กลุ่มลิปตพัลลภ เผยสนลงทุนธุรกิจสวนน้ำใน Entertainment Complex รูปแบบร่วมทุน ระบุต้องดูความชัดเจนภาครัฐและรอการทาบทามจากกลุ่มทุนหลัก แย้มแผนลงทุนปี 68 ชะลอการเทกโอเวอร์ หันผุดโครงการใหม่ รวมมูลค่า 9,000 ล้านบาท โดยเฉพาะแนวราบจ่อพัฒนาบ้านเดี่ยวลักชัวรี่ ย่านนนทบุรี ปูพรมตามแผนโรดแมป ปี 68-69 ดันยอดขาย-รายได้ขึ้นสถิติสูงสุด ด้าน “เวหา หัวหิน”ยอดพุ่งแล้ว 65% หรือ 1,500 ล้านบาท คาดก่อสร้างแล้วเสร็จ-ปิดขายปี 68 ล่าสุดจัดโปรโมชั่นส่งท้ายปี “PAY LESS GET MORE”จ่าย 5,000 บาท รับคืนสูงสุด 1,000,000 บาท เดือนมกราคม-มีนาคม 2568 เตรียมเหมาโบกี้รถไฟ SRT Royal Blossom ให้ผู้สนใจนั่งทริปพิเศษฟรีทุก Weekend หวังเปิดประสบการณ์ใหม่ชมทางเชื่อมรร.-คอนโดฯ-สถานีรถไฟหนองแก สู่ฝั่งเขาตะเกียบ ระยะทางเพียง 700 เมตร
นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า จากการที่นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหารบริษัท พราว กรุ๊ป จำกัด ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่า มีความสนใจลงทุนโครงการ Entertainment Complex เนื่องจากบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมดังกล่าว ธุรกิจที่ดำเนินการจึงมีความเกี่ยวเนื่อง ซึ่งยอมรับว่า Entertainment Complex เป็นหนึ่งในแผนการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ของรัฐบาล แต่รูปแบบที่บริษัทฯจะเข้าไปดำเนินการ คงเป็นการเข้าไปร่วมลงทุน โดยบริษัทจะไม่ได้เป็นแกนหลักในลงทุน เนื่องจากศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทสามารถรองรับการบริการของโครงการ Entertainment ให้มีความครบวงจรมากขึ้น ด้วยความที่บริษัทดำเนินธุรกิจสวนน้ำ สวนสนุก ซึ่งปัจจุบันดำเนินการ สวนน้ำวานานาวา หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ สวนน้ำอันดามันดา จ.ภูเก็ต ประกอบกับในความเป็น Entertainment Complex ที่สวนน้ำสวนสนุก ก็เป็นหนึ่งในส่วนประกอบอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นอีกหนึ่งในโอกาสทางธุรกิจ แต่ก็ต้องรอดูความชัดเจนของโครงการจากภาครัฐก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มทุนไหนมาทาบทาม จึงยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทฯในปี 2568 นั้น คาดว่าไม่มีการเทกโอเวอร์แต่อย่างใด แต่จะเน้นการเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ โดยโครงการแนวราบนั้น จะพัฒนารูปแบบของบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ย่านนนทบุรี บนเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นอกจากการลงทุนที่มากขึ้นในปี 2568 แล้ว หากในไตรมาส 4/2567 บริษัทฯสามารถหาที่ดินมาเพิ่มเติมได้เร็ว ก็อาจจะทำให้ในปี 2568 มูลค่าการลงทุนอาจจะพุ่งไปที่ระดับหมื่นล้านบาทได้ เนื่องจากปี 2568 และ 2569 จะเป็นการเดินตามโรดแมปที่จะก้าวสู่การเติบโต (Growth) เนื่องจากในปี 2568 ทั้งยอดขายและรายได้จะทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท พราว กรุ๊ป จำกัด มาตั้งแต่ปี 2552 ส่วนบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด(มหาชน) เป็นการเข้าตลาดหลักทรัพย์แบบ Backdoor Listing บริษัท โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ FOCUS เมื่อกลางปี 2562 ที่ผ่านมา
โดยในปี 2568 บริษัทฯจะเริ่มมียอดขายโครงการแนวราบที่จะเปิดตัวใหม่ และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม “เวหา หัวหิน” ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ที่สูงจากการรับรู้รายได้จากโครงการที่บริษัทพราวฯเข้าไปซื้อโครงการคอนโดฯ นิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) จากบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE และยอดรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดฯเวหา หัวหิน ที่ตามแผนจะรับรู้รายได้เกือบทั้งหมดในปลายปี 2568 จากที่ในปีนี้ตัวเลขรายได้รวมของพราวฯ อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าโครงการ “เวหา หัวหิน” (VEHHA Hua Hin) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่เศษ จากที่ดินทั้งหมด 35 ไร่ ที่แบ่งเป็นในส่วนของสวนน้ำ “วานา นาวา หัวหิน” ประมาณ 15-20 ไร่ และโรงแรม “ฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา หัวหิน” ประมาณ 5 ไร่ เป็นคอนโดฯสูง 31 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 28-349 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 3.69 ล้านบาท หรือ ราคาเฉลี่ย 145,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 364 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,289 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 65% หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากลูกค้าคนไทย สัดส่วน 55%,ชาวยุโรป 33% ,เอเชีย 6% ,สหรัฐอเมริกา 3% ,ตะวันออกกลาง 2% และออสเตรเลีย 1% คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ทั้งหมดภายในปี 2568 ด้านการก่อสร้างก็จะเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ได้ในไตรมาส 2/2568 เร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ที่ไตรมาส 3/2568 ล่าสุดได้จัดโปรโมชั่นส่งท้ายปี “PAY LESS GET MORE”จ่าย 5,000 บาท รับคืนสูงสุด 1,000,000 บาท สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของโครงการเวหา หัวหิน (VEHHA Hua Hin)
