news-details
Business

“BAM” ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน 
เตรียมส่ง “อิสระ เดอะซีรีส์” ชวนลูกหนี้ ประนอมหนี้ – ดึงคนรุ่นใหม่ซื้อทรัพย์กับ BAM ลงสื่อโซเชียล

BAM หวั่นโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นแท่นประธานาธิบดีสหรัฐ มีผลกับการค้าทั่วโลก แนะผู้ประกอบการ SMEs ไทย-กลุ่มคอร์ปอเรท ปรับตัวรับมือสินค้าจีนทะลักเข้าไทย รัฐบาลต้องมีมาตรการออกช่วยเหลือ ด้านความคืบหน้า JV AMC “อรุณ” คาดได้รับทLicense ปลายปีนี้ ด้าน  ARI-AMC ลูกหนี้ที่บริหารแล้ว 100,000 ราย และภายในต้นปี 68 จะมีการโอนลูกหนี้เข้ามาเพิ่มอีก 400,000 ราย พร้อมโชว์ผลงาน 25 ปี แก้ไขหนี้เสียแล้วกว่า 160,000 ราย  เดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กรครั้งใหญ่ กางโรดแมปก้าวสู่ DIGITAL ENTERPRISE เต็มรูปแบบ BAM ได้วางเป้าหมายการ Transformation 3 ส่วน พร้อมยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เตรียมส่ง “BAM อิสระ เดอะซีรีส์” 2 เรื่อง ชวนลูกหนี้ ประนอมหนี้ – ดึงคนรุ่นใหม่ซื้อทรัพย์กับ BAM ออนแอร์ลงสื่อโซเชียลผ่านแพลตฟอร์ม Facebook, YouTube และ TikTok : BAM Thailandเริ่ม 18 พ.ย.นี้

นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยถึง ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2568 ว่า ยังไม่เห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนต้องรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อ นายโดนัลด์ ทรัมป์ มาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ว่ามีผลกับการค้าทั่วโลกหรือไม่ ดังนั้นผู้ประกอบการ SMEs ไทย และกลุ่มคอร์ปอเรท ก็ต้องมีการปรับตัวกับสินค้าจีนที่จะทะลักเข้ามาในประเทศไทย รัฐบาลต้องมีมาตรการออกช่วยเหลือ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยอยู่ได้

สำหรับภาพรวมของทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ในครึ่งปีแรก 2567 มียอดขายที่ดีมาก แต่เริ่มชะลอตัวลงในไตรมาส 3/2567 ซึ่งเชื่อว่าภาพรวมทั้งปียังไปได้

ส่วนแนวโนัมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทั้งระบบสถาบันการเงินในปี 2568 คาดว่ายังคงมีทิศทางเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ภาพยังไม่ชัดเจน แต่การเพิ่มขึ้นจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญของแต่ละสถาบันการเงิน ซึ่งบางแห่งตั้งสำรองฯไว้ค่อนข้างสูง หรือบางรายตั้งสำรองฯ ไม่ครบ ซึ่งมีผลต่อการตัดขายหนี้

“สภาวะเศรษฐกิจหลังวิกฤติ โควิด-19 ที่ผ่านมาเริ่มมีการฟื้นตัวแค่บางจังหวัด บางครั้งมองว่าลูกหนี้ต้องสละทรัพย์ เพื่อชำระหนี้ หากยื้อไว้จะไม่เหลืออะไรเลย ดังนั้นลูกหนี้ต้องมาคุยกับเจ้าหน้าที่ของ BAM เพื่อหาทางออกร่วมกัน อย่างไรก็ตามมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ค่อยๆปรับลดลง จะช่วยได้ แต่การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ และได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีนั้น ต้องดูว่า จะมีการกีดกันทางการค้าหรือไม่ หากผู้ที่ทำกิจการการค้าก็ต้องจับตาดูว่า ได้รับผลกระทบหรือไม่และต้องรีบปรับตัวให้ได้โดยเร็ว”นายบัณฑิต กล่าว

สำหรับความคืบหน้าในส่วนของบริษัทร่วมทุนบริหารสินทรัพย์ หรือ JV AMC ในส่วนของธนาคารกสิกรไทย ภายใต้ชื่อ “อรุณ” นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปี 2567 จะได้รับสิทธิบัตรใบอนุญาตตามกฎหมาย(License) เนื่องจากตามประกาศของธปท.จะให้บริษัทขอจัดตั้งจนถึงสิ้นปี 2567 และภายหลังได้รับสิทธิบัตรใบอนุญาตตามกฎหมาย(License) ให้บริษัทสามารถซื้อขายทรัพย์ และบริหารทรัพย์ได้ทันที

