่าอากาศยานลอนดอน ฮีทโธรว์ ท่าอากาศยานอิสตัลบูล และท่าอากาศยานเวียนนา

ดึงดูดสายการบินใหม่สู่ท่าอากาศยานรอง

อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญคือการดึงดูดสายการบินให้เปิดเส้นทางบินใหม่มายังท่าอากาศยานที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในระดับสากล เช่น ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายและท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยการสนับสนุนการตลาดและการจัดสรรงบประมาณ Marketing Fund สำหรับส่งเสริมการเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ก็ได้รับความสนใจจากผู้แทนสายการบินหลายแห่ง ซึ่งจะช่วยขยายการตลาดในภาคเหนือของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

การสนับสนุนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ

การเข้าร่วมงาน World Route 2024 ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ไม่เพียงแต่จะเพิ่มโอกาสในการค้าและการลงทุนเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการสร้างงาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน

การเจรจาธุรกิจการบินในครั้งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับท่าอากาศยานของ AOT และเพิ่มศักยภาพการขนส่งทางอากาศของประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการเชื่อมโยงเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในที่สุด

You can share this post!