InnovestX มองหุ้นไทย ปัจจัยลบกดดันดัชนี มองแนวรับ 1,440 และ 1,430 จุด ด้านการฟื้นตัวยังจำกัด ให้แนวต้านอยู่ที่ 1,450-1,460 จุด ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนต.ค. ในคืนนี้
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13พ.ย.) ปัจจัยลบยังกดดันดัชนี โดยดอลลาร์แข็งค่า กดดันเงินบาทอ่อนค่ายังเป็นลบต่อทิศทาง Fund Flow รวมถึง Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น สร้าง Sentiment ลบต่อตลาด ให้ปรับตัวลงได้ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,440 และ 1,430 จุด ตามลำดับ ด้านการฟื้นตัวยังถูกจำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1,450-1,460 จุด ประเด็นสำคัญ ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนต.ค. ในคืนนี้
ประเด็นสำคัญ
• นายกฯ นัดถกบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรก 19 พ.ย.นี้ เตรียมถกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งต่อยอดมาตราการเดิมและมาตราการใหม่ที่จะลงลึกรายละเอียดมากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน
• ครม. เห็นชอบ 2 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แบ่งเป็นมาตรการสินเชื่อ 1.5 หมื่นลบ. ช่วยคนรายได้น้อยแก้หนี้นอกระบบ และมาตรการสินเชื่อ "ซื้อ แต่ง ซ่อม สร้างบ้าน" กระตุ้นอสังหาฯ อีก 5.5 หมื่นลบ.
• สมาคมโรงแรมไทยเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่พักแรม ต.ค. 2567 พบธุรกิจโรงแรมปรับดีขึ้นสะท้อนจากอัตราเข้าพักอยู่ที่ 58% เพิ่มขึ้นจาก ก.ย. 2567 และ ก.ย. 2566 ตามฤดูกาลท่องเที่ยว โดย 4Q67 คาดดัชนีความเชื่อมั่นดีขึ้นรับอากาศเย็น-ไฮซีซั่นปีใหม่
• โอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2567 และปี 2568 เหลือวันละ 1.82 ล้านบาร์เรล และ 1.54 ล้านบาร์เรล ลดลงจาก 1.93 ล้านบาร์เรล และ 1.64 ล้านบาร์เรลที่มีการคาดการณ์ใน ต.ค. ตามลำดับ ซึ่งเป็นการปรับลดอุปสงค์เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือน พ.ย.
• จีนเผยยอดปล่อยกู้ใหม่ ต.ค. ชะลอตัวลงเหลือเพียง 5 แสนล้านหยวน ต่ำกว่าที่ตลาดคาด เทียบกับ ก.ย. ที่ 1.59 ล้านล้านหยวน กดดันจากความต้องการระดมทุนภาคเอกชนที่ต่ำและความสามารถทำกำไรที่ลดลง
• รมช. คลังโต้ความเห็นจากสื่อต่างประเทศที่ระบุว่าบาทอ่อนค่ามากที่สุดในเอเชียเนื่องจากความกังวลต่อความอิสระของธปท. แต่มองว่าปัจจัยส่วนใหญ่มาจากภายนอกเป็นหลัก เช่น ผลการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐฯ
• นายกฯ ญี่ปุ่นจะเตรียมงบราว 10 ล้านล้านเยน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI ในระยะ 10 ปีข้างหน้า เพื่อเร่งการเติบโตของการลงทุนทั้งในภาครัฐและเอกชน
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideways Up โดยปัจจัยลบที่มีต่อเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศมีค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ดีคาดเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะยังชะลอตัวลง ทำให้แนวโน้มกาปรับลดดอกเบี้ยยังไม่เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงความชัดเจนในการดำเนินนโยบายของทรัมป์ซึ่งเป็นปธน. สหรัฐฯ หลังการเลือกตั้งน่าจะยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดยังคงปรับตัวขึ้นต่อไป ทั้งนี้ผลกระทบจากความคาดหวังของนโยบบายรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจมหาภาคจะทำให้ตลาดมีความผันผวนสูงและอาจจะส่งผลกับทิศทาง Fund Flow โดยเฉพาะนโยบายระหว่างประเทศที่มีต่อจีน ส่วนปัจจัยในประเทศคาดจะถูกขับเคลื่อนด้วยการเข้าสู่ช่วงโค้งสัปดาห์สุดท้ายของการประกาศงบ 3Q67 กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
Top Picks
CPF: 3Q67 คาดกำไรปกติที่ 6.3 พันลบ. เติบโตดีที่สุดในกลุ่มอาหาร หนุนจากราคาสัตว์บกต่างประเทศและในประเทศที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ระดับต่ำ นอกจากนี้ยังมี Upside มากที่สุดในกลุ่มจากวงจรการปรับลดดอกเบี้ยที่กำลังจะมาถึง และจะมี Downside จากการปรับขึ้นค่าแรงน้อยกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน
AU: 3Q67 กำไรทำนิวไฮและดีกว่าตลาดคาด ขณะที่ 4Q67 คาดยังเติบโตดี YoY หนุนให้ปี 2567 คาดมีกำไรโตเด่น 65%YoY และยังโตต่อ 18%YoY ในปี 2568 แรงหนุนมาหลักจากรับรู้ยอดขายจากช่องทางใหม่ๆ เช่น ยอดขายจากการบินไทยช่วง 1 ต.ค 2567 - 31 พ.ค. 2568 และยอดขายในร้าน 7-11 ซึ่งปีหน้ามีแผนวางสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งนี้วันนี้แนะนำซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 11.20 บาท