news-details
Business

บาท "แข็งค่า" เปิดเช้านี้ 33.66 บาท/ดอลลาร์ จับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาส 3

เงินบาท “แข็งค่าขึ้น” เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.66 บาท/ดอลลาร์ กรุงไทย คาดวันนี้จะอยู่ที่ 33.55-33.80 บาท/ดอลลาร์ จับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาสที่ 3 และแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.66 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.77 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down (กรอบการเคลื่อนไหว 33.65-33.80 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำจนทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-Time High) นอกจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน โดยยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ลดลงสู่ระดับ 7.44 ล้านตำแหน่ง แย่กว่าคาด ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 108.7 จุด ดีกว่าคาดไปมาก ก็ทำให้เงินดอลลาร์ไม่สามารถปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ ก่อนจะทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด

ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ชะลอลงแถวโซนแนวรับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันดิบจากผู้เล่นในตลาด หลังราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงระยะสั้น จากความกังวลผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางต่ออุปทานน้ำมันดิบที่ทยอยคลี่คลายลง

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงาน คาดการณ์ครั้งแรกของอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 รวมถึงรายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนและการประท้วงหยุดงานในช่วงเดือนตุลาคม ทำให้ยอดการจ้างงานภาคเอกชนมีโอกาสลดลงต่ำกว่าระดับ 1 แสนราย ได้ ลดลงจากยอดการจ้างงานในเดือนกันยายน +1.4 แสนราย พอสมควร

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ผ่านรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 3 เช่นกัน พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ย ECB

และในฝั่งไทย เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม การส่งสัญญาณต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ผ่านงานสัมนา Monetary Policy Forum ซึ่งทาง BOT อาจมีการลงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจและการตัดสินใจลดดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด

นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Microsoft และ Meta ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงคืนที่ผ่านมาได้ทำให้เงินบาทมีโอกาสชะลอการอ่อนค่าลงบ้าง และเงินบาทก็อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเงินบาทยังคงมีโซนแนวต้านแถว 33.85 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับแรกจะอยู่ในช่วง 33.65 บาทต่อดอลลาร์ และมีแนวรับถัดไปแถว 33.50 บาทต่อดอลลาร์

เราประเมินว่า แม้เงินบาทจะพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งก็อาจยังไม่เห็นการปรับฐานของราคาทองคำที่ชัดเจน ต่อเนื่องและรุนแรง จนกว่าตลาดจะรับรู้ทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ข้อมูลตลาดแรงงาน และผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ทว่า ควรระวังความผันผวนของราคาทองคำ ที่จะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาท ดังจะเห็นในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำก็มีจังหวะย่อตัวลงพอสมควร ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นกลับสู่ระดับก่อนย่อตัวลงได้ ทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร นอกจากนี้ เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากบรรดานักลงทุนต่างชาติก็ยังมีโอกาสทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม อีกทั้ง ในช่วงนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดอย่างฝั่งผู้นำเข้าต่างก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ ในจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง และที่สำคัญ เงินดอลลาร์ก็พร้อมจะกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกได้ ตามการเพิ่มสถานะของผู้เล่นในตลาดให้สอดคล้องกับธีม Trump Trades

อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังเสี่ยงเผชิญความผันผวนแบบ Two-Way Volatility ซึ่งจะขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หลังรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเราขอย้ำว่า ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อาจมีความผันผวนและอาจเห็นภาพการจ้างงานที่ลดลงพอสมควรจากเดือนกันยายน ได้ เนื่องจากผลกระทบของทั้งพายุเฮอริเคนและการประท้วงหยุดงาน

ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงในตลาด ลักษณะ Two-Way Volatility ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงการปรับมุมมองต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางไปมา ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.55-33.80 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)

You can share this post!