ขณะที่บริษัทร่วมทุนกับธนาคารออมสิน ภายใต้ชื่อ “บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด“ หรือ ARI-AMC ที่มีวัตถุประสงค์หลักเป็นธุรกิจเพื่อสังคมโดยมีกำไรในระดับที่เหมาะสม เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งที่เป็นNPLsและNPAได้เข้ากระบวนการปรับโครงสร้างหนี้หรือไกล่เกลี่ยหนี้มีโอกาส หลุดพ้นจากการเป็นผู้เสียประวัติทางเครดิตได้เร็วขึ้นกลับมาเป็นสถานะหนี้ผ่อนปกติหรือหนี้ปิดบัญชีจะทำให้สามารถ เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ในอนาคตและลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบนั้น ได้รับใบอนุญาต และเริ่มบริหารทรัพย์แล้ว ซึ่งมีทั้งหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน และมีหลักประกัน โดยที่ผ่านมามีลูกหนี้ที่บริหารแล้ว 100,000 ราย และภายในต้นปี 2568 จะมีการโอนลูกหนี้เข้ามาเพิ่มอีก 400,000 ราย อย่างไรก็ดี ในการบริหารหนี้ช่วงต้นจะมีต้นทุนในการบริหาร แต่คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนเร็วกว่าที่คาดไว้จากเดิม

นายบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือในลักษณะบริษัทร่วมทุน หรือ JV AMC นั้น ก็ยังมีการเจรจาเพิ่มเติมอีก ซึ่งมีพันธมิตรบางรายที่เพิ่งติดต่อเข้ามา ซึ่งก็ต้องยอมรับและแจ้งว่า Capacity ของ BAM นั้นมีจำกัด ทั้งในเรื่องของบุคลากรและความพร้อมของ BAM ทั้งนี้ภายในปลายปี 2567 หากการเจรจายังไม่แล้วเสร็จ เพราะต้องขออนุญาต License ก่อนในปลายปีนี้ และมองว่า การถึงจุดคุ้มทุนในส่วนของการลงทุนกับ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)นั้น อาจจะช้ากว่า เพราะเป็นหนี้ที่มีหลักประกัน เมื่อเทียบกับ “อารีย์” เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน

ทั้งนี้ BAM ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) มีภารกิจหลักคือการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ที่มีส่วนช่วยเหลือลูกหนี้และแก้ไขปัญหาให้กับสถาบันการเงิน ช่วยฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยพัฒนาทรัพย์สินรอการขายที่มีศักยภาพให้เป็นทรัพย์สินที่ได้มาตรฐาน และเป็นที่ต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น โดยเป็นองค์กรที่มีความพร้อมในการเข้าไปรับจัดการบริหารหนี้จากสถาบันการเงินทุกแห่ง และมุ่งมั่นเป็นองค์กรหลักในการพลิกฟื้นสินทรัพย์เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจ 25 ปี  BAM สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ให้ได้ข้อยุติจากการแก้ไขปัญหาหนี้เป็นจำนวนกว่า 160,000 ราย คิดเป็นภาระหนี้มีเงินต้นกว่า 480,000 ล้านบาท เปรียบเสมือนแก้มลิงที่ช่วยรองรับหนี้เสียไม่ให้ไหลเข้ามาท่วมระบบสถาบันการเงิน และสามารถจำหน่ายทรัพย์ไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 53,000 รายการ คิดเป็นราคาประเมินกว่า 123,000 ล้านบาท โดยเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจเกิดความยั่งยืนได้ต่อไป

ทั้งนี้ BAM มีนโยบายการดำเนินธุรกิจ เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ทุกรายเข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน ด้วยเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น ผ่านวิธีการต่างๆ เช่น การปรับลดหนี้ การโอนตีทรัพย์ชำระหนี้ การให้ลูกหนี้สามารถซื้อคืนทรัพย์หลักประกันได้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการต่างๆ ช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น “โครงการสุขใจได้บ้านคืน” ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของ BAM ที่ต้องการคืนทรัพย์หลักประกันทั้งที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินให้แก่ลูกหนี้ และในโอกาสครบรอบ 25 ปี BAM ได้เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ที่มีหลักประกันไม่เกิน 25 ล้านบาท ชำระหนี้เพียง 80% ของราคาประเมิน ในอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 25 เดือน ผ่อนชำระไม่เกิน 25 ปี และ“โครงการ BAM ช่วยฟื้นคืนธุรกิจ” สำหรับลูกหนี้กลุ่ม Startup และ SME ที่มีภาระเงินต้นต่อรายไม่เกิน 25ล้านบาท ชำระหนี้เพียง 80% ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 25 เดือน ผ่อนชำระไม่เกิน 25 ปี ขณะเดียวกัน BAM ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ 1 มิ.ย.-30 พ.ย. 2567 สำหรับลูกหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้และยังมีการผ่อนชำระอยู่

