แอสเซทไวส์ฯ ปรับแผนลงทุนปี 67 เพิ่มเป็น 13 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 36,820 ล้านบาท รับสัญญาณบวกจากการท่องเที่ยว กระแสดอบรับที่อยู่อาศัยใหม่ดี พร้อมรุกตลาดพัทยา-ภูเก็ต ต่อเนื่อง โค้งสุดท้ายไตรมาส 4/67 ประกาศผุด 4 โครงการใหม่ มั่นใจกลยุทธ์บุกน่านน้ำใหม่-แบรนด์แกร่ง-โอนดี หนุนรายได้ตามเป้า 8,700 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า ได้พิจารณาขยายแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2567 เพิ่มเป็น 13 โครงการ มูลค่าทั้งหมด 36,820 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 42% เมื่อเทียบจากแผนที่ประกาศไว้ช่วงต้นปีที่ประกาศเปิดตัว 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 25,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 22% ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับทิศทางของภาคการท่องเที่ยวที่ส่งสัญญาณบวกตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะภูเก็ตที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 9 เดือนแรกถึง 7.36 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.57% จากปีที่แล้ว และกระแสตอบรับที่ดีจากการเปิดตัวโครงการตามหัวเมืองท่องเที่ยวในช่วงก่อนหน้า บริษัทจึงเดินหน้าเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ เน้นเจาะทำเลหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทยอย่างพัทยาและภูเก็ตในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
ขณะที่ในไตรมาส 4/2567 บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 4 โครงการ ได้แก่
1.โครงการอควารัส จอมเทียน พัทยา (Aquarous Jomtien Pattaya) โครงการคอนโดมิเนียมหรูสไตล์ Luxurious Staycation Residence รวม 606 ยูนิต ใกล้ชายหาดจอมเทียน มูลค่า 5,000 ล้านบาท
2.เควาลอน (Kavalon) โครงการแคมปัสคอนโดใหม่ล่าสุด จำนวน 2,192 ยูนิต ทำเลดีติดรั้ว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เจาะกลุ่มนักศึกษา บุคลากร และนักลงทุน มูลค่า 4,500 ล้านบาท
3.เดอะ โมเดวา (THE MODEVA) โครงการ Leisure Residences รวม 859 ยูนิต บนทำเลศักยภาพ ใกล้หาดบางเทาเพียง 500 ม. มูลค่า 6,200 ล้านบาท
4.เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา (THE TITLE ARTRIO BANG-TAO) โครงการ Leisure Residences จำนวน 435 ยูนิต ติด Porto de Phuket และใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ มูลค่า 2,600 ล้านบาท
“กลยุทธ์ขยายเข้าสู่น่านน้ำใหม่ที่มีศักยภาพสูงอย่างภูเก็ต ความแข็งแกร่งของแบรนด์ต่างๆ ที่ ASW และ TITLE ช่วยกันพัฒนา จนลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติมั่นใจในคุณภาพ ทำให้เรามียอดขายและรักษาระดับการโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างดีในทุกโครงการ รวมถึงการเสริมพอร์ต Recurring Income ให้เติบโต ด้วยการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ทั้งหมดนี้จะช่วยผลักดันให้ ASW สามารถสร้างยอดขาย และทำรายได้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ได้อย่างแน่นอน” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย. 2567) บริษัทมีรายได้รวมทั้งหมด 7,800 ล้านบาท เติบโตขึ้น 63% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 (YoY) ส่งผลให้รายได้รวมขณะนี้คิดเป็น 90% ของเป้ารายได้ทั้งปี 2567 ซึ่งตั้งไว้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 114%
โครงการที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์โดดเด่นในไตรมาส 3/2567 ได้แก่ โครงการเคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) โครงการแคมปัสคอนโด ใกล้ ม.กรุงเทพ มูลค่า 3,500 ล้านบาท และโครงการเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) โครงการ Leisure Condominium ภายใต้การพัฒนาของบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE บริษัทย่อยในเครือ มูลค่า 1,537 ล้านบาท ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมียอดโอนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง 2 โครงการทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 ขณะที่ยอดขายสะสม 9 เดือนแรก บริษัทสามารถทำยอดพรีเซลจากโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหมดถึง 14,578 ล้านบาท เติบโต 24% เมื่อเทียบกับปี 2566 และคิดเป็น 82% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 17,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมประมาณ 23,070 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงให้ ASW เพื่อสร้างการรับรู้รายได้อย่างแข็งแกร่งไปจนถึงปี 2569
อนึ่ง บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 71 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA), แบรนด์ ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR), แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมถึงแบรนด์ภายใต้ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 103,366 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 53 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 18 โครงการ และ ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 23,070 ล้านบาท