ส่วนความคืบหน้าหลังลงนามทำสัญญาพัฒนาพื้นที่ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อดำเนินการก่อสร้างเส้นทางเดินเชื่อมต่อระหว่างโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา หัวหิน และสถานีรถไฟหนองแก เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าพักของโรงแรม ให้สามารถใช้ประโยชน์จากทางเชื่อมต่อนี้ในการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยใช้เวลาที่น้อยลงเมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์ในเส้นทางปกติ ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อการให้บริการที่ยอดเยี่ยมของโรงแรมแล้ว ยังให้ประโยชน์ทางอ้อม ทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศได้ นอกจากนั้น ยังเป็นการเพิ่มทางเลือกและความสะดวกสบายในการเดินทางระหว่างจังหวัดด้วยรถไฟ ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเพื่อการท่องเที่ยว โดยสามารถเดินทางด้วยรถไฟสายใต้มาลงที่สถานีรถไฟหนองแก และใช้ทางเชื่อมต่อนี้เพื่อเดินเข้ามายังโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา หัวหิน ได้ทันที ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา
“การเซ็นสัญญากับรฟท.ในครั้งนี้ พราว กรุ๊ป ได้ทำสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี ใน 3 ส่วนด้วยกัน คือ ทางเชื่อมระหว่างโรงแรมและสถานีหนองแก ,การปรับทัศนียภาพ และเพิ่มหลังคา และสามารถเชื่อจากหัวถนนหัวหินซอย 4 จากโรงแรมไปยังสถานีรถไฟและสู่ทะเลเขาตะเกียบในระยะเพียง 700 เมตร หรือเดิน 15 นาที ใกล้ตลาดชิคาด้า ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกมากมาย นับเป็นการเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยในมิติใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ” นางสาวพราวพุธ กล่าว
และในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 บริษัทฯได้เหมาโบกี้รถไฟSRT Royal Blossom ซึ่งรฟท.ทำการปรับปรุงหลังได้รับมอบจากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันปรับปรุงเสร็จสิ้นแล้ว 5 คัน จากจำนวนทั้งหมด 10 คัน และเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยบริษัทจะทำการทดลองให้ผู้สนใจเดินทางมาเปิดประสบการณ์ที่สถานีหนองแก ด้วยทริปพิเศษ จำนวน 80 ที่นั่งในทุก Weekend เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยผู้สนใจสามารถจองผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ ได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROU กล่าวว่า ปัจจุบันการเปิดตัวโครงการประเภทคอนโดมิเนียม ในทำเลหัวหิน มีบ้างเช่นกัน แต่ยอดขายไม่สูงเท่าโครงการ “เวหา หัวหิน” เนื่องจากทุกยูนิตของโครงการจะเป็นวิวทะเล และการออกบบล้วนตอบโจทย์ลูกค้า ขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่น ราคาจะค่อนข้างสูง และไม่ได้เห็นวิวทะเลทุกยูนิต ซึ่งโครงการ “เวหา หัวหิน”เปิดขายมาประมาณ 1 ปีครึ่ง ปรับราคาไม่ค่อยมาก เพราะมีราคาขายที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว โดยห้องขนาด 1 ห้องนอนจะได้รับการตอบรับมากที่สุด ในขณะที่ชาวต่างชาติกลุ่มยุโรปและอเมริกา จะชอบห้องขนาดใหญ่ หรือเพนท์เฮาส์ ซึ่งปิดการขายในส่วนนี้ไปแล้ว ซึ่งสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ก็ทำให้หัวหินได้รับอานิสงส์ มีชาวรัสเซียหันมาซื้อคอนโดฯมากขึ้น จึงทำให้ยอดขายของโครงการ “เวหา หัวหิน” จากเดิมที่ตั้งเป้าเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนไทย ก็ปรับมามีลูกค้าต่างชาติที่มากขึ้น คาดว่าเมื่อปิดการขายในปี 2568 จะมีสัดส่วนชาวต่างชาติเต็มโควตาที่ 45% อย่างแน่นอน
“ปัจจุบันที่ดินติดทะเลในหัวหินเริ่มหายากมากขึ้น แลนด์ลอร์ดเดิมไม่ค่อยปล่อยขาย หรืออาจจะบอกขายในราคาที่สูงแต่ไม่คิดจะขายจริง ที่ผ่านมาเคยมีนายหน้ามาเสนอขายที่ดินติดทะเลให้กับบริษัทฯ ราคาอยู่ที่ประมาณ 120 ล้านบาท/ ไร่ แต่เราก็ไม่ได้ซื้อ เพราะราคาค่อนข้างสูง ขณะที่ที่ดินในย่านหนองแก ซึ่งในรัศมีเดียวกับโครงการเวหา หัวหิน และติดถนนเพชรเกษม ราคาที่ดินจะอยู่ที่ประมาณ 45 ล้านบาท/ไร่” นายภูมิพัฒน์ กล่าวในที่สุด