“BAM เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ทุกรายสามารถเข้ามาเจรจาประนอมหนี้เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน บนพื้นฐานการพิจารณาถึงความสามารถที่แท้จริง และกำลังการผ่อนชำระของลูกหนี้ เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งหากลูกหนี้ได้รับจดหมายเชิญเข้ามาประนอมหนี้กับ BAM โปรดอย่าลังเลที่จะตัดสินใจเข้ามาหา BAM เราจะดูแลลูกหนี้ทุกรายของเราเสมือนเป็นลูกค้าชั้นดีของธนาคารพาณิชย์” นายบัณฑิต กล่าว

ดร.ธนกร หวังพิพัฒน์วงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีซึ่งเป็น Mega Trend เข้ามามีบทบาทอย่างรวดเร็วในทุกภาคส่วน BAM ได้วางแนวทางขององค์กรฯ เพื่อให้ทันต่อธุรกิจในยุคดิจิทัล 4.0 โดยมีเป้าหมายการ Transformation 3 ส่วน ได้แก่

1.)Transformation for People มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ BAM ทั้งหมด ได้รับ"ประสบการณ์" ที่ดี เช่น การตั้งเป้าหมายให้ลูกค้าได้รับแผนประนอมหนี้ที่ตรงกับความต้องการและเงื่อนไขของตนเองให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็น การ Digitalization กระบวนการในการส่งจดหมาย Hello Letter หรือจดหมายเชิญประนอมหนี้ รวมไปถึงการจัดทำระบบ BAM Choice ซึ่งเป็นระบบ Mobile Application ที่ลูกหนี้สามารถเห็นแผนประนอมหนี้ที่เหมาะสมกับตนเอง ตลอดจนการขอเจรจาปรับเปลี่ยนแผนประนอมหนี้ผ่านทางออนไลน์ได้ ซึ่ง BAM Choice ยังอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการชำระเงินผ่านทางช่องทางออนไลน์ และจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าอีกด้วย ในปัจจุบัน BAM เตรียมนำระบบ AI มาช่วยในการประเมินกำลังความสามารถในการชำระเงินของลูกหนี้ และวิเคราะห์แผนการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมกับลูกหนี้อีกด้วย

2.)Transformation for Growth มีเป้าหมายเพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการเพิ่มยอดผลเรียกเก็บและช่วยลดค่าใช้จ่าย โดยทำ Digitalization Channel ในการสื่อสารกับลูกค้าแบบครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาติดต่อ BAM ทุกช่องทางได้รับประสบการณ์ที่ดีในการให้บริการ นอกจากนี้ การนำ Data มาใช้ในการวิเคราะห์และช่วยในการตัดสินใจเพื่อให้การบริหารหนี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

3.)Transformation for Efficiency ได้มีการจัดทำระบบบริหารจัดการสินทรัพย์ เพื่อให้กระบวนการในการติดตามและแก้ไขหนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดหาเครื่องมือทางด้านดิจิทัล ที่ช่วยให้พนักงานสามารถใช้ระบบสารสนเทศระดับองค์กร (Enterprise Information System: EIS) เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการดำเนินงานและการตัดสินใจ

นอกจากนี้ ในโอกาสครบรอบ 25 ปี BAM ได้จัดทำซีรีส์ภายใต้ธีม “อิสระ เดอะซีรีส์ : BAM ทางออกสู่อิสระ” 2 เรื่อง ได้แก่   ซีรีส์ “BAM อิสระจากวังวนหนี้”มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ของ BAM เข้ามาประนอมหนี้และช่วยให้ลูกหนี้สามารถซื้อคืนทรัพย์หลักประกันได้ และ “BAM ฝันมีทรัพย์เป็นจริง” สานฝันชีวิตของคนทำงานวัยเริ่มต้นจากการซื้อทรัพย์ BAM ทั้งการซื้อเพื่อเป็นบ้านอยู่อาศัยและซื้อเพื่อการลงทุน โดยจะออนแอร์บนสื่อโซเชียลมีเดียผ่านแพลตฟอร์ม Facebook, YouTube และ TikTok : BAM Thailand ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน – 20 ธันวาคม 2567

You can share this post!