เสนาฯหวั่นหากทรัมป์ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ ไทยมีโอกาสและความเสี่ยง จากจีนเช่นกัน ส่วนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%ช่วยผู้บริโภคลดภาระค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่มีความมั่นใจ ล่าสุดเตรียมเปิดตัว“นิช ไพรด์ เอกมัย”มูลค่า 6,000 ล้านบาท ชูจุดขายคอนโดฯโลว์คาร์บอน กับการนำเทคโนโลยี “Zeroboard” มาคำนวณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นต์ โดยระบุได้ว่าผู้อยู่อาศัยในแต่ละยูนิตสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ปริมาณเท่าใด พร้อมนำร่องโครงการแรกเปิดโอกาสเลี้ยงสัตว์ได้ คาดสิ้นปี 67 ดันยอดขายพุ่ง 40% และแล้วเสร็จปี 69
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัดหรือ SENA เปิดเผยว่า สถานการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 นี้ ถือว่าเป็นวันที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาก่อนหน้านี้ และหากนายทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็จะมี 2 เรื่องที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง คือ
1.การ Untie ขึ้นภาษีสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีน และหากประเทศไทยมี Supply Chain ที่ผลิตให้จีน ก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะจะทำให้ต้นทุนแพงขึ้น
2.ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย ที่สหรัฐฯจะหันมามาสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยแทน
ส่วนการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% นั้น มองว่าจะช่วยทำให้ต้นทุนการเงินลด เป็นผลดีกับการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงด้วย และยังช่วยให้ ผู้บริโภคมีภาระการจ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประชาชนยังไม่มีความมั่นใจที่จะซื้อของขนาดใหญ่ อย่างอสังหาริมทรัพย์ แต่หวังว่าในช่วงต้นปี 2568 อาจจะได้เห็นการฟื้นตัวและความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ “นิช ไพรด์ เอกมัย”( Niche Pride Ekkamai )อย่างเป็นทางการ โดยโครงการดังกล่าวเดิมจะพัฒนาอีกแบรนด์หนึ่ง แต่เมื่อประสบปัญหาจากวิกฤติโควิด-19 จึงปิดการขายก่อน และปรับรูปแบบและแบรนด์ใหม่ หันมาใช้ “นิช ไพรด์”ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับบนแทน เป็นคอนโดฯที่ร่วมทุนระหว่าง เสนาดีเวลลอปเม้นท์ฯ และ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ตั้งอยู่บนพื้นที่ 4 ไร่เศษ จำนวน 2 อาคาร สูง 38 และ 39 ชั้น จำนวนทั้งหมด 879 ยูนิต รวมมูลค่า 6,000 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟส ภายใต้แนวคิด “UNIMAGINABLY LIFE ชีวิตเกินจินตนาการใจกลางเอกมัย” มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่หลากหลาย โดยเปิด Private Residential Zone ในทาวเวอร์ A ซึ่งเป็นเฟสแรก เน้นให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด
มีขนาดตั้งแต่ 28.5-62 ตารางเมตร ราคาตั้งแต่ 4.99-15 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 168,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 382 ยูนิต ซึ่งทดลองเปิดขายมาตั้งแต่เมื่อกลางปี 2567 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 30% โดยเป็นลูกค้าคนไทย 50% และต่างชาติ 50% ได้แก่ จีน ไต้หวัน รัสเซีย เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และเมียนมา เป็นต้น และจะเปิดขายรอบ VVIP DAY พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ในวันที่ 16 – 17 พฤศจิกายน 2567 ลูกค้าที่สนใจลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ รับส่วนลดสูงสุด 300,000 บาท คาดว่าจนถึงปลายปี 2567 ยอดขายจะอยู่ที่ประมาณ 40% ด้านการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569
“เสนา มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่และส่งมอบที่พักอาศัยคุณภาพ ตามแนวคิด SENA Low Carbon ที่เน้นตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม โดยส่งเสริมการอยู่อาศัยแบบ Decarbonized Lifestyle ที่ทำให้การรักษ์โลกและการรักตัวเองเป็นเรื่องเดียวกัน เพียงใช้ชีวิตตามปกติ ก็สามารถลดคาร์บอนได้ง่ายๆ ราวกับได้ปลูกต้นไม้ทุกวัน โครงการ นิช ไพรด์ เอกมัย(Niche Pride Ekkamai) ซึ่งเป็นคอนโดฯโลว์คาร์บอนพรีเมียมแห่งแรกของเสนาฯและเป็นครั้งแรกที่นำเทคโนโลยี “Zeroboard” มาช่วยคำนวณค่าการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นต์ โดยสามารถระบุได้ว่าห้องพักแต่ละห้องในคอนโดช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากน้อยเพียงใด ตามขนาดพื้นที่ห้องที่แตกต่างกัน เสนาฯให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่ส่งเสริมวิถีชีวิตแบบ Decarbonized Lifestyle เพื่อให้ลูกบ้านมีส่วนร่วมในการรักษ์โลกในทุก ๆ วัน โดยยังคงความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ในทุกไลฟ์สไตล์”ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
อีกทั้งยังเป็นโครงการดังกล่าวยังเป็นคอนโดฯแห่งแรกของเสนาฯที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด โดยนำร่องก่อน 4 ชั้น คือ ชั้น 12A,20/22 และ 30 รวม 68 ยูนิต โดยแต่ละยูนิตออกแบบให้ผนังมีความหนา ระเบียงปิดกั้นมิดชิด อีกทั้งมีเครื่องปรับอากาศแบบนาโน ที่ดักกลิ่นสัตว์เลี้ยงและแบคทีเรียได้ รวมไปถึงติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ด้วย โดยที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี
“อีกไฮไลท์เด่นของโครงการคือส่วนกลางลอยฟ้าแบบ Sky Full Facilities หนึ่งเดียวในย่านเอกมัย บนพื้นที่สีเขียวรวมกว่า 7,000 ตารางเมตร ครบครันด้วย Sky Infinity Edge Pool, Sky Fitness, Yoga & Dancing Studio, Mini Theater, Spa Room, Sky Bar & Co-Kitchen และ Sky Lounge ที่มองเห็นวิวเมืองแบบพาโนรามา ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังมี Elite Service บริการระดับโรงแรมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสบการณ์การอยู่อาศัยที่พรีเมียม โครงการยังรองรับผู้พักอาศัยที่มีสัตว์เลี้ยงด้วยชั้นพักอาศัยพิเศษที่ออกแบบให้สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ พร้อมฟีเจอร์ที่เป็นมิตรต่อทั้งเจ้าของ และสัตว์เลี้ยง (Pet Allowed) รวมถึงที่จอดรถซึ่งมากถึง 63% ของยูนิตทั้งหมด พร้อมด้วย V-Move Smart Mobility concept นวัตกรรมที่ใช้รถพลังงานไฟฟ้าเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ เช่น BTS เอกมัยและทองหล่อ”ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
ทั้งนี้ นิช ไพรด์ เอกมัย (Niche Pride Ekkamai) ยังโดดเด่นด้วย Smart Features ตอบสนองการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้แก่:
-Smart Energy ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วย Solar Rooftop ในพื้นที่ส่วนกลางและจุดชาร์จ EV Charger มากถึง 6 จุด
-Smart Mobility เพิ่มความสะดวกในการเดินทางด้วยบริการ V-Move รถรับส่งพลังงานไฟฟ้า เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางสาธารณะและแหล่งไลฟ์สไตล์ในย่านทองหล่อ เอกมัย
-Smart Living อำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต และเสริมสร้างความรู้ในการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ด้วยแอปพลิเคชัน SENA 360 สำหรับบริการหลังการขาย เชื่อมโยงทุกการจัดการเรื่องที่อยู่อาศัยไว้ในแอปเดียว เพื่อให้ลูกบ้านได้รับบริการสะดวก ง่ายยิ่งขึ้น
-Smart Environment ส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยระบบจัดการขยะ (Waste Management) ที่เน้นการแยกขยะ สวนที่ปลูกพรรณไม้ดูดซับ CO2 และการใช้วัสดุที่ลดการปล่อย CO2 เช่น Hydraulic Cement
ส่วนความคืบหน้าด้านนวัตกรรมทางการเงินแบบครบวงจร "LivNex เช่าออมบ้าน” (Pay like rent, Own like savings) ที่ไม่เคยมาก่อนในประเทศไทย โดยลูกค้าสามารถเลือกโครงการ SENA ที่ต้องการได้ โดยเป็นการทำสัญญา “เช่าออมบ้าน” ซึ่งเงินค่าเช่าที่ลูกบ้านจ่ายจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ เงินเช่าออมสะสม และเงินดอกเบี้ย โดยเสนาฯคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ 1.8% เท่านั้น สัญญามีระยะเวลา 3 ปี ค่าเช่ารายเดือนทุกเดือนจะถูกหักดอกเบี้ยและสะสมไว้ให้ลูกบ้านจนครบสัญญา หรือเมื่อพร้อมกู้เงินสินเชื่อ ลูกค้าจะสามารถซื้อบ้านได้ในราคาบ้านที่หักเงินเช่าออมสะสม อีกทั้งหากลูกค้าไม่สะดวกกับการอยู่ในโครงการนี้ สามารถโอนสิทธิ์เปลี่ยนมือได้อีกตามราคาที่ตกลงกับผู้เช่าออม หรือ ผู้ซื้อคนใหม่ จึงช่วยอำนวยความสะดวกกับลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย แต่ยังไม่พร้อมกู้ ช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของบ้านแบบใหม่ได้ง่ายๆ ด้วยการจ่ายค่าเช่าจะเท่ากับมีเงินออม ไว้หักเงินต้นเมื่อพร้อมกู้สินเชื่อบ้าน ไม่ต้องชำระเงินดาวน์ ไม่ต้องรออนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้จะคิดอัตราค่าเช่าเฉลี่ยที่ 4,100 บาทต่อเดือน ต่อราคาที่อยู่อาศัย 1 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับดี มีผู้สนใจจองแล้วกว่า 800 ราย แต่มีผู้ที่ผ่านการคัดเลือกสามารถซื้อได้จำนวน 400-500 ราย (ส่วนนี้จะบันทึกเป็นรายได้จากการเช่า) ซึ่งถือเป็นการเพิ่มพอร์ตการเช่าของบริษัทด้วย จากปัจจุบัน ที่มีสัดส่วนรายได้จากการเช่า 5% และล่าสุดเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่ามา ได้นำรูปแบบดังกล่าวมาใช้กับโครงการแนวราบด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้