news-details
Business

ก้าวใหม่สนามบินไทย เป้าหมายติด TOP20 ของโลก พร้อมตั้งเป้ารองรับผู้โดยสาร 200 ล้านคนต่อปี

สนามบินในประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง ด้วยแผนพัฒนาครั้งใหญ่ที่กระทรวงคมนาคมกำลังผลักดันอย่างเต็มกำลัง โดยมีเป้าหมายให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถติดอันดับท็อป 20 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลกภายใน 5 ปี ไม่เพียงเท่านั้นยังมุ่งสู่การเป็นสนามบินสีเขียวและเตรียมเปิดตัวเป็นศูนย์กลางเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดการบินทั่วโลก นับเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ของระบบการบินไทย

เทคโนโลยีใหม่เพื่อผู้โดยสารสะดวกขึ้น

การพัฒนาระยะเร่งด่วนที่กระทรวงคมนาคมริเริ่มนั้น มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการบริการผู้โดยสาร เพื่อให้การเดินทางเป็นประสบการณ์ที่ดีขึ้น ด้วยการติดตั้ง Auto Gate ที่ทำให้การผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองราบรื่นกว่าเดิม รวมถึงระบบไบโอเมตริกที่จะช่วยยืนยันตัวตนได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ทุกการพัฒนานี้ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับบริการที่รวดเร็ว ลดเวลารอคอย และทำให้การเดินทางเป็นเรื่องง่ายดาย

ปั้นสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสาร 200 ล้านคนต่อปี

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เผยถึงความมุ่งมั่นในการขยายขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้รองรับผู้โดยสารได้ 200 ล้านคนภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยการขยายอาคารผู้โดยสารหลักทิศตะวันออก (East Expansion) จะเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้อีก 15 ล้านคน ขณะที่แผนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทิศใต้ (South Terminal) จะช่วยรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 70 ล้านคน ทั้งหมดนี้คือความพยายามที่จะก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมและตอบรับความต้องการการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้น

เรียนรู้ "ชางงี" พัฒนาสนามบินไทย

เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปตามเป้าหมาย ทอท. ได้ประสานงานกับ Changi Airport Group จากสิงคโปร์ หนึ่งในสนามบินที่มีความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการและประสบความสำเร็จในการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ดีเยี่ยม การร่วมมือกันนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่ไทยจะได้รับองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการพัฒนาทั้งด้านการจัดการผู้โดยสาร การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้โดยสารทุกคน

ผุดโมเดลสนามบินสีเขียว

อีกหนึ่งแผนพัฒนาที่ไม่เพียงแค่พัฒนาการบิน แต่ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม คือการเปลี่ยนให้สนามบินในไทยเป็นสนามบินสีเขียว (Green Airport) ด้วยการนำพลังงานสะอาดเข้ามาใช้ และยังวางแผนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบิน สนามบินไทยมีแผนการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อผลิตพลังงานสะอาดและตั้งเป้าให้การใช้พลังงานในช่วงกลางวันเป็นศูนย์ภายใน 3 ปีข้างหน้า

บริการเช็กอินล่วงหน้า 24 ชั่วโมง

ไม่เพียงแต่โครงสร้างที่ขยายขึ้นและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง แต่ยังรวมถึงการให้บริการใหม่ๆ เช่น ระบบเช็กอินล่วงหน้า (Early Check-in) ซึ่งจะเปิดให้ทุกสายการบินสามารถเช็กอินล่วงหน้าได้ 24 ชั่วโมง ช่วยลดความแออัดและเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสาร นอกจากนี้ยังมีการเปิดพื้นที่ Co-working Space ภายในสนามบินและสนามเด็กเล่น ที่จะเป็นสถานที่พักผ่อนและทำงานในบรรยากาศสนามบินได้อย่างมีสไตล์

ก้าวใหม่ของสนามบินไทยครั้งนี้ไม่เพียงเพื่อให้ทัดเทียมสนามบินระดับโลก แต่ยังหมายถึงการเปลี่ยนวิถีการเดินทางที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สนามบินไทยในอนาคตอันใกล้จะไม่ใช่แค่ที่พักพิงของผู้เดินทาง แต่จะเป็นศูนย์กลางการเดินทางที่ครบวงจรและยั่งยืนพร้อมยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้ดีขึ้นในทุกมิติ

You can share